11 ส.ค. 2022 เวลา 06:27 • ข่าว
#สงครามยูเครนทำยอดเด็กคลอดก่อนกำหนดพุ่ง
#ทารกยูเครนเสี่ยงเสียชิวิตหรือพิการตั้งแต่แรกคลอด
Unitaid หน่วยงานช่วยเหลือด้านสาธารณสุขระดับโลกเปิดเผยข้อมูลว่า ตั้งแต่ที่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ยอดเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 12% กลายเป็น 40% ในช่วงเวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น
เกณฑ์ที่ใช้พิจารณาว่าทารกคนนี้คลอดก่อนกำหนดหรือไม่ จะดูที่อายุครรภ์ของแม่ โดยมาตรฐานที่ 40 สัปดาห์ แต่ถ้าหากคลอดทารกก่อนอายุครรภ์นี้ตั้งแต่ 3 สัปดาห์เป็นอย่างน้อยจะถือว่าคลอดก่อนกำหนด ซึ่งตอนนี้สตรีตั้งครรภ์ในยูเครนกำลังเผชิญปัญหานี้
เฮิร์ฟ เวอร์ฮูเซล โฆษกของ Unitaid ได้รายงานข้อมูลนี้ให้แก่สำนักงานใหญ่ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และได้สรุปว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียที่ผ่านมา ทำให้สตรีมีครรภ์ในยูเครนมีความเครียดสูง หลายคนต้องหนีภัยการสู้รบจากสงคราม อพยพลี้ภัยข้ามพรมแดนไปประเทศอื่น ซึ่งสถานการณ์ไปปกติเหล่านี้ ก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระบวนการตั้งครรภ์ที่ทำให้เกิดทารกคลอดก่อนกำหนดเพิ่มขึ้นสูงมาก
1
ดังนั้น ตัวเลขของอัตราทารกคลอดก่อนกำหนดที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 40% นั้นคือของจริง และสิ่งที่น่าเป็นห่วงนอกเหนือจากค่าสถิติเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด คือ ทารกเหล่านั้นมักมีสุขภาพอ่อนแอกว่าทารกทั่วๆไป หลายเคสจำเป็นต้องเข้าตู้อบ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และต้องการผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด
แต่ทว่าตอนนี้โรงพยาบาลหลายแห่งในยูเครนก็โดนลูกหลงจากการสู้รบทางทหาร จนมีสภาพไม่พร้อมให้บริการได้เต็ม 100% อย่างเดิมได้ อีกทั้งบางเมืองที่ถูกล้อม มักขาดแคลนน้ำ-ไฟ และเชื้อเพลิง ทำให้การรักษาพยาบาลยิ่งยากเข้าไปอีก
ซึ่งก็สอดคล้องกับตัวเลขจากการสำรวจขององค์การอนามัยโลกว่า มีสถานพยาบาลในยูเครนถูกโจมตีไปแล้วถึง 434 แห่ง ในจำนวนนั้น มีถึง 3 ใน 4 ถูกโจมตีจนอุปกรณ์ และพื้นที่ให้บริการด้านการแพทย์เสียหาย
เฮิร์ฟ เวอร์ฮูเซล กล่าวอีกว่า จากความเสียหายของสถานพยาบาลในยูเครนเป็นจำนวนมาก ทำให้หญิงตั้งครรภ์ในยูเครนเข้าถึงแผนกผดุงครรภ์ได้อย่างจำกัด มิหนำซ้ำเครื่องช่วยหายใจสำหรับเด็กทารกขาดแคลนอย่างหนัก จากปริมาณทารกคลอดก่อนกำหนดที่เพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้ทารกแรกคลอดในยูเครนมีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิต หรือพิการ จากการขาดอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจนี้
ซึ่งเครื่องช่วยหายใจสำหรับทารก จริงๆแล้วมีค่าใช้จ่ายไม่สูงเลย อยู่ที่ชุดละไม่เกิน 500 เหรียญ ที่สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องนานถึง 3 ปีโดยไม่จำเป็นต้องชาร์ตไฟ
และที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ ยูเครน เคยเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์รายใหญ่ ที่มีผู้ผลิตในประเทศมากกว่า 250 บริษัท ที่สามารถสร้างรายได้ถึง 170 ล้านเหรียญต่อปี แต่วันนี้ต้องกลายเป็นผู้รับบริจาค เพราะภาคอุตสาหกรรม การผลิตในประเทศต้องหยุดชะงักจากภาวะสงคราม
จึงต้องเป็นหน้าที่ของ Unitaid ต้องระดมทุนจัดส่งอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ 220 ชุด กับเครื่องปรับความเข้มข้นของออกซิเจนอีก 125 ชุด จัดส่งไปให้ก่อน โดยเบื้องต้นจะใช้งบประมาณ 43 ล้านเหรียญเป็นกองทุนช่วยเหลือด้านอุปกรณ์การแพทย์ให้กับยูเครน
เวอร์ฮูเซล เสริมอีกว่า อุปกรณ์ช่วยหายใจจำนวน 220 ชุด จริงๆแล้วมันก็ไม่พอหรอก แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย และโครงการนี้ยังต้องการทุนสนับสนุนมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ Unitaid ก็ทำงานประสานกับ WHO เพื่อหาทุนช่วยเหลือต่อไป
ความจริงที่โหดร้ายนี้ ตอกย้ำให้รู้ว่า สงครามไม่ได้สร้างผลดีกับใครเลย
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
และ Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
โฆษณา