5 ส.ค. 2022 เวลา 16:46 • ปรัชญา
ธรรมชาติล้วนจัดสรรให้มีมนุษย์แล้ว ก็อาศัยจิตจากอบายภูมิบ้าง นรกบ้าง เทวดาบ้าง มากจากหลายสถานที่ ให้จิตนั้นได้พักความทุกข์จากอบายภูมิบ้าง ให้สร้างบุญกุศลกุศลบ้าง
เหมือนกับว่า เมื่อได้สังขารมนุษย์ดีมาใช้ มีกายครบอาการสามสิบสอง มีอารมณ์ต่างนานา มีความนึกคิด ม๊วิญญาทั้งหกพร้อม ให้ไปสัมผัสสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต แล้วจะเลือกสรรค์ เสาะแสวงหาหาการเลี้ยงดูสังขารอย่างไร มีเวลาให้จิตละดวงประมาณแปดสิบปีร้อยปี เกิดมาแล้ว ก็ต้องมีคู่ไม่มีคู่ ออกลูกออกหลาน สั่งสอนเรื่องการกินการนอน ตามถิ่นที่อยู่ หากินไป
บ้างก็แย่งชิงเล็กๆน้อยๆ บ้างก็ชิงบ้านชิงเมือง บ้างก็อยากจะควบคุมให้ยิ่งใหญ่ไปทั้งโลกา เสาะแสวงหาความรู้ เอามาใช้สอย ทำอุปกรณ์บำรุงดูแลมนุษย์ให้สุขสบาย ทำอะไร ไปไหนมาไหนให้รวดเร็วได้ดังใจอยากของมนุษย์ ก็บอกว่าเจริญ
บ้างก็เอาความรู้ไปสร้างอาวุธ แข่งกันว่า จะเข่นฆ่ากันได้เร็ว ตายกันที่ละมากๆ ได้ยิ่งดี บ้างพวกก็ยังว่ามันไม่เนียนในการเข่นฆ่า ก็สร้างเชื้อโรค สารเคมีมาทำลายกัน จะได้ไม่มีใครประนาม จับได้ว่าใครมันช่างชั่วร้ายสามาน ก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรกันดี
จิตของคนที่จะมาเกิดใหม่ไม่รู้ว่าจากไหนกันบ้าง ถ้าขึ้นมาจากนรกอบายภูมิ ความโหดร้ายทำลายกันก็จะมากขึ้น คำว่าพระคุณพ่อแม่ก็คงจะสูญหายไป เพราะสัตว์อบายเค้าเรียกพ่อแม่ไม่เป็น พ่อแม่เลียงโตมาหน่อย มันก็กัดพ่อแม่มัน เหมือนสุนัข พอลูกมันโตเป็นหนุ่มแข็งแรง ข้าวในกาละมังมันจะต้องกินก่อน ขู่แม่มันอย่ามาแย่งกิน
ถ้าพวกขึ้นมาจากอบายมาก มาเกิดเป็นคน เรื่องราวคำว่า ศีลธรรม จริยธรรมมันก็ไม่มีหรอก ก็มามาจากอบายภูมิกัน ส่วนที่มาจากเทพ เค้าก็รู้ว่าจะมาเกิดในโลก โลกมนุษย์ยุคนี้ มีความพร้อมให้มาเกิดสร้างบุญกุศลบารมีหรือเปล่า หากเห็นว่าไม่พร้อม เค้าก็ชะลอการเกิดไว้ก่อน เพราะบางองค์สามารถชะลอได้
แล้วการเกิดเป็นมนุษย์ของจิตที่สูงๆ มาจากเทพอินทร์พรหม ท่านก็รู้ว่ามีความเสี่ยงในการเกิด ผิดพลาด เผลอ หลงใหล อารมณ์ ที่เค้าว่ากามะ ที่เกิดขึ้นที่วิญญาณทั้งหกไปสัมผัสเป็นอารมณ์เกิดขึ้นที่กาย หากไม่มีสติรู้จัก ยับยั้ง จิตไม่เข้มแข็ง คุณธรรมที่จิตไม่มี เผลอทำไปตามอารมณ์ สิ่งที่ได้คือกรรม ที่มีโอกาสพาจิตไปสู่อบายภูมิ
เมื่อโลกาจะถึงคราวเปลี่ยนแปลง เค้าว่านรกก็เต็มล้นแออัด ก็ต้องกลับ เอาจิตพวกที่ เกิดมาแล้ว ไม่ทำประโยชน์อะไรให้แก่จิตของตนเอง เค้าก็เอาไปลงนรกเสียบ้าง ก็เก็บกวาด กันคราวล่ะมากๆ ดินฟ้าอากาศก็วิปริต ไหนจะโรคระบาด โรคมะเร็ง เรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้นไปทั่ว มนุษย์ก็จะหาความสุขสงบได้ยาก แล้วจำนวนมนุษย์ก็น้อยลงไปๆ บ้านจะไม่คนอยู่ ข้าวจะไม่มีคนกิน เหมือนที่โบราณเค้าเคยเล่าขานกันมา
เหมือนว่า โลกเจริญทางด้านวัตถุมามากพอแล้ว ก็เก็บกวาดไป แล้วเริ่มต้นใหม่ สร้างอารยธรรมกันใหม่ จิตที่ดีๆเค้าก็จะได้มาเกิดสร้างบุญกุศลบารมีบ้าง เพื่อให้โลกเป็นเวลาของจิตใจเจริญขึ้น ไม่ได้เอาเรื่องวัตถุเป็นใหญ่ เอาเรื่องของจิตใจดีๆเป็นใหญ่
สิ่งสุดท้ายเมื่อจิตออกจากร่าง ล้วนต้องการคำว่า ทานบุญกุศลบารมี เพราะกายมนุษย์ก็ต้องทิ้งไว้ในโลก วัตถุสิ่งของจะร่ำรวยมากมากมายก่ายกองก็เอาไปไม่ได้ เป็นยาจก ผ้าขี้ริ้วก็เอาไปไม่ได้
เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นของๆโลก ก็ต้องทิ้งไว้ในโลก ไปเพียงจิตดวงเดียว น่ากลัวหนักหนา ไม่รู้ว่าจะได้พ่อแม่ที่ไหนให้สังขาร จะไปตกระกำลำบาก ตรงไหนบ้างก็ไม่รู้เลย คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้แต่บอกว่าไปที่ชอบๆ จิตชอบทำอะไรไว้บ้าง ก็ไปอยู่ในนิสัยของรูปกรรมที่ตนชอบ
หมายเหตุ พอดีไม่มีความรู้ทฤษฎีมาสโลว์ อะไรกับเค้า ก็คงเลยไม่รู้ว่าจะเอาทฤษฎีมาสโลว์ มาเขียน ต้องขออภัยด้วย
โฆษณา