9 ส.ค. 2022 เวลา 00:09 • ธุรกิจ
วิธีที่ Samsung เอาชนะ Japan Inc. ด้วยการย้อนเกล็ดวิธีการของดินแดนอาทิตย์อุทัย
1
เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางธุรกิจที่น่าเหลือเชื่อมาก ๆ นะครับ กับวิธีการที่ Samsung เปลี่ยนจากบริษัทซัพพลายเออร์ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ให้กลายมาเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้
3
วิธีที่ Samsung เอาชนะ Japan Inc. ด้วยการย้อนเกล็ดวิธีการของดินแดนอาทิตย์อุทัย
พวกเขาได้เปลี่ยนจากแค่บริษัทรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์อื่น ๆ พลิกตัวเองให้กลายเป็น แบรนด์ผู้นำระดับโลกสำหรับทุกสิ่ง ไล่ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค พีซี smartphone โทรทัศน์ ไปจนถึงหน่วยความจำและเซมิคอนดักเตอร์
1
ความน่าสนใจที่หลายคนไม่รู้ก็คือ บริษัทจากเกาหลีใต้ ใช้ตำราแบบเดียวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น และทำให้ดีกว่า มีความมุ่งมั่นมากกว่าเพื่อเอาชนะ และในที่สุดก็สามารถเอาชนะบริษัทจากญี่ปุ่นได้ด้วยเกมของตัวพวกเขาเอง
2
Jong Yong Yun บุตรบุญธรรมของ Kun Hee Lee อดีตประธานกรรมการระดับตำนานของ Samsung Group ได้ใช้เวลาห้าปีในญี่ปุ่น
2
เขาได้ถูกส่งตัวไปญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 1978 เพื่อเป็นหัวหน้าสำนักงานสาขาของบริษัทที่นั่น ในปี 1992 Yun กลับมายังญี่ปุ่นอีกครั้งในฐานะประธานและซีอีโอของสำนักงานใหญ่ Samsung ที่โตเกียว
2
Jong Yong Yun บุตรบุญธรรมของ Kun Hee Lee อดีตประธานกรรมการระดับตำนานของ Samsung Group ได้ใช้เวลาห้าปีในญี่ปุ่น (CR:Emaze)
ซึ่งถ้าย้อนกลับไปตอนนั้น ผู้บริหารและผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นไม่เคยเรียก Samsung ด้วยการออกเสียงที่ต้องการว่า “Samsung” แต่พวกเขาเรียกว่า “ซันเซ” ซึ่งแปลคำภาษาเกาหลีเป็นคำว่า “สามดาว” ในภาษาญี่ปุ่น
ทศวรรษ 1970 และ 1980 เป็นช่วงที่วุ่นวายสำหรับอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคของญี่ปุ่น
1
JVC และ Sony มีส่วนร่วมในสงคราม VCR ที่ดุเดือด Sony ได้สร้างหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรียกว่า Walkman บริษัทอย่าง Pioneer , RCA และ JVC ต่อสู้กันอย่างดุเดือดในศึกวีดีโอดิสก์แบบอนาล็อก ส่วน Sony และ Philips ได้ร่วมมือกับผลักดัน CD
1
ในทางตรงกันข้าม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคของ Samsung ประกอบด้วย ทีวี วิทยุ เครื่องบันทึกเทปวิทยุ และเครื่องใช้ต่าง ๆ ซึ่งสำหรับ Samsung แล้ว VCR มีอุปสรรคในการเข้ามาร่วมแข่งที่สูงมากเป็นพิเศษ
1
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของญี่ปุ่นได้ทำงานร่วมกันเพื่อจัดทำข้อตกลงการอนุญาตให้ใช้สิทธิต่าง ๆ แต่ Samsung แทบไม่เคยมีทรัพย์สินทางปัญญาในการค้าขายมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
2
Yun กล่าวว่า ในการสร้าง VCR “เราต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ไม่เพียงให้กับ JVC เท่านั้น แต่ยังต้องจ่ายให้ Sony และ RCA ด้วย เนื่องจาก VCR แต่ละตัวได้รวมเอาเครื่องรับสัญญาณทีวีที่ RCA จดสิทธิบัตรไว้ด้วย”
3
Yun ได้บรรยายถึง Samsung ในสมัยนั้นว่าเป็น “Kohatsu” หรือ “ผู้ที่มาช้าเกินไป” ในภาษาญี่ปุ่น มันเป็นความหมายแฝงในเชิงดูถูกเล็กน้อย เพื่อกีดกันชาวเกาหลีออกจากกลุ่มของพวกเขาในยุคนั้น ซึ่งเหล่าผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากญี่ปุ่น ไม่เคยปล่อยให้ Samsung เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม หรือ พันธมิตรของพวกเขาเลย
2
แต่เมื่อก้าวไปสู่ปี 2008 สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ Samsung เป็นผู้นำที่ไม่เคยมีปัญหาในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคในโลกยุคดิจิทัล
3
ยักษ์ใหญ่จากเกาหลีไม่เคยคิดที่จะเข้าข้างกับ format ใด ๆ หรือมาตรฐานใด ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Blu-ray หรือ HD DVD หรือมาตรฐานเครือข่ายต่าง ๆ ภายในบ้าน Samsung แทบจะไม่สนใจ
Yun กล่าวว่า “เราลองทุกรูปแบบ เราแค่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ นี่คือปรัชญาของเรา”
4
Chris Fisher ซีอีโอของ The Ether group ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาใน Silicon Valley ตั้งข้อสังเกตว่า “Samsung ยึดมั่นในปรัชญาที่ว่าผู้บริโภคนั้นไม่มีความแน่นอนและตลาดก็ไม่มีความแน่นอน ไม่มีบริษัทใดเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีกว่า Samsung พวกเขาเดิมพันในเทคโนโลยีทั้งหมดที่จะชนะ”
1
ตัวอย่างที่น่าสนใจเกิดขึ้นในสงคราม MP3 ในขณะที่ Sony มี Walkman ที่พยายามผลักดันตัวเองให้เป็นเครื่องเล่นพกพา แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับ iPod ที่ Apple เลือก Samsung เพื่อจัดหาชิปที่ทำให้ iPod มีความบางเป็นอย่างมาก
3
ในทำนองเดียวกัน ยักษ์ใหญ่ของเกาหลีก็ได้ทำตลาดในช่วงแรกของตลาดโทรศัพท์มือถือ โดยมีวิสัยทัศน์ แพลตฟอร์มที่บรรจบกันทางดิจิทัล ทั้งหน่วยความจำ จอภาพ และเทคโนโลยี LSI ของตัวเองสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมาก
1
การเข้าสู่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของเกาหลีใต้ในปี 1970 เป็นไปตามหลักการ 4 ประการ ที่คู่แข่งชาวญี่ปุ่นเคยปฏิบัติมาในช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งได้แก่ เน้นการผลิตจำนวนมาก เรียนรู้จากเทคโนโลยีต่างประเทศ และใช้กลยุทธ์ทำตามผู้นำ และใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนจากรัฐบาล
2
Samsung ได้ผลักดันให้หลักการเหล่านี้ขึ้นถึงขีดสุด
ในแต่ละปี Samsung ได้ว่าจ้างพนักงานมากถึง 5,000 คน โดย 90% เป็นวิศวกร หลายคนจบปริญญาตรีขึ้นไป ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลด้านวิศวกรรมที่แทบไม่มีที่สิ้นสุด
3
“Samsung มีทีมวิศวกรมากถึง 20 ทีม ซึ่งทำงานคู่ขนานกันเพื่อแก้ปัญหาเดียวกัน” Fisher ของ Ether Group กล่าว
1
ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยีทีวีบนมือถือเคยเปิดเผยเรื่องราวที่น่าสนใจไว้ว่า
2
“ถ้าคุณทำงานกับ Nokia คุณจะรู้ว่าโปรเจ็กต์ของคุณอยู่ที่ไหน เว้นแต่จะมีใครทำเคสดี ๆ ที่ดีไซน์ของโทรศัพท์บางรุ่นใช้ไม่ได้ รุ่นของโทรศัพท์ที่คุณร่วมโปรเจ็กต์อยู่จะไม่ถูกยกเลิก”
1
ในทางตรงกันข้ามโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 70 ถึง 90 โครงการ ที่ Samsung ดำเนินการควบคู่กัน ณ เวลาเดียวกัน มีเพียง 25% เท่านั้นที่โปรเจกต์เหล่านี้จะเข้าสู่ตลาดจริง ๆ ได้สำเร็จ
ในเกาหลีใต้ ผู้สำเร็จการศึกษาระดับแนวหน้าของโรงเรียนวิศวกรรมที่ดีที่สุดของประเทศ สามารถสอบและสมัครงานกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง Samsung
3
ผู้สำเร็จการศึกษาระดับแนวหน้าของโรงเรียนวิศวกรรมที่ดีที่สุดของประเทศ สามารถสอบและสมัครงานกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง Samsung (CR:Samsung Semiconductor)
เมื่อได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่ ๆ แบบ Samsung พวกเขาทำงานเป็นเวลาสามปีเพื่อแลกกับการสละสิทธิ์การรับราชการทหารสองปี และหากพวกเขาทำงานที่ Samsung เงินเดือนของพวกเขาจะได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลเกาหลี
2
ภายในปี 1982 เมื่อ Samsung เริ่มเข้าสู่ตลาดหน่วยความจำอย่างเต็มตัว ไม่มีใครจินตนาการว่าบริษัทอย่าง Samsung จะตามทันยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น แต่กลับกันพวกเขาไล่ล่าบริษัทจากญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว
2
อันที่จริงในช่วงปลายทศวรรษ 1980 บริษัทอย่าง Hitachi , NEC , Toshiba และบริษัทญี่ปุ่นอื่น ๆ ได้ครองตลาดโลกใน DRAM ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ Samsung สู้ไม่ถอย เพราะถือว่าธุรกิจหน่วยความจำมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ในมุมมองของ Samsung การใช้ส่วนประกอบหลักของตัวเองจะช่วยลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์จากญี่ปุ่นได้อย่างมาก ทำให้สามารถเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ในผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคได้
2
Samsung ผสมผสานความรู้ใหม่ ๆ ที่ได้รับจากต่างประเทศ เช่น Micron Technology เข้ากับทักษะที่พวกเขาสั่งสมมา บริษัทได้พัฒนา DRAM ในรุ่นต่อ ๆ มา และในปี 1995 ได้กลายเป็นบริษัทแรกที่เปิดตัว DRAM ขนาด 64 MB
1
ในทางตรงกันข้ามหลังจากฟองสบู่ของเศรษฐกิจญี่ปุ่นแตก ผู้ผลิตหน่วยความจำของญี่ปุ่นก็ขาดแคลนทรัพยากร แต่วิกฤติการเงินในเอเชียกระทบเกาหลีใต้อย่างมากในปี 1997 ที่ทำให้ Samsung มีหนี้สินล้นพ้นตัวจนใกล้จะล้มละลาย
4
ในปีนั้น Yun ได้รับเลือกจาก Lee ซึ่งเป็นประธานของกลุ่มบริษัท Samsung ให้เข้ารับตำแหน่งผู้นำของ Samsung Electronics
Yun ได้ลดพนักงานของ Samsung Electornics ลง 30% แต่พวกเขาได้เดิมพันกับธุรกิจหน่วยความจำ เพราะในตอนนั้นญี่ปุ่นแทบจะไม่ลงทุนในธุรกิจนี้ต่อไปอีกแล้ว
2
Samsung รู้ถึงรากเหง้าของการผลิต และเชื่อมั่นในสัญชาตญาณในการผสานรวมในแนวตั้ง ทั้งที่ในตอนนั้นนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ ได้กระตุ้นให้ Samsung เลิกสนใจธุรกิจอย่างหน่วยความจำได้แล้ว
และนั่นคือสิ่งที่เป็นผลตามมา ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Motorola , Philips และ Siemens ในตอนนี้ พวกเขาไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้อีกต่อไปแล้ว เมื่อ Samsung ชนะในศึกหน่วยความจำ พวกเขาก็สามารถผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำคัญแทบจะทุกอย่างบนโลกใบนี้ อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้นั่นเองครับผม
6
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
The original article appeared here https://www.tharadhol.com/how-samsung-win-japan-inc/
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันในกลุ่มสำหรับ Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
คลิกเลย --> https://bit.ly/3E2DdM8
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา