9 ส.ค. 2022 เวลา 00:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#ร้อยคนร้อยหุ้น หุ้น HMPRO : สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
"เริ่มการตอบคำถาม
1.งาน HomePro SUPER EXPO เมื่อกรกฎาคม?
คุณรักพงศ์: เมื่อกี้นี้แจ้งไปแล้วนะครับ ก็ได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดี และจริงๆ อัตราการใช้ก็ต้องบอกว่าลูกค้าสะดวกขึ้น และข้อดีของการที่จัดลักษณะนี้ก็คือ จะไม่ได้เป็นจุดเดียวก็คือจุดที่เมืองทองธานี ก็จะกลายเป็นว่าทุกๆ สาขา ซึ่งสิ่งที่ดีขึ้นก็คือในต่างจังหวัด ต่างจังหวัดทุกๆ สาขาเองก็เข้าร่วมด้วย และคนต่างจังหวัดเองก็สามารถที่โอกาสมาจับจ่ายใช้สอยและร่วมโปรโมชันของ HomePro SUPER EXPO นี้ด้วย
ซึ่งที่ผ่านมาเองต้องบอกว่าในจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวก็ค่อนข้างที่จะมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ เพราะว่าจริงๆ ก็อย่างที่เราทราบ ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศด้วย ถึงแม้นักท่องเที่ยวจะไม่ได้เป็นลูกค้าเราโดยตรง แต่ว่าจริงๆ พอมีเรื่องของ นักท่องเที่ยวที่เข้ามา ก็คือทำให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มขยับและเริ่มมี activity ต่างๆ คนในจังหวัดที่มีท่องเที่ยวเป็นส่วนประกอบหลักก็มีเงินมีอะไรต่างๆ ที่จะเข้ามามากขึ้นในการดำเนินใช้สอย
1
2.แนวโน้มของไตรมาสที่ 3 มีเป้าหมายอย่างไร แบบไหน?
คุณรักพงศ์: ที่จริงเมื่อกี้ก็กล่าวไปแล้วเบื้องต้นนะครับ ส่วนที่หนึ่งต้องบอกก่อนนะครับว่าคิดว่าในไตรมาส 3 คงมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าในครึ่งปีแรกแน่ๆ แต่ว่าส่วนหนึ่งต้องยอมรับครับว่าเป็นเรื่องของฐานที่ปรับจากปีที่ผ่านมา ที่มีการปิดประมาณสัก 1 เดือนครึ่งในช่วงปีที่แล้ว โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ก็คือเอาแค่ที่แจ้งไปเมื่อกี้นี้ แม้กระทั่งเดือนกรกฎาคมเองก็มีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดีแล้ว และถ้าจากรายได้เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ก็ต้องบอกว่ามีการล็อกดาวน์เต็มเดือน
เพราะฉะนั้นคือถ้าไม่ได้มีอะไรพิเศษและมีการขายได้ปกติในปีนี้ ก็น่าจะมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดี จริงๆ ต้องบอกว่าโดยทั้งปีเราวางไกด์ไลน์ same store sales growth ไว้ประมาณสัก +5% ซึ่งถ้าสังเกตจริงๆ ต้นปีก็บวกสักประมาณ 1 – 2% ก็ยังถือว่า mid-line อยู่ เพราะว่าในช่วงของไตรมาส 3 เองก็จะเป็นไตรมาสที่ค่อนข้างเยอะ
1
3.บริษัทได้รับผลกระทบจากค่าเงินบ้างหรือไม่?
คุณรักพงศ์: ต้องบอกว่าโดยหลักๆ เอง บริษัทมีการนำเข้าสินค้า ถ้าเราพูดถึงว่ายอดขายทั้งหมด 100% ก็จะมีสินค้าที่เป็นลักษณะของสินค้านำเข้าประมาณสัก 10% ถามว่าเยอะไหม ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ว่าถามว่ามีผลกับค่าเงินบาทบ้างไหม คำตอบก็คงต้องมีบ้าง
เพราะว่าจริงๆ แล้วผมคงไม่ได้มองว่าค่าเงินบาทอย่างเดียว มันมีทั้งเรื่องของกลุ่มต้นทุน เรื่องของค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ค่าขนส่ง หรือโลจิสติกส์ต่างๆ ซึ่งพอค่าน้ำมันขึ้น จริงๆ มันจะกระทบไปทั้งเรื่องของวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์เอง สินค้าเอง และตรงๆ เลย คือค่าเงินที่อ่อนลงก็มีผลทำให้มีราคาที่อาจจะดูสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าเราก็มีการ protect ค่าเงินไว้ในการซื้อแต่ละล็อต ก็ทำให้เราไม่ได้มีความเสี่ยงในลักษณะของที่มันสวิงจนเรารับไม่ได้ขนาดนั้น
4.กลุ่มลูกค้าใหญ่ๆ ของบริษัทเป็นใครบ้าง?
คุณรักพงศ์: ต้องบอกอย่างนี้ก่อน โอเค เราแบ่งเป็นภาคใหญ่ๆ ก่อนแล้วกันนะครับ เรามีโฮมโปร โมเดลของโฮมโปร โฮมโปรกลุ่มลูกค้าหลักๆ จริงๆ คือ กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่เป็นลักษณะของเจ้าของบ้านเข้ามาซื้อเป็นหลัก ต่อให้บางทีมีช่างหรือมีสถาปนิกเข้ามา ก็เป็นการซื้อโดยที่เจ้าของบ้านอาจจะเป็นการเลือกแล้วหรือว่ามีการมาเลือกพร้อมกัน เพราะฉะนั้นคือก็จะค่อนข้างเป็นกลุ่มลูกค้าเจ้าของบ้านเป็นหลัก ในขณะที่ในภาคของกลุ่มเมกาโฮมจะคาแร็กเตอร์ต่างกัน
แต่ว่ามีลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้านบ้างไหม ก็มีบ้างนะครับ อาจจะอยู่ในสัดส่วนหนึ่ง แต่ว่าโดยหลักๆ เอง ของกลุ่มธุรกิจเมกาโฮมจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่รองรับกับกลุ่มผู้รับเหมา กลุ่มที่เป็นช่างมากกว่า เพราะฉะนั้นคือก็คงมีการแยกกันชัดเจนในด้านกลุ่มลูกค้าของเมกาโฮม กับกลุ่มลูกค้าของโฮมโปรนะครับ
5.ยอดขายของออนไลน์เป็นกี่เปอร์เซ็นต์?
1
คุณรักพงศ์: ยอดขายของออนไลน์ต้องบอกว่าปีนี้เองก็ยังอยู่ประมาณสัก 6% sales mix ต้องบอกว่าในช่วงที่มีโควิด-19 ที่ผ่านมา ในช่วงของปี 2020 และ 2021 ในช่วงเวลาที่มีการล็อกดาวน์ จริงๆ ต้องบอกว่าอีคอมเมิร์ซมี sales mix ทะลุขึ้นไปถึง 10% และ average ของ 2 ปีที่ผ่านมาเองจริงๆ ก็อยู่ที่ราวๆ ค่อยๆ เขยิบขึ้นมา
1
เล่าให้ฟังนิดหนึ่งคือปี 2019 เรามี sales mix อยู่สัก 1% เอง ก่อนโควิด-19 พอมาช่วงของปี 2020 ก็ขึ้นมาแล้ว 5% พอมาปี 2021 ขึ้นมาประมาณสัก 6 เกือบ 7% บนภาวะที่มีการล็อกดาวน์ เพราะฉะนั้นคือบนภาวะของปีนี้ที่ไม่มีการล็อกดาวน์ใดๆ ทั้งสิ้น ต้องบอกว่ายอดขายออนไลน์ที่ยังอยู่ในระดับ 6% ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูง ก็ไม่ได้ตกลงไปเหมือนตอนปี 2019 นะครับ
6.บริษัทมีแผนเปิดสาขาในจังหวัดรองบ้างหรือไม่?
คุณรักพงศ์: ถ้าเราพูดถึงโฮมโปรก่อน โฮมโปรเรามีการเปิดสาขากระจายไปค่อนข้างครบแล้ว 90 กว่าสาขาถ้ารวม OS ทั้งหมด ก็ค่อนข้างกระจายครบ แต่อย่างไรก็ตามในโฮมโปรเอง เราก็ยังมีการเปิดอยู่ตลอด ซึ่งโฮมโปรเรามีการเปิดทุกปี ต้องบอกอย่างนี้ก่อน เพียงแต่ว่าเปิดสัก 1 – 2 สาขา ในปีนี้เองหลังจากที่เรามีการย้าย เราก็ยังมีแผนการเปิดสาขาโฮมโปรอีกสาขา ก็ยังคงเป็นกรุงเทพฯ รอบนอก
เพราะว่าจริงๆ ต้องบอกว่าโฮมโปรโมเดลค่อนข้างกระจายเยอะแล้วในแทบจะทุกจังหวัดเลย ในจังหวัดรองก็มี ในขณะที่ฝั่งของเมกาโฮมเองต้องบอกว่าเราก็มีการหยุดขยายสาขาไปได้สักประมาณ 2 – 3 ปีแล้วครับ เราขยายสาขาสุดท้ายน่าจะปี 2019 แล้วพอปี 2021 ก็ไม่ได้มีการขยายสาขา
ในปีนี้เอง แผนของการขยายสาขาเรามีทั้งหมด 5 สาขาสำหรับเมกาโฮม ซึ่งโดยหลักๆ จะอยู่ที่ต่างจังหวัด ก็จะมีกรุงเทพฯ หรือรอบๆ นอกของกรุงเทพฯ อยู่ประมาณสัก 1 ที่ ที่จริงต้องบอกว่าในวันนี้เองเราก็เปิดตัวเมกาโฮมที่พัทยาเป็นไซต์แรกของปีนี้ ของเมกาโฮมที่พัทยา และคงยังมีอีก 4 สาขา ซึ่งโดยหลักๆ ก็จะมีสัก 3 สาขาที่ไปอยู่ที่ไตรมาสที่ 4 นะครับ
7.ปีนี้ยอดขายเติบโตตามที่คาดหวังไหม?
คุณรักพงศ์: ที่จริงต้องบอกว่าก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เรารับได้ ต้องบอกว่าตอนครึ่งปีแรกแล้วกัน มีในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่อาจจะดูแล้วเหมือนกับ โอเค ผิดแผนไปนิดหน่อย เพราะว่าจริงๆ ก็อย่างที่ทราบครับ ตอนที่เราทำแผนกัน ที่เรามองเอง ปัจจัยในเรื่องของเงินเฟ้ออาจจะดูไม่รุนแรงเท่านี้ และค่าน้ำมันเองก็อาจจะไม่รุนแรงเท่านี้ เพราะบางทีก็อาจจะเป็นข้อจำกัดหรือข้อความเสี่ยงเพิ่มขึ้นดีกว่า ว่าถึงแม้ยอดขายได้ แต่ว่าอาจจะมีปัจจัยในเรื่องของ cost ต่างๆ ที่เข้ามากระทบบ้าง
อย่างไรก็ตามเราก็มีแผนในการดูแลหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายหรือว่าควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ อย่างที่มีการแจ้งว่าปีนี้เอง ต้องบอกว่าที่ผ่านมาเรามีการติดโซลาร์เซลล์ ในโซลาร์รูฟของการใช้ไฟในสาขาไปแล้ว 48 ไซต์ ซึ่งเราก็ยังมีแผนการติดอยู่ ในปีนี้ก็มีแผนการติดอยู่
เพราะฉะนั้นคือ ส่วนนี้ก็เป็นส่วนส่วนหนึ่งที่จะเป็นการช่วยควบคุมในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ relate กับเรื่องของพลังงานด้วย และส่วนอื่นๆ ก็คงมีด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นคือ ภาพรวมก็คิดว่ายอดขายก็ยังอยู่ในไปป์ไลน์ อาจจะมีความเสี่ยงขึ้นมาบ้างนะครับ
8.แนวโน้มการนำสินค้าใหม่จะเพิ่มตรงส่วนไหน?
คุณรักพงศ์: ที่จริงต้องบอกว่าสินค้าเราแบ่งเป็น 2 ส่วนแล้วกัน ส่วนที่ 1 เราบอกว่าสินค้าลักษณะเดิมเราจะมีสินค้าใหม่และสินค้าเก่าออกไปตลอด เราเรียก new และ released มีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเราก็อาจจะมีการมาทดแทนตัวเก่าที่อาจจะตกรุ่นหรือว่าอาจจะเปลี่ยนคอลเลกชันหรือดีไซน์อะไรต่างๆ พวกนี้คือส่วนที่เป็นเรื่องของ process ปกติ
กับอีกแบบหนึ่งก็คือมีการนำสินค้าใหม่ๆ เข้ามานำเสนอเลย หรือว่ามีการทำในเรื่องของ private level ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเองก็ในช่วงปีนี้ ก็พัฒนาในเรื่องของสัดส่วนของ sales mix สัดส่วนของการขายของสินค้า private brand มีการเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะเป็นส่วนที่ทำให้ในเรื่องของ margin มีการปรับตัวที่ดีขึ้นด้วยนะครับ
9.มีแผนจะไปเปิดมาเลเซียหรือที่เวียดนามหรือไม่?
คุณรักพงศ์: โอเค ขอพูดภาพในเรื่องของต่างประเทศเลย ให้เห็นนิดหนึ่งนะครับ ต้องบอกว่ามาเลเซียเองในปีที่แล้ว เราก็เปิดเพิ่ม 1 สาขา ถ้าอยู่ในเขต คือ เขต Damansara ซึ่งก็คืออยู่ในเมืองหลวง ใน KL ของเขา ในปีที่แล้วพอเปิดมาก็เจอโควิด-19 เลย แต่ว่าพอมาปีนี้ก็เปิดได้ค่อนข้างเต็มที่ และจริงๆ ต้องบอกว่าสภาวะภาพรวมเศรษฐกิจของมาเลเซียเองก็คงไม่ต่างกับของเมืองไทยมากนัก เจอเรื่องของเงินเฟ้อ เจอเรื่องของต้นทุนอะไรต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น
ถึงแม้น้ำมันบ้านเขาจะถูกกว่าเรา แต่ว่าเขาก็โดนแรงกดดันในเรื่องของกลุ่มพวกนี้ด้วยเช่นกัน รัฐบาลของมาเลเซียเองก็อย่างที่คุณรุจิรดาเล่า ก็มีเรื่องของมาตรการการนำเอา provident fund ออกมาใช้ได้ ซึ่งใน quarter 2 เอง มาเลเซียค่อนข้างเติบโตได้ดีมากในเชิงของเปอร์เซ็นต์ same store ในเดือน 4 – 5 ก็ต้องบอกว่าได้รับผลประโยชน์จากเรื่องของตัวที่รัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเรื่องดังกล่าว เหมือนกันครับ
ในของมาเลเซียเองในปีที่แล้ว 2021 ตั้งแต่ประมาณเดือนมิถุนายนจนถึงประมาณกลางเดือนกันยายน เขาอยู่ในช่วงของล็อกดาวน์ประเทศเหมือนกัน ธุรกิจต่างๆ ซึ่งรวมถึงการเปิดโฮมโปรเองก็อาจจะเปิดได้ไม่เต็มที่ ก็ทำให้จริงๆ แล้วใน quarter 2 เองก็ค่อนข้างมี same store ค่อนข้างเยอะ และของไตรมาส 3 เองก็มีแนวโน้มที่ค่อนข้างเยอะเช่นกัน ตอนนี้เท่าที่ดู เดือน 7 เองก็มีการเติบโตเยอะ
แต่ว่าอย่างที่ทราบครับ เป็นเรื่องของฐานเสียค่อนข้างมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องของการขายเองก็ถือว่าใช้ได้ ยังกลับขึ้นมาได้ดีระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่ายังไม่เข้าปี 2019 สำหรับแผนการเปิด จริงๆ แล้วต้องบอกว่ามาเลเซียเองเราก็มีการดู parallel ในเรื่องของพื้นที่ ดู location ที่จะเปิดสาขาถัดๆ ไปด้วย ซึ่งก็คงไม่ทันในปีนี้ของทั้งมาเลเซียและเวียดนาม ต้องบอกอย่างนี้ก่อน
1
สำหรับเวียดนามเอง เหมือนกันครับ เราเริ่มมีการเข้าไปจดทะเบียน จริงๆ ต้องบอกว่าปลายปี 2020 แล้ว ต้นปี 2021 เราก็เริ่มมีการขายสินค้าที่เวียดนามโดยการขายผ่านแพลตฟอร์มของ Shopee, Lazada ก็คือ มาร์เก็ตเพลซ ก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในการขายทางแพลตฟอร์มอย่างนี้มันก็จะดีอย่างหนึ่ง คือ ทำให้เราสามารถรู้แนวโน้มหรือว่าความต้องการของลูกค้าที่เวียดนามได้ และในระหว่างนี้เองเราก็ parallel ในการที่จะดู location ที่จะเปิดในเวียดนาม
1
ซึ่งแน่นอนครับ คงไม่ทันปีนี้ แต่ก็ต้องบอกว่าเวียดนามเราก็มีแผนจะเปิดเป็น physical store ก็คือเป็นสโตร์แน่นอน คงไม่ได้เป็นการขายผ่านอีคอมเมิร์ซ หรือมาร์เก็ตเพลซอย่างเดียวนะครับ
10.มีการทำ scout OEM ไหม?
คุณรักพงศ์: OEM จริงๆ ก็เป็น private brand ตัวหนึ่ง จริงๆ ก็มีการทำ OEM ในประเทศและจากต่างประเทศเองด้วยเช่นกัน ก็มีสัดส่วนการขายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในปีนี้เองก็มีสัดส่วนการขายที่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
11.มีแผนเร่งการเปิดสาขาเมกาโฮมไหม?
คุณรักพงศ์: ใช่ครับ ก็ในปีนี้เองต้องบอกว่าก็ถือว่าเป็นปีที่เราค่อนข้างมีความมั่นใจกับเมกาโฮมมากขึ้น เพราะว่าต้องบอกว่าในปีที่เราไม่ได้ขยายสาขาเอง ในปี 2020 และ 2021 เองก็ตาม ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้ขยายเมกาโฮมแล้ว เราไม่ได้คิดจะขยายและไม่คิดจะปรับปรุงประสิทธิภาพเขานะครับ ต้องบอกว่าเมกาโฮมเองเราก็มีการปรับปรุงประสิทธิภาพตลอดอย่างต่อเนื่อง และมีการรวมทีมกันระหว่างโฮมโปร
พูดง่ายๆ คือทำให้เขามีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นคือ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เปิดสาขาในปี 2020 และ 2021 แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นอัตราการทำกำไรหรือเปอร์เซ็นต์ GP ก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอด แม้กระทั่งยอดขายที่ไม่ได้มีการเปิดสาขาเพิ่มขึ้นก็ตาม เพราะฉะนั้นคือทั้งหมดที่เราทำไป ทำให้ปีนี้เราค่อนข้างมีความมั่นใจมากขึ้นในเรื่องของตัวที่เราจะมีการขยายสาขากับเมกาโฮม และน่าจะมีอัตราการขยายที่มากขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา ในช่วง 2 – 3 ปีนี้ครับ
12.ในไตรมาสที่เหลือมีเรื่องของแผนการดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างไร?
คุณรักพงศ์: จริงๆ ต้องบอกว่าในเรื่องของลูกค้าหรือกิจกรรม อันนี้เป็นเรื่องของกิจกรรมทางการตลาดแล้วกัน ต้องบอกว่าเรามีแผนวางไว้แทบจะทุกเดือนเลย และจริงๆ ต้องบอกว่าใน activity ใหญ่ๆ จริงๆ เรามีการ create ขึ้นมาใหม่ๆ ค่อนข้างเยอะ
และในช่วงของไตรมาส 4 เอง ปกติเราก็จะมีการจัดงาน HomePro EXPO ซึ่งถ้าเกิดภาวะของโควิด-19 หรือภาวะความกังวลเกี่ยวกับเรื่องของการที่ต้องไปรวมกันเยอะๆ ยังไม่ผ่อนคลายลง ในงาน HomePro SUPER EXPO ที่เราจัดเองก็ถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้าง success และยังเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างดีและกระจายการทำโปรโมชันไปได้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศด้วย
ในส่วนอื่นๆ เอง ต้องบอกว่าในเรื่องของการขยายสาขาก็ทำให้ได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมา และในเรื่องของกลยุทธ์เดิมที่เรามีอยู่ จริงๆ ต้องบอกว่าเรามีทั้งเรื่องของกลุ่มของสินค้าที่ครบ ทั้งกลุ่มของ target ที่เป็นลักษณะของลูกค้าเจ้าของบ้านเองที่เป็นของโฮมโปร และรวมถึงมีกลุ่มของลูกค้าช่างที่เป็นลักษณะของธุรกิจของเมกาโฮม และมีการเปิดขยายสาขาที่จะครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้นด้วย
รวมถึงเรามีบริการในด้านของอีคอมเมิร์ซ ซึ่งทำให้ลูกค้ามีความสะดวกสบาย ซึ่งเรารวมข้างหลัง เราเรียกเป็น omnichannel ทำให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยได้มากขึ้น และมีบริการของเซอร์วิสต่างๆ ที่ก็ค่อนข้างที่จะได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดีในภาคของเซอร์วิสที่สามารถที่จะไป
หนึ่งคืออาจจะพ่วงกับสินค้า คือ การติดตั้งหรือว่าไปในลักษณะของการ maintenance หรือว่าในลักษณะของการที่ปรับปรุง ซ่อมแซม หรือว่าทำ renovate เลยให้กับลูกค้า ทั้งภาพที่เราคุย เราคงไม่ได้มองเป็นแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง จริงๆ ต้องบอกว่าทั้งหมดคือองค์ประกอบที่เราก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะผลักให้ลูกค้าสามารถที่จะเข้ามาซื้อและได้รับความสะดวกสบาย และน่าจะเป็นลูกค้ากับเราต่อเนื่องได้
คุณรักพงศ์: ก็น่าจะเป็นคำถามครบตามที่ส่งมาแล้ว หากท่านใดมีคำถามเพิ่มเติมจริงๆ สามารถส่งเข้ามาเพิ่มเติมได้ในตอนนี้นะครับ
คุณรุจิรดา: ดูเหมือนว่าจะไม่มีคำถามเพิ่มเติมแล้วนะคะ ถ้าอย่างนั้นคุณรักพงศ์มีอะไรจะพูดปิดท้ายอีกไหมคะ
คุณรักพงศ์: ก็คืออย่างที่บอกครับ ในครึ่งปีหลัง เราเห็นภาพรวมจริงๆ ก็ต้องบอกว่าแรงกดดันจริงๆ ฐานลบก็คงจะเป็นเรื่องของเงินเฟ้อ ภาวะของสงครามเองที่อาจจะเกิดขึ้น คือต้องบอกว่าเกิดขึ้นส่วนหนึ่งแล้วกันตั้งแต่ตรงรัสเซีย-ยูเครน และยังอาจจะมีในภาวะอื่นๆ อีก ไม่แน่ใจหรือเปล่าว่า เช่น จีนหรือไต้หวัน ถ้าจะมีอะไรที่มากกว่านี้
แต่ว่าเราคงมีแผนก็คือเรื่องของปัจจัยภายนอกที่อาจจะเป็นลักษณะของตัวที่เข้ามากระทบในลักษณะของปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าน้ำมัน หรือต้นทุนวัตถุดิบ หรือวัตถุดิบบางตัวที่จะขาดแคลน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทเองก็มีแผนต่างๆ ที่รองรับ ซึ่งจริงๆ ต้องบอกว่าของเราเองเป็นบริษัทที่ค้าขายในประเทศ เป็น domestic pay ล้วนๆ นั่นคือในเรื่องของการส่งขายต่างประเทศคงไม่ได้มีผลในเชิงของแรงกดดันตรงนั้น อาจจะมีแรงกดดันของฝั่งต้นทุนเสียมากกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าในภาพของการเติบโต อย่างน้อยก็คือต้องบอกฐานค่อนข้างต่ำในปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นคือในเรื่องของตัวเลขของการเติบโตคงมีแน่ๆ และในเรื่องของการขยายสาขาเองก็ต้องบอกว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างเปลี่ยนจากในช่วงที่ผ่านมา 2 ปี ในเรื่องเมกาโฮมที่มีการขยายเพิ่มมากขึ้น และในปีนี้โดยเฉพาะไปถึง 5 สาขา เพราะฉะนั้นเรามีแผนรองรับไว้สำหรับครึ่งปีหลังในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเสี่ยงหรือโอกาสที่เราจะพยายามเข้าไปหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วย เพราะฉะนั้นคือมีคำถามมีความกังวล
ก็คืออย่างที่แจ้งไปเมื่อกี้นะครับ จริงๆ เป็นปัจจัยภายนอกเสียค่อนข้างเยอะนิดหนึ่งในเรื่องขององค์ประกอบอย่างที่เราเจอโดยเฉพาะไตรมาส 2 ก็จะเห็นเรื่องของเงินเฟ้อโดยหลัก เรื่องของราคาน้ำมัน และส่งผลไปถึงค่าใช้จ่ายหรือวัตถุดิบต่างๆ นะครับ ก็ประมาณนี้ครับ
คุณรุจิรดา: ถ้ายังไงบริษัทก็อาจจะต้องปิด session เพียงเท่านี้นะคะ ขอขอบคุณท่านบริหารที่มาร่วมนำเสนอข้อมูล ขอบคุณทีมตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการจัดงานครั้งนี้ และที่สำคัญขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่สนใจเข้ามาฟังการแถลงผลการดำเนินงานของบริษัท แล้วพบกันใหม่ในไตรมาสหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
คุณรักพงศ์: สวัสดีครับ
สามารถเข้าไปอ่านกระทู้ "ร้อยคนร้อยหุ้น" อย่างละเอียดต่อได้ที่ https://bit.ly/3Q1C6C5
เป็นกระทู้พิเศษสำหรับสมาชิกเท่านั้น สามารถสมัครทดลองใช้ฟรี 30 วันก่อนอ่านได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ https://board.thaivi.org
โฆษณา