13 ส.ค. 2022 เวลา 00:09 • ธุรกิจ
5 บทเรียนกับการท้าทายความสำเร็จของ Netflix จาก Disney
สถานการณ์ของการแข่งขันในวงการสตรีมมิ่ง เริ่มใกล้เข้าถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อ Netflix ที่เป็นผู้นำแบบไร้คู่แข่งมานานแสนนาน แต่การที่ Disney กล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นอย่างมากของสมาชิกถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
2
5 บทเรียนกับการท้าทายความสำเร็จของ Netflix จาก Disney
เรียกได้ว่าเป็นไตรมาสเดียวกันกับที่ Netflix สูญเสียสมาชิกไปเกือบ 1 ล้านคนเป็นที่ชัดเจนว่าปัญหาการการยกเลิกสมาชิกที่ส่งผลกระทบต่อบริการสตรีมมิ่งอาจไม่ใช่ปัญหาของอุตสาหกรรม แต่อาจเป็นปัญหาเฉพาะของ Netflix
2
นอกเหนือจากผลกำไรที่ Disney+ เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งมีสมาชิกเพิ่มขึ้น 14.4 ล้านคนตั้งแต่เดือนเมษายน แพลตฟอร์มอื่น ๆ ของ Disney อย่าง Hulu และ ESPN+ ก็มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน ทั้งสามแพลตฟอร์มรวมกันนี้มีสมาชิก 221.1 ล้านคน ในขณะที่ Netflix มีอยู่ราว ๆ 220.67 เป็นการแซงหน้าเป็นครั้งแรก (แม้ว่า Disney จะรวมบริการสามรายการและนับการสมัครแต่ละครั้งเป็นหนึ่งรายการ)
1
ความน่าสนใจก็คือกลยุทธ์ของ Disney นั้นทำได้อย่างไร ซึ่งต่อไปนี้คือประเด็นสำคัญ 5 ข้อจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ Disney ในการเพิ่มสมาชิก และสิ่งนี้จะส่งผลต่อแนวการสตรีมในอนาคตอย่างไร
1
1. ผู้คนต้องการ content ปังที่สุดสำหรับเงินของพวกเขา
ตัวเลือกในการรวมกลุ่ม (รวมหลาย ๆ แพลตฟอร์ม) เป็นสิ่งสำคัญ ในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อทำให้เกิดความกังวลเรื่องราคา ผู้บริโภคสามารถจ่ายน้อยกว่าหลายดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับบริการสตรีมมิ่ง Disney สามรายการ ซึ่งน้อยกว่าที่ต้องจ่ายในราคา HD สำหรับ Netflix นั่นเป็นทางเลือกที่จะดึงดูดกลุ่มผู้คนในครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น
1
และเช่นเดียวกันมันหมายความว่าผู้คนสามารถยกเลิกบริการอื่นๆ ได้โดยการรวมบริการที่ถูกกว่าของ Disney รวมไว้ด้วยกัน แม้กระทั่ง Discovery เพิ่งประกาศแผนการที่จะรวม Discovery+ และ HBO Max เข้าเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งการผนึกกำลังของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเช่นกัน
1
2. ยอมจ่ายน้อยกว่าบนแพลตฟอร์มที่รองรับโฆษณา
ในขณะที่การดูทีวีโดยไม่มีโฆษณาเป็นสิ่งที่ดึงดูดอย่างมากในช่วงแรก ๆ ของบริการสตรีม แต่ผู้บริโภคมีความอดทนต่อการดูโฆษณามากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ทั้ง Disney และ Netflix วางแผนที่จะเปิดตัวแพลตฟอร์มที่รองรับโฆษณาในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ราคาสำหรับสมาชิกลดลง และอีกครั้งที่อัตราเงินเฟ้อได้จุดประกายความสนใจในการออมเงิน และบริการที่ชดเชยความต้องการนั้นก็จะเติบโตได้
2
3. การเจาะกลุ่ม Niches ช่วยได้อย่างมาก
ผู้ชมรู้ดีว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับจาก Disney+ (แพคเกจสำหรับครอบครัว) และ ESPN+ (กีฬา) ความเฉพาะเจาะจงของบริการทำให้พวกเขาแตกต่างจากตัวเลือกทั่วไป เช่น Netflix และ HBO Max ที่มีเนื้อหายอดนิยมแทรกเข้ามาบ้างเป็นระยะ ๆ และที่สำคัญสถานการณ์ในตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาที่ความอิ่มตัวของบริการสตรีมเริ่มครอบงำเหล่าผู้บริโภค
1
รายงานของ Nielsen พบว่าเกือบครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าเป็นการยากที่จะหาเนื้อหาที่ต้องการเพราะมีตัวเลือกมากมายในตอนนี้
4. กีฬามีความสำคัญมาก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รายการโทรทัศน์ยอดนิยมเกือบ 20 รายการส่วนใหญ่เป็นกีฬา เป็นเป็นพื้นที่หนึ่งที่วงการทีวีแบบดั้งเดิมยังยึดครองอยู่
1
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ดีไปกว่า Disney เจ้าของ ESPN นั่นเป็นเหตุผลที่ ESPN+ มีสมาชิกที่แข็งแกร่งถึง 22.8 ล้านคน
1
ESPN+ มีสมาชิกที่แข็งแกร่งถึง 22.8 ล้านคน (CR:TvTechnology)
Netflix ยังไม่ได้ดำเนินการประมูลอย่างจริงจังสำหรับสิทธิ์ในลีกกีฬาชั้นนำ แม้ว่าแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่น ๆ เช่น Amazon, AppleTV+ หรือแม้แต่ Twitter ก็ยังทำเช่นนั้น
ผู้เล่นตัวจริงในวงการสตรีม จะต้องมีองค์ประกอบด้านกีฬา เนื่องจากผู้บริโภคจะตัดแพ็กเกจทั้งหมดของตนและต้องการรวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว
5. การสมัครสมาชิกระหว่างประเทศมีค่าพอๆ กัน
การเติบโตของจำนวนสมาชิกในไตรมาสที่สองของ Disney+ ส่วนใหญ่มาจากนอกสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยมีสมาชิกใหม่จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 6 ล้านคน
Disney+ Hotstar (ที่ให้บริการในอินเดียและส่วนอื่นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) เติบโตมากยิ่งขึ้นไปอีก Disney เป็นบริษัทระดับโลกที่ทำข้อตกลงระดับโลกมาอย่างยาวนาน ตัวอย่างเช่น การถือลิขสิทธิ์คริกเก็ตบน Disney+ ทำให้เป็นเกมที่ต้องสมัครสมาชิกในอินเดีย
ความเชี่ยวชาญในการรับรู้เนื้อหาระดับสากลที่แข็งแกร่งและสร้างรายได้จากสมาชิกเหล่านั้นจะยังคงสร้างความแตกต่างให้กับ Disney ต่อไปอย่างแข็งแกร่งได้ในอนาคต
3
บทสรุป
ต้องบอกว่าเป็นการปรับโครงสร้างทางธุรกิจครั้งใหญ่สำหรับ Disney ในการสู้ศึกกับการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคครั้งใหม่ ดูเหมือนว่าเส้นทางของพวกเขานั้นจะสดใสเอามาก ๆ
มันเป็นการ รวมบริการต่าง ๆ ที่ปรับปรุงใหม่ไว้ในแพ็คเกจกับธุรกิจแห่งอนาคตอย่างบริการสตรีมมิ่ง ทั้งกีฬา และความบันเทิงแบบชุดใหญ่บน Disney+ ซึ่งจะมีการให้บริการควบคู่ไปกับ ESPN+ และ Hulu ในราคาที่เข้าถึงได้
ด้วยทีมงานเบื้องหลังแบรนด์ยักษ์ใหญ่ 4 แบรนด์ของ Disney อย่าง Disney , Marvel , Lucasfilm และ Pixar รวมถึง Fox , Fox Searchlight และ National Geographic มันคือทีมงานระดับคุณภาพที่มีเหนือ Netflix ที่เติบโตมาจากธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีมากกว่าการมีรากฐาน DNA ของการเป็นบริษัทบันเทิงอย่างที่ Disney เป็น
2
4 แบรนด์ของ Disney อย่าง Disney , Marvel , Lucasfilm และ Pixar (CR:Laughing Place)
การแพร่ระบาดของ COVID-19 นั้น กลายเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Disney ข้อดีคงเป็นเรื่องบริการสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ ที่เติบโตเร็วเกินคาด
ด้วยจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของ Disney ด้วยจำนวนเนื้อหาในคลังของพวกเขาที่มีมหาศาล ทำให้พวกเขาไม่ต้องกังวลกับการที่จะต้องสร้างเนื้อหาใหม่ตลอดเวลาเหมือนที่ Netflix กำลังประสบอยู่ในตอนนี้ ซึ่งจะเป็น key สำคัญที่ทำให้พวกเขาก้าวมาเป็นเบอร์หนึ่งตัวจริงในท้ายที่สุดได้นั่นเองครับผม
2
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันในกลุ่มสำหรับ Geek Forever Club พื้นที่ของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ด้านธุรกิจ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ
คลิกเลย --> https://bit.ly/3E2DdM8
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา