17 ส.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ถึงเวลาจำเป็นต้องซื้อ ]
ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้คำตอบกับพวกนักข่าวที่สงสัยเรื่องตลาดซื้อขายนักเตะลิเวอร์พูลในซัมเมอร์นี้ว่า
"หากไม่มีใครอยากย้ายไปจากเรา ก็น่าจะเพียงพอแล้ว หรือไม่มีนักเตะเจออาการบาดเจ็บรบกวน ผมก็ได้แต่หวังจะเป็นอย่างนั้นนะ ผมอยากจะบอกแฟนเราไปสนใจเรื่องอื่นได้เลย"
ตอนนั้นลิเวอร์พูลได้นักเตะมา 3 คนตามเป้า เช็กบิลอย่างรวดเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็น ดาร์วิน นูนเญซ , ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ และ คัลวิน แรมซี่ย์ ชดเชยในส่วนที่เสียไปได้อย่างเหมาะสมลงตัว
คล็อปป์ ตอบคำถามดังกล่าว เหมือนเป็นการปิดตลาดขาเข้าแล้ว ทั้งที่ยังเหลือเวลาทำการอีก 5 สัปดาห์ให้ได้เสริมทัพ
1
กระทั่ง 5 วันที่แล้ว กุนซือเฮฟวี่เมทัลก็ยังยืนกรานแผนเดิม แม้กำลังเผชิญปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายคน
คือไม่ได้ปฏิเสธจะซื้อนักเตะเพิ่มแบบโดยตรง เพียงแต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบหากอยากได้แข้งใหม่เข้ามาจริง
ส่วนตำแหน่งมิดฟิลด์ที่วิจารณ์กันว่ามีน้อยเกินไป คล็อปป์ ย้อนกลับมาว่า ลองมองดูให้ดีสิ มันไม่ได้น้อยอย่างที่พูดหรอกน่า
ประเด็นของ คล็อปป์ น่าจะอยู่ตรงที่ ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ ก็จะตัดสินใจทาบทามนักเตะใหม่ หลักๆจะอยู่ที่ผู้เล่นในทีมมีโยกย้ายออกไป ต้องหาคนมาแทนหรือมีอาการบาดเจ็บรบกวน
สถานการณ์ของลิเวอร์พูลคืออย่างหลัง แข้งบางรายขึ้นเตียงพยาบาลตั้งแต่ซีซั่นเปิดไม่เท่าไร
แผงหลังดูจะหนักอยู่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ยังต้องเยียวยากัน โจเอล มาติป ก็ไม่ฟิตมากพอสำหรับเกมสำคัญ
ตรงกลาง ติอาโก้ อัลกันตาร่า เดี้ยงอีกแล้ว ไม่ค่อยได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องเลย ต้องยอมรับว่าสภาพร่างกายมีปัญหาจริง
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมโรยราลงทุกวันเช่นกัน พละกำลังความแข็งแกร่งย่อมถดถอย ในขณะที่ เจมส์ มิลเนอร์ แม้จะพิสูจน์แล้วว่าโคตรฟิตจริง แต่ด้วยวัยขนาดนี้จะชะล่าใจไม่ได้เลย
สำหรับ คล็อปป์ การคว้าตัว นูนเญซ ด้วยมูลค่าเหยียบ 100 ล้านยูโร หากจ่ายเต็มตามแอดออนส์ ถือว่ามหาศาลมากแล้ว ที่เหลืออาจต้องใช้อย่างระมัดระวังหน่อย ตามแนวทางของเขาเองและนโยบายสโมสร
แม้จะผ่องถ่ายปล่อยนักเตะได้เงินกลับมาแบบสมดุล ซาดิโอ มาเน่ , ดิว็อก โอริกี้ หรือ ทาคูมิ มินามิโนะ แต่ก็ยังต้องทบทวนกันให้ละเอียดอยู่ดี
ว่ากันตามตรงผู้จัดการทีมทุกคน อยากได้แข้งใหม่ที่เป็นเป้าหมายมาช่วยทีมด้วยกันทั้งนั้นแหล่ะ แต่สถานการณ์บางอย่างอาจไม่เอื้ออำนวย
ลิเวอร์พูลเปิดม่านซีซั่นนี้ด้วยความสวยหรู จากการต้อนแมนฯซิตี้ 3-1 ผงาดครองคอมมูนิตี้ ชิลด์สำเร็จ เป็นครั้งแรกของ คล็อปป์ ที่ได้โล่เงินใบเขื่องมาประดับตู้โชว์ด้วย
ต้องยอมรับว่าหงส์แดงเล่นด้วยความมุ่งมั่นดุดัน ต่อกรกับเรือใบสีฟ้าสนุกสมราคาสองทีมเต็ง แลกกันแบบหมัดต่อหมัด ใครพลาดก็ร่วงผล็อยเท่านั้นเอง เอนเตอร์เทนแฟนบอลอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามพอมาถึงเกมพรีเมียร์ลีก 2 นัดที่ผ่านพ้นไป ปรากฏว่าฟอร์มจากเกมการกุศลดูหายไป
พวกเขาออกสตาร์ตไม่ดีเลยตั้งแต่เจอฟูแล่มแล้ว ต้องหืดจับตามตีเสมอ หลายอย่างไม่ลงตัวอย่างที่คาดกันไว้
1
ส่วนเกมล่าสุดที่เสมออีกครั้งกับคริสตัล พาเลซในแอนฟิลด์ ก็ย่อมสะท้อนความจริงบางอย่างได้ชัดเจนมากขึ้น
แน่นอนพาเลซเป็นยกระดับอย่างแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในทีมเลเวลกลางๆที่ยากจะเอาชนะได้ เน้นพละกำลังเข้าสู้ อีกทั้งมีเกมโต้กลับอันตราย จากความปราดเปรียวของผู้เล่นในแดนหน้า
ไหนจะเป็นกลุ่มพลังหนุ่ม ซึ่งเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานและเน้นเรื่องวินัยเข้มตลอด 90 นาที ตามวิธีการที่ ปาทริค วิเอร่า ปลูกฝังเอาไว้
ต้นเกมลิเวอร์พูลโหมโจมตีอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆนวดตามจังหวะ ไม่ถึงกับเร่งเท่าไรนัก มีแนวโน้มว่าจะออกนำไม่ยากเลย
แต่พอจังหวะสุดท้ายขาดๆเกินๆ ไม่เฉียบคมอย่างที่หวังเอาไว้ จึงต้องพลาดเจอสวนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโดนลงโทษด้วยการเล่นบอลแค่ 3 จังหวะของพาเลซ
แข้งหงส์แดงไม่ได้ประมาท วิลฟรีด ซาฮา อย่างแน่นอน ย่อมรู้จักพิษสงดีว่าร้ายกาจขนาดไหน แต่มันก็ยากสำหรับการจัดการรับมือ อีกทั้งแผงหลังมีรอยรั่วจากการเลือกใช้งาน แน็ตต์ ฟิลลิปส์ เป็นเซ็นเตอร์แบ็ก
แท็คติกของ คล็อปป์ มีความเสี่ยงอยู่แล้ว เพราะไลน์แผงหลังดันขึ้นสูงเกือบตลอด เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้โจมตีโต้กลับ อยู่ที่ว่าใครจะเจาะเข้าไปได้
ส่วนใหญ่แล้วเสียประตูก็จริง แต่ลิเวอร์พูลมักจะยิงมากว่าคู่แข่งเสมอ จึงไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไรนัก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เห็นได้ชัดจากเกมล่าสุดก็คือ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ มีพื้นที่ค่อนข้างน้อย ถูกทางผู้เล่นพาเลซซึ่งมีวินัยคอยช่วยกันซ้อน บีบให้เล่นยาก จนหาโอกาสส่องลำบาก
ยังดีที่ว่า หลุยส์ ดิอาซ อาศัยความแคล่วคล่องและการตัดสินใจดีเยี่ยม กดประตูตีเสมอสำเร็จ แม้จะเหลือผู้เล่นน้อยกว่าก็ตาม
1
ใบแดงอัตโนมัติของ ดาร์วิน นูนเญซ ยังกระทบต่อ 3 เกมจากนี้ด้วย จะพลาดแดงเดือดไปเยือนแมนฯยูไนเต็ดในวันจันทร์ รวมถึง 2 เกมปักหลักในแอนฟิลด์เจอบอร์นมัธและนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
จากเหตุผลหลายอย่างมัดรวมกันแล้ว ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า คล็อปป์ ควรจะแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน ซื้อผู้เล่นที่จำเป็นจริงๆมาเติมให้แน่นกว่าเดิม ก่อนเส้นตายตลาดซื้อขายมาถึง
1
มาร์ติน ซีกเลอร์ นักข่าวฟุตบอลและคอลัมนิสต์รุ่นใหญ่ของไทม์ส สปอร์ต แสดงความเห็นว่า จุดทำให้ลิเวอร์พูลเสียเปรียบแมนฯซิตี้ก็คือ คุณภาพผู้เล่นสำรอง ไม่อาจทดแทนตัวจริงได้แบบทัดเทียมหรือใกล้เคียง
เกมเจอพาเลซเห็นได้ชัด พอไร้เงา โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ข้างสนามและต้องการตัวรุกมาเพิ่มมิติ ก็แทบไม่มีใครฝากความหวังได้เลย ครั้นจะพึ่งพา ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ แข้งดาวรุ่งคนใหม่ก็คงจะยากอีก
การเสียทั้ง มาเน่ , มินามิโนะ และ โอริกี้ ไปพร้อมๆกัน ควรจะหาตัวแทนสมน้ำสมเนื้อมาแทนส่วนที่พร่องหายไป
ลองเปรียบเทียบกับแมนฯซิตี้ดูก็ได้ ตรงนี้จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนเลย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถสับเปลี่ยนผู้เล่นแบบแทบไม่ส่งผลกระทบ
ในเมื่อลิเวอร์พูลเองมีงบประมาณหมุนเวียนไม่น้อย ก็ควรจัดหนักอย่างเต็มที่ เพื่อกระชากบัลลังก์กลับคืนมา หากใช้เท่าที่มีอยู่ รับรองเลยว่าระยะยาวยังไงก็ต้องเจอปัญหา
อย่างที่บอกไว้ คล็อปป์ เคยให้คำตอบว่า แนวโน้มจะคว้าตัวผู้เล่นเพิ่มมีน้อยมาก นอกจากจำเป็นจริงๆค่อยว่ากัน
ตอนนี้ดูเหมือนจะจำเป็นแล้ว เพราะต้องเจอทั้งอาการบาดเจ็บและติดโทษแบนเล่นงานตั้งแต่ต้นฤดูกาล
จับตาดูให้ดี บางทีก่อนตลาดวาย เราอาจได้เห็นลิเวอร์พูลเปิดตัวสมาชิกใหม่ก็ได้
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา