7 ส.ค. 2022 เวลา 03:25 • ความคิดเห็น
“เมื่อญี่ปุ่นจมหายทั้งเกาะ”
เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พบเจอภัยธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง
ด้วยเพราะลักษณะที่ตั้งภูมิประเทศ ที่ตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลก 4 แผ่น ได้แก่
แผ่นเปลือกโลกแปซิฟิก ยูเรเซีย ฟิลิปปินส์ และ อเมริกาเหนือ ทำให้แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่เข้าหากันตลอดเวลา จนนำไปสู่การเกิดแผ่นดินไหว, สึนามิ และภูเขาไฟระเบิด
นอกจากนี้ประเทศญี่ปุ่นยังตั้งอยู่ในแนววงแวนแห่งไฟ หรือ Ring of Fire บริเวณรอยต่อเปลือกโลกรอบมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ไล่ตั้งแต่นิวซีแลนด์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น อลาสกา ไปจนถึงชิลี ซึ่ง 90% ของแผ่นดินไหวทั่วโลกเกิดขึ้นบริเวณแนววงแหวนแห่งไฟนี้ทั้งหมด
ด้วยสาเหตุเช่นนี้จึงให้มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์หากประเทศญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงต่อเนื่องที่บริเวณแนววงแวนแห่งไฟ หรือ รอยต่อเปลือกโลกบ่อย ๆ เข้า ประเทศญี่ปุ่นทั้งประเทศอาจจมหายไปได้ทั้งเกาะ ซึ่งทฤษฎีเหล่านี้ก็ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวัง คอยตรวจจับรอยเลื่อนว่าหากอยู่ในระดับที่น่ากลัวจนอาจเกิดความเสี่ยงที่มหาภัยพิบัติเกิดขึ้น จะได้เตรียมพร้อมอพยพประชาชนได้ทันท่วงที
และวันนี้ผมจะขอแนะนำซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องนี้ได้อย่างดี ซีรีส์เรื่องนี้มีชื่อว่า
Japan Sinks 2023 : People of Hope
ซีรีส์ Japan Sinks 2023 : People of Hope สร้างมาจากนวนิยายขายดีทื่ชื่อ Japan Sinks ของ Sakyo Komatsu ที่บอกเล่าเหตุการณ์การเกิดภัยพิบัติที่ทำให้ญี่ปุ่นทั้งประเทศจมหายไปทั้งเกาะ
1
หนังเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่ชื่อ เคชิ อามามิ โดยอามามิเป็นชายหนุ่มที่เติบโตมาจากครอบครัวชาวประมง ในวัยรุ่นเขาได้เห็นปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่ทางการปกปิดไม่ยอมแจ้งข่าว และไม่มีการแก้ไขปัญหาใด ๆ จนทำให้ปลาอพยพหายไปจากน่านน้ำ พ่ออามามิจึงตัดสินใจออกหาปลาในน่านน้ำทะเลลึกไกลจากริมฝั่งในช่วงฤดูมรสุมเพื่อที่จะหาปลามาสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว
แต่แล้วเรือก็ประสพอุบัติเหตุพลิกคว่ำเป็นเหตุให้พ่ออามามิจมน้ำเสียชีวิต จากเหตุการณ์นี้อามามิให้สัญญากับตัวเองว่าเมื่อโตขึ้นเขาจะเข้าไปทำงานในรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และเพื่อช่วยเหลือประชาชนคนธรรมดาที่ไม่มีปากเสียงให้ได้
อามามิ เติบโตกลายเป็นหนุ่มใหญ่แล้วได้เข้าทำงานที่กระทรวงสิ่งแวดล้อมได้สำเร็จ เขาได้ผลักดันโครงการคอมส์ โครงการที่ใช้เทคโนโลยีพลังสะอาดเพื่อนำญี่ปุ่นก้าวสู่โลกอนาคต ไม่ต้องใช้พลังงานที่ไปทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีก็เห็นดีเห็นงามด้วย โครงการคอมส์จึงถูกสร้างขึ้นมา
แต่แล้วก็มีนักธรณีฟิสิกส์แนวหน้าของญี่ปุ่นให้ข่าวว่าโครงสร้างของโครงการคอมส์ใต้ท้องทะเลมีส่วนทำให้รอยเปลือกโลกเคลื่อน ซึ่งมันจะทำให้ภูมิภาคคันโตที่โตเกียวตั้งอยู่จมทะเลภายใน 1 ปีแน่นอน
แม้อามามิจะเป็นผู้ผลักดันโครงการคอมส์ขึ้นมาเอง แต่เมื่อเขาได้ทราบข่าวความเป็นไปได้ว่าคันโตจะจม เขาจึงได้สืบหาข้อมูลเพื่อที่จะรู้ความจริงให้ได้ว่า โครงการคอมส์เป็นเหตุให้คันโตจะจมจริงหรือไม่ อามามิส่งข้อมูลไปให้นักธรณีวิทยาชั้นนำของโลกวิเคราะห์ตรวจสอบความเป็นไปได้ถึงโอกาสที่คันโตจะจม แล้วผลก็ออกมาว่าภูมิภาคคันโตมีโอกาสจมมากถึง 70% ทำให้อามามิตัดสินใจที่จะให้นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวร้ายนี้ให้ประชาชนได้ทราบเพื่อจะได้เตรียมอพยพช่วยเหลือคนให้ได้มากที่สุด
คนมีอำนาจในรัฐบาลเมื่อทราบข่าวนี้ก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป
บางคนสนับสนุนแนวคิดของอามามิที่ควรประกาศความจริงให้ประชาชนได้ทราบ เพราะคนคือสิ่งสำคัญที่สุด ทางรัฐบาลจำเป็นต้องแจ้งประชาชนเพื่อเตรียมอพยพหนีภัยช่วยคนให้ได้มากที่สุด
บางฝ่ายมองว่าควรประกาศเนื้อหาข้อความแค่บางส่วน ยังไม่จำเป็นต้องบอกว่าจะจมทั่วภูมิภาคคันโต เพราะมันจะทำให้ประชาชนแตกตื่นตกใจกลัวจนเกิดความวุ่นวายได้ ควรรอให้ทางภาครัฐหาวิธีช่วยเหลือให้ได้ก่อนค่อยประกาศทุกอย่างทีหลัง
บางคนมองว่าไม่ควรประกาศอะไรออกไป เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นคือรากฐานความเจริญของประเทศ การประกาศข่าวนี้ออกไปมันจะทำให้หุ้นตก ค่าเงินเยนร่วงไม่มีมูลค่า จนเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจพังล้มครืนลงมา
และบางคนไม่เชื่อว่าคันโตไม่มีทางจมทะเล จึงอยากให้นายกออกมาปฏิเสธทฤษฎีนักฟิสิกส์ธรณีวิทยาที่ออกมาให้ข่าวว่าคันโตจะจมน้ำ พร้อมกลับให้หาหลักฐานมาหักล้าง
ทุกคน ทุกฝ่ายต่างมีมุมมองความคิดเห็นต่างกันไป แต่ละคนต่างก็เชื่อในสิ่งที่ตนเองเชื่อว่าทำไปเพื่อประเทศญี่ปุ่น ทุกฝ่ายมุ่งมั่นพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อผลักดันความเชื่อของตัวเองให้ออกมาเป็นจริง จนบางทีมันก็เลยเถิดกลายเป็นสร้างความวุ่นวายขึ้นมาแทน
ซึ่งก็ไม่มีใครรู้เลยว่าภาวะโลกร้อนมันกำลังส่งผลกระทบซ้ำเติมในวิกฤตนี้ให้ทวีความรุ่นแรงมากขึ้น ทั้งเรื่องน้ำแข็งละลายจนเชื้อแบคทีเรียดึกดำบรรพ์ระเหยออกมาติดคนกลายเป็นโรคระบาดแพร่กระจาย หรือระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นเมื่อรวมกลับแผ่นเปลือกโลกที่เคลื่อนไหวแล้วมันจะรุนแรงถึงขนาดทำให้ประเทศญี่ปุ่นจมหายไปทั้งประเทศ
ในวิกฤตซ้อนวิกฤตซ้อนวิกฤตเช่นนี้ อามามิและผู้นำประเทศญี่ปุ่นจะหาทางแก้กันยังไง เราไปหาคำตอบได้ที่ซีรีส์ Japan Sinks 2023 : People of Hope ทาง Netflix กัน
ตัดภาพมาที่ในชีวิตจริงเรา ทางกรีนพีชได้เคยออกมาพูดถึงปัญหาโลกร้อนว่ามันจแปรปรวนทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะส่งผลกระทบให้เมืองใหญ่ในหลาย ๆ ประเทศจมน้ำ ซึ่งกรีนพีชก็ได้พูดเตือนถึง กรุงเทพฯ ด้วยว่าภายในปี 2030 พื้นที่ในกรุงเทพฯ กว่า 96% จะจมน้ำ ซึ่งหากการวิเคราะห์ทางกรีนพีชเป็นความจริง นั่นหมายความว่ากรุงเทพฯ มีเวลาเหลืออีก 8 ปีก่อนที่จะจมน้ำถาวร
2
8 ปีถือว่ายังมีเวลามากกว่า 1 ปี ใน Japan Sink 2023 แต่ในชีวิตจริงกลับการเตรียมพร้อมแก้ปัญหาระดับนี้ถือว่าน้อยมาก ได้แต่หวังว่าผู้มีอำนาจจะเตรียมพร้อมหาทางแก้ปัญหานี้โดยเอาประชาชนเป็นที่ตั้งได้ทันการณ์
1
ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราจะมีทางออกของปัญหานี้
และผ่านมันไปได้ด้วยดี เอาใจช่วยให้กรุงเทพฯ ฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ครับ
1
อ้างอิงเนื้อหาและรูปจาก
Japan Sinks 2023 : People of Hope
โฆษณา