12 ส.ค. 2022 เวลา 03:11 • กีฬา
บนโลกนี้มีนักเตะน้อยคนมาก ที่จะใช้ "คุณแม่" เป็นเอเยนต์ส่วนตัว แต่อาเดรียง ราบิโอต์ คือหนึ่งในนั้น เวลามีประเด็นข่าวเรื่องการต่อสัญญาหรือการย้ายทีม ทั้งแม่ ทั้งลูก จะลุยแหลกกดดันสโมสร จนสร้างความปวดหัวให้กับคู่เจรจาเป็นอย่างมาก เรื่องราวเป็นอย่างไร วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
ครอบครัวราบิโอต์ นั้นเจอความยากลำบากตั้งแต่ตัวอาเดรียงยังเป็นเด็ก เพราะคุณพ่อชื่อ มิเชล ป่วยเป็นอัมพาตทั้งตัว (Locked-in Syndrome) ต้องนอนติดเตียง
เท่ากับว่าคุณแม่เวโรนิก ต้องเข้มแข็งมากกว่าเดิม ลูกก็ต้องเลี้ยง เงินก็ต้องหา สามีก็ต้องดูแล เธอต้องเป็นผู้หญิงแกร่ง เพื่อประคับประคองครอบครัวให้อยู่รอด
ความเข้มแข็งของแม่ ไปๆ มาๆ จึงมีลักษณะเป็นพวกควบคุมให้ทุกอย่างเป็นดั่งใจ เธอให้สัมภาษณ์ว่า "ฉันมีความเผด็จการอยู่ในตัว อันนี้เป็นเรื่องจริงแน่นอน"
ราบิโอต์ เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการฟุตบอล ตั้งแต่ปี 2008 ตอนเขาอายุ 13 ปี เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยุคทักษิณ ชินวัตร คว้าตัวมาร่วมอะคาเดมี่ด้วยการเซ็นสัญญาระยะยาวถึง 6 ปี แต่อยู่กับทีมเรือใบสีฟ้าได้แค่ 6 เดือนเท่านั้น คุณแม่เวโรนิกก็ฉีกสัญญาทิ้ง และพาตัวราบิโอต์กลับมาฝรั่งเศส เพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลของพ่อ
3
เวโรนิก เป็นคนดีลทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง และตัดสินใจให้ลูกว่าจะเล่นกับสโมสรไหน เธอมอบหน้าที่ให้ลูกชายคือไปซ้อมฟุตบอลไปอย่างเดียว ตั้งใจเล่นในสนามพอ เวโรนิกกล่าวว่า "ฉันไม่เคยไปบอกว่าอาเดรียงต้องเล่นฟุตบอลยังไง แต่ถ้าเป็นเรื่องนอกสนาม ฉันจัดการให้เขาทุกอย่าง"
ในมุมคนนอก จะมองราบิโอต์ว่าเป็นลูกแหง่ แม่สั่งอะไรก็ทำหมด แต่กับมุมของคนในครอบครัว ถ้าแม่จัดการปัญหาได้ทั้งหมด มันก็น่าจะโอเคแล้วไม่ใช่หรือ
หลังฉีกสัญญากับแมนฯ ซิตี้ ราบิโอต์ได้ย้ายไปอยู่ทีมอะคาเดมี่ของเปแอสเช ในปี 2010 ตอนอายุ 15 ปี และพัฒนาฝีเท้าอย่างรวดเร็วมาก ร่างกายเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนไปหยุดที่ 188 เซนติเมตร และเริ่มติดทีมชาติชุดเยาวชน พร้อมทั้งได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ในวงการมากมาย
ลิลิตง ตูราม ตำนานทีมชาติฝรั่งเศส กล่าวชมเป็นการส่วนตัวว่า "นายทำให้ฉันประทับใจจริงๆ เจ้าหนู!" เช่นเดียวกับ โค้ชดีกรีแชมป์ยุโรปอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติกล่าวว่า "เขาคือหนึ่งในอนาคตของโลกฟุตบอล"
ราบิโอต์ เป็นมิดฟิลด์ตัวกลางที่ทักษะดี ตัวสูงใหญ่ ที่สำคัญคือจ่ายบอลได้แม่นมาก ตำแหน่งที่ชอบที่สุดคือหมายเลข 8 เล่นแบบ Box to Box สไตล์สตีเว่น เจอร์ราร์ด
ราบิโอต์ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ตอนเขาอายุ 17 ปี ชีวิตเหมือนจะไปได้ดีที่เปแอสเช เพราะเขาจะได้โอกาสเรียนรู้วิชา จากกองกลางรุ่นพี่ ทั้งมาร์โก แวร์รัตติ, ติอาโก้ ม็อตต้า และ แบลส มาตุยดี้
ในฤดูกาล 2012-13 ปีแรกของราบิโอต์ กับเปแอสเช เขาได้ลงเล่นในลีกเอิง 5 นัด และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 นัด ก็อาจไม่ใช่จำนวนนัดที่เยอะมาก แต่ถ้าคิดว่าเขาอายุ 17 ปี ได้ลงเล่นประมาณนี้ ก็นับว่าโอเคมากแล้ว จากนั้นพอถึงเดือนมกราคม 2013 เปแอสเชส่งตัวราบิโอต์ให้ตูลูส ยืมใช้งานในครึ่งหลังของฤดูกาล
มีเรื่องคลาสสิคตอนที่ราบิโอต์ย้ายไปตูลูส คุณแม่ของราบิโอต์ ไปขอโค้ช ให้เธอได้เข้าไปดูการซ้อมของทีมชุดใหญ่ทุกๆ วัน เพื่อจะได้คอยเช็กว่า ที่ตูลูสมีมาตรฐานการซ้อมที่ดีเทียบเท่าเปแอสเชหรือไม่ แล้วลูกของเธอจะพัฒนาได้หรือเปล่า แต่สโมสรไม่ยอม นี่ไม่ใช่ฟุตบอลเด็กอายุ 10 ขวบ ที่จะให้พ่อแม่มาดูตอนซ้อมได้ด้วย
3
หลังกลับมาจากตูลูส ในภาพรวมก็ถือว่า ทิศทางของราบิโอต์ดูดี ตอนนี้สัญญากับเปแอสเชเหลืออีก 2 ปี และสโมสรก็ยื่นข้อเสนอให้นักเตะอยู่ต่อไปอีกนานๆ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ไม่ยอมต่อ โดยอธิบายว่า
2
"ลูกชายของฉันต้องการเล่นฟุตบอลในระดับสูงที่สุด แต่ในฤดูกาลที่แล้ว เขากลับได้ลงเล่นแค่ 5 นัด ในลีก และ 1 นัดในแชมเปี้ยนส์ลีก นักเตะอย่างเขาคุณจะจับนั่งสำรองไม่ได้ ด้วยวัย 17-18 แบบนี้ ถ้าคุณไม่ได้ลงเล่นบ่อยๆ ก็จะไม่พัฒนา และความสามารถก็จะดร็อปลง อย่าลืมนะว่าเป้าหมายของเขาคือติดทีมชาติฝรั่งเศสไปยูโร 2016 ถ้าหากเปแอสเชทำกันแบบนี้ การอยู่กับสโมสรต่อไปก็ยากมากแล้วล่ะ"
การที่แม่ของเด็กอายุ 18 ปี กล้าต่อรองกับสโมสรได้ขนาดนี้ เพราะราบิโอต์ เป็นกองกลางพรสวรรค์ของประเทศ และมีภูมิลำเนาเกิดที่ชานเมืองปารีส แถมเป็นเด็กปั้นจากอะคาเดมี่อีกต่างหาก
ในยุคที่เปแอสเช ดึงผู้เล่นซูเปอร์สตาร์นานาชาติเข้ามาเสริมทัพ เช่น ติอาโก้ ซิลวา, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และ เอดินสัน คาวานี่ ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักเตะที่โตมาจากอะคาเดมี่ ถือว่าเป็นบุคลากรที่จำเป็นมากๆ ซึ่งในทีมขณะนั้น ก็มีแค่ ไมค์ เมนยอง (นายทวารสำรอง) และ คิงสลีย์ โคมัน (ที่มีข่าวว่าจะย้ายทีม) ดังนั้นราบิโอต์จึงถูกให้คุณค่าสูงมาก และทีมก็ตั้งใจเก็บไว้ให้อยู่กับทีมนานที่สุด
1
ตลอดฤดูกาล 2013-14 เปแอสเชเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับราบิโอต์ยาวนานหลายเดือน โดยสัญญาฉบับเดิมเขารับอยู่วีกละ 9,500 ยูโร ฝั่งเปแอสเชยื่นข้อเสนออัพไปจากเดิมพอสมควร แต่คุณแม่ของราบิโอต์ ยังไงก็ไม่ยอมต่อสัญญาจนกว่าจะได้ค่าเหนื่อยเท่า ลูก้าส์ ดีญ รุ่นพี่ในทีม ที่รับอยู่ 56,000 ยูโรต่อสัปดาห์
เรื่องนี้สโมสรตอนแรกก็ไม่ยอม เพราะดีญ ติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่แล้ว แต่ราบิโอต์เพิ่งติดทีม u-20 ยังลงแข่งตูลงทัวร์นาเมนต์อยู่เลย คือสเตตัสมันผิดกัน แต่ยังไงคุณแม่ก็ไม่ยอม และขู่ว่าถ้าไม่ยอมให้เงินตามนี้ จะย้ายไปทีมอื่นหลังหมดสัญญาตามกฎบอสแมน
1
โลรองต์ บล็องค์ เฮดโค้ชเปแอสเชก็ปวดหัวมาก เขาให้สัมภาษณ์ว่า "ผมคิดว่าสัญญาที่เปแอสเชยื่นให้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้วนะ แต่คนใกล้ชิดของราบิโอต์อยากจะเอาเปรียบสโมสรจากสถานการณ์นี้"
ตอนนี้แฟนบอลปารีสก็รุมด่าคุณแม่ว่า จะหิวเงินอะไรขนาดนั้น แต่คุณแม่สวนกลับไปว่า "ถ้าคุณมาเป็นพ่อแม่นักบอลบ้าง คุณจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำ"
ตัวราบิโอต์ก็ออกมาปกป้องแม่ตัวเองว่า "ผมรู้ว่าแม่คิดถึงประโยชน์ของผมที่สุดแล้วในฐานะเอเยนต์ และความห่วงใยที่เธอมอบให้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด"
ฤดูกาล 2013-14 ราบิโอต์ ได้ลงเล่นในลีกเอิง 25 นัด และ แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 6 นัด ถือว่าลงเล่นสม่ำเสมอมากๆ แต่สัญญาก็เหลืออีกแค่ 1 ปีเท่านั้น สุดท้ายเปแอสเชไม่มีทางเลือก ต้องยอมให้เงินตามที่ราบิโอต์ต้องการ และขยายสัญญาไปถึงปี 2019
1
จริงๆ ช่วงก่อนจะต่อสัญญา คุณแม่ของราบิโอต์ไปแอบคุยกับโรม่า ทีมดังในอิตาลี เรื่องการย้ายทีม แต่การเจรจาล้มเหลว เพราะคุณแม่ไปบอกวอลเตอร์ ซาบาตินี่ ผู้อำนวยการฟุตบอล ว่าขอคุยกับรูดี้ การ์เซีย เฮดโค้ชเป็นการส่วนตัวหน่อย ว่าจะจัดแผนแบบไหน และให้ลูกเธอลงเล่นกับใคร ซึ่งซาบาตินี่โมโหมาก เดินออกจากวงเจรจาทันที ซาบาตินี่เล่าภายหลังว่า "ถ้าคุณยอมให้คุณแม่ของนักเตะมาคุยกับโค้ชได้ อนาคตอันใกล้ เธอคงไปนั่งอยู่ด้วยในห้องแต่งตัว"
4
นับจากปี 2014 เป็นต้นมา ราบิโอต์ ก็ได้ลงเล่นกับเปแอสเช ในฐานะตัวจริงมากขึ้น แต่ปัญหาเริ่มเกิดอีกครั้ง เมื่อโค้ชโลรองต์ บลองค์ จับเขาไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ แทนที่ของติอาโก้ ม็อตต้า เพราะราบิโอต์สูงใหญ่ (188 ซม.) ยืนตรงนี้จะเหมาะสุด ให้อารมณ์เดียวกับเซร์คิโอ บุสเกตต์ แต่ปัญหาคือเจ้าตัวไม่ค่อยแฮปปี้ เพราะอยากเล่น Box to Box มากกว่าจนมีดราม่าไปพักหนึ่งเลยทีเดียว
1
ธันวาคม 2015 ราบิโอต์ให้สัมภาษณ์ว่า "ถ้าได้ย้ายออกจากเปแอสเช คงเหมือนได้ของขวัญคริสต์มาส" ซึ่งทำให้นัสเซอร์ อัล-เคไลฟี่ ประธานสโมสรเดือดมาก เขากล่าวด่าราบิโอต์ว่า "ผมผิดหวังมากจริงๆ ผมพูดใส่หน้าเขาเลยว่า สิ่งที่คุณออกมาบอกสาธารณชนมันรับไม่ได้ คุณพูดมาได้ยังไงว่าถ้าได้ย้ายทีมเหมือนได้ของขวัญวันคริสต์มาส มันขาดความเคารพกับสโมสรที่ทำเพื่อคุณมาอย่างมากมายขนาดนี้"
พอโดนด่า ในเวลาต่อมา แม่ของราบิโอต์ ด่าประธานอัล-เคไลฟี่คืนว่า "ประธานสโมสรไม่มีความแฟร์กับใครในทีมเลย และเขากำลังวางยาพิษใส่ทีมตัวเองอยู่"
เปแอสเชใช้ความอดทนสูงมาก กับทั้งราบิโอต์ และแม่ ซึ่งตัวราบิโอต์พอรู้ว่าตัวเองสำคัญกับสโมสร เขาก็ทำเรื่องบ้าๆ มากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่เกรงใจใคร เช่น กดฟอลโลว์ แอคเคาน์โป๊ ประเภท Milf และ Foot Fetish แบบไม่สนใจใคร ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นนักเตะระดับโลก จนโดนแฟนบอลทีมอื่นเอามาแซวกันเละเทะ
1
นอกจากนั้นเขายังทำตัวให้โดนคนฝรั่งเศสด่าอีกต่างหาก ในฟุตบอลโลก 2018 ทีมชาติฝรั่งเศสประกาศตัว 23 ขุนพลไปลุยที่รัสเซีย ปรากฏว่า ราบิโอต์ติดแค่ตัวสแตนด์บาย เพราะดิดิเยร์ เดสช็องส์ เลือก ป็อกบา, มาตุยดี้, ก็องเต้, โตลิสโซ่ และ เอ็นซอนซี่ ปรากฏว่า ราบิโอต์ขอถอนตัวจากการเป็นผู้เล่นแสตนด์บาย คือถ้าไม่เลือกเขาไปรัสเซีย เขาก็ไม่ขอสแตนด์บายหรอก
3
เรื่องนี้ทำให้เดสช็องส์โมโหมาก เช่นเดียวกับแฟนบอลฝรั่งเศสที่มองว่า นักเตะไม่มีใจเอาซะเลย เรื่องเยอะ และทำตัวมีปัญหาตลอด
ในฤดูกาล 2018-19 ราบิโอต์ยังคงก่อแต่เรื่องต่อไป ในเดือนตุลาคม 2018 เขามาประชุมทีมสาย จนโดนโทมัส ทูเคิลสั่งดร็อป จากนั้นเดือนมีนาคม 2019 เมื่อเปแอสเชมีโปรแกรมแชมเปี้ยนส์ลีกเจอแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ 1 คืนก่อนบอลเตะ แทนที่เขาจะพักผ่อน กลับไปเที่ยวไนท์คลับเฉยเลย สุดท้ายสโมสรจับได้สั่งแบน 1 เดือน จากพฤติกรรมไม่เป็นมืออาชีพ
3
ในเกมนัดนั้น เปแอสเช แพ้แมนฯ ยูไนเต็ด 3-1 หลังจบเกมพาทริซ เอฟร่า โพสต์รูปในไอจี ว่าแมนฯ ยูไนเต็ดชนะ ซึ่งราบิโอต์ตามไปกดไลค์รูปดังกล่าวอีกต่างหาก
1
เรื่องบ้าบอครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ความอดทนของเปแอสเชสิ้นสุดลง ต่อให้เป็นเด็กปั้นจากสโมสร และมีพรสวรรค์แค่ไหน มันก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว สุดท้ายจึงไม่ยื่นสัญญาให้ และในเดือนกรกฎาคม 2019 ราบิโอต์ จึงได้ย้ายทีมด้วยกฎบอสแมน ไปโกยเงินที่กัลโช่ เซเรีย อา กับยูเวนตุสแทน
เรื่องฝีเท้านั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าราบิโอต์เป็นของจริง จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน ที่เคยร่วมงานกัน กล่าวชมว่า "ราบิโอต์มีส่วนผสมในความแข็งแกร่งของป็อกบา เขามีพลังขับเคลื่อนเหมือนอาร์ตูโร่ วิดัล และวิ่งได้ถูกจังหวะเหมือนเคลาดิโอ มาร์คิซิโอ" คือถ้าเขาทำตัวดีๆ ไม่มีดราม่าเยอะ คนก็อยากใช้งานอยู่หรอก
เรื่องราวของราบิโอต์หลังจากย้ายไปยูเวนตุส ดราม่าก็ซาลงกว่าเดิม แต่ก็ยังมีเรื่องราวอยู่ในหน้าข่าวเรื่อยๆ เช่นในช่วงยูโร 2020 ที่คุณแม่ของเขา ไปด่าพอล ป็อกบา กับ คีลียัน เอ็มบัปเป้
ยูโร 2020 ฝรั่งเศส ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยการเสมอสวิตเซอร์แลนด์ 3-3 ก่อนแพ้ในช่วงดวลจุดโทษ โดยคนที่เล่นพลาดจนฝรั่งเศสเสียลูกที่ 3 คือป็อกบา ที่เสียบอลกลางสนามจนโดนโต้กลับมาแล้ว สวิสยิงตีเสมอได้ในนาที 90
2
แม่ราบิโอต์ ที่นั่งอยู่ในกลุ่มครอบครัวนักเตะบนสแตนด์ ปะทะกับครอบครัวป็อกบา ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทีมพัง
จากนั้นในช่วงดวลจุดโทษ คนที่ยิงพลาดคนสุดท้ายของฝรั่งเศสคือ เอ็มบัปเป้ คราวนี้ คุณแม่ของราบิโอต์ ก็เดินไปหา วิลฟรีด คุณพ่อของเอ็มบัปเป้ และพูดว่า "มันน่าอายชะมัดที่นักเตะระดับนี้ยิงจุดโทษแบบนั้น เขายิงเบาเกินไปเยอะจริงๆ หวังว่าคุณจะดุด่าให้สำนึกหน่อยนะ"
1
สำหรับผลงานในช่วงหลัง ราบิโอต์ก็นับว่าแผ่วลงไปจริงๆ ในฤดูกาลล่าสุด มีเกมหนึ่งที่ยูเวนตุส เจอกายารี่ ราบิโอต์ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง และได้สัมผัสบอลทั้งเกมแค่ 16 ครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่เหลือเชื่อมาก สำหรับผู้เล่นกองกลาง ที่ควรจะได้บอลอยู่ตลอด เขาหายไปจากเกมอย่างสิ้นเชิง
สถิติในฤดูกาล 2021-22 เขาลงเล่น 32 เกม ยิงประตูได้ 0 ทำแอสซิสต์ได้ 2 และสร้างสรรค์โอกาสได้แค่ 21 ครั้ง คือดูไม่ออกเลย ว่าเล่นดีตรงไหน
อัลวิเซ่ คานัซโซ่ นักข่าวประจำอิตาลีของเดลี่ เมล์ เขียนถึงราบิโอต์ว่า "แม้แต่นาฬิกาตาย อย่างน้อยมันยังบอกเวลาตรง 2 ครั้งต่อวัน" แต่ราบิโอต์ในหนึ่งฤดูกาลจะเล่นดีถึง 2 นัดหรือเปล่ายังไม่รู้
5
ตั้งแต่ย้ายมายูเวนตุส เขาก็ดูไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนสมัยอยู่เปแอสเชอีก มิน่า ซูกี้ นักข่าวจากสกายสปอร์ต วิจารณ์ว่า "เขาไม่ได้มีพลังขับเคลื่อน ไม่ได้เร็ว เกมรับก็ผิดจังหวะบ่อยๆ เขาเล่นไม่เข้าขากับเพื่อนที่ยูเวนตุส"
1
สำหรับราบิโอต์ เหลือสัญญากับยูเวนตุส จนถึงซัมเมอร์ปี 2023 ยูเว่เองก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะปล่อยไปตอนนี้เลย เพราะอย่างน้อยก็จะได้เงินบ้าง แต่คำถามคือ จะมีทีมระดับท็อปทีมไหน ที่กล้าเดิมพันกับดีลนี้อีก
ราบิโอต์ไม่ใช่ผู้เล่นที่แย่ เขาก็ยังมีคุณสมบัติที่พอใช้ได้อยู่ บางทีที่เล่นไม่ดีอาจจะเพราะไม่ถนัดกับฟุตบอลอิตาลีก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามปัญหาส่วนตัวของเขามันมีเยอะมากจริงๆ เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดได้ตลอด และอย่าลืมว่ายังมีคุณแม่อีก ซึ่งก็เข้าใจว่าในฐานะเอเยนต์ก็ต้องดูแลผลประโยชน์ของนักเตะอยู่แล้ว แต่บางทีคุณแม่ก็ทำให้คนรอบข้างปวดหัวเหมือนกัน
1
นี่ไม่ใช่ผู้เล่นที่มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า "ควรซื้อ" แน่ๆ และเหมือนกับโยนหัวก้อยนั่นแหละ ซื้อมาอาจจะพัง หรืออาจจะปังก็ได้
ดังนั้นถ้ามั่นใจว่ารับมือกับพฤติกรรมของตัวนักเตะ และความวุ่นวายอันจะเกิดจากคุณแม่ได้ไหว จะลองเสี่ยงสักตั้งก็ไม่มีปัญหาหรอกเนอะ
โฆษณา