17 ส.ค. 2022 เวลา 03:39 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้นน่าซื้อวันนี้ 17ส.ค.65 โบรกมองหุ้นไทยวันนี้แกว่ง Sideway to Sideway-up คล้ายวันก่อนหน้าในกรอบ 1,623-1,637 จุด ในรูปแบบการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างอุตสาหกรรม เชิงกลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรกลุ่ม Anti-commodity และ Domestic Play
บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเมื่อวานนี้ ส่วนใหญ่แม้เคลื่อนไหวในทิศทางบวก แต่เป็นอัตราการปรับตัวขึ้นในกรอบที่ค่อนข้างแคบ จากปัจจัยระดับมหภาคที่เบาบางประกอบกับการรอคอยการรายงานผลการประชุม FOMC Meeting Minutes และตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯ ในช่วงคืนวันนี้ ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นของ SET Index ที่ 4.70 จุด เทียบเท่า +0.29% ถือว่าทำได้ดีกว่าภูมิภาคโดยมีการรายงานผลประกอบการ และการให้มุมมองของบริษัทจดทะเบียนต่อแผนการดำเนินธุรกิจเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนตลาด
สำหรับอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่า SET Index คือกลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์, การแพทย์, ท่องเที่ยว และปิโตรเคมี
การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์สำคัญเมื่อวานนี้ได้แก่ (1) ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ US$86.53/bbl ต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน จากความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และโอกาสการเจรจาระหว่างอิหร่านและ EU สำหรับข้อตกลงนิวเคลียร์ซึ่งอาจนำไปสู่อุปทานน้ำมันที่จะเพิ่มกลับเข้าสู่ตลาดถึง 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน (2) Dollar Index ยังทรงตัวที่ 106.5 จุด ขณะที่เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าที่ 35.38 บาท/ดอลล่าร์ และ (3) US2YY และ US10YY ทรงตัวที่ระดับ 3.27% และ 2.82% ตามลำดับ
ประดันสำคัญทางเศรษฐกิจที่ตลาดจับตาและคาดจะเป็น Swing factor สำคัญซึ่งจะรายงานช่วงคืนวันนี้ได้แก่ (1) FOMC Meeting Minutes ติดตามมุมมองของสมาชิกธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและเงินเฟ้อ รวมถึง Outlook เศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี หากคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ครั้งถัดไปผ่าน Fed Fund Futures เพิ่มความน่าจะเป็นที่ 0.50% คาดเป็นบวกกับ Sentiment การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงช่วงปลายสัปดาห์ และ (2) การรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ปัจจุบันตลาดคาด +0.1% MoM
หากดีกว่าคาดจะคลายความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะสั้นและจะเป็นบวกต่อตลาดทุนเช่นกัน
คาดการเคลื่อนไหวของ SET Index วันนี้ยังเป็นลักษณะ Sideway to Sideway-up คล้ายวันก่อนหน้าในกรอบ 1,623-1,637 จุด ในรูปแบบการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างอุตสาหกรรม เชิงกลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรกลุ่ม Anti-commodity และ Domestic Play อาทิ บรรจุภัณฑ์, โรงกลั่น, ปั๊มน้ำมัน, ท่องเที่ยว และค้าปลีก เป็นต้น
หุ้นเด่นตัวแรกคือ HUMAN รายงานกำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 39 ลบ. แต่เกิดจากรายการพิเศษ ได้แก่ ค่าใช้จ่าย M&A, ESOP และขาดทุนมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงินรวม 18 ลบ. อย่างไรก็ตาม กำไรปกติที่ 57 ลบ. เติบโต +8% YoY และ +39% QoQ ดังนั้น การอ่อนตัวลงของราคาหุ้นเป็นโอกาสสะสม
เราคาดว่ากำไรปกติตั้งแต่ 3Q65 มีแนวโน้มเติบโตสูง YoY เนื่องจากจะรวมงบการเงินของ DataOn แบบเต็มไตรมาสตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไป เป็น Catalyst ต่อราคาหุ้น
หุ้นเด่น ถัดมาคือ M เราประเมินว่าหุ้นกลุ่มร้านอาหารมีปัจจัยบวกได้แก่ 1)ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของกำลังซื้อของภาคบริโภค 2)คาดกำไร 3Q65 เติบโตสูง YoY เทียบกับฐานกำไรในปีก่อนหน้าที่ต่ำจากการ Lockdown
หลังกำไร 2Q65 ออกมาดีกว่าคาด เราคงมุมมองบวกต่อกำไรใน 2H65 หลังจำนวนลูกค้านั่งทานในร้านกลับเข้าสู่ระดับ 80-90% ของช่วงก่อน COVID แล้ว ช่วยหนุนการฟื้นตัวของอัตรากำไร เราคาดกำไรปกติปี 2565 ที่ 1.67 พันลบ. เติบโต +1,175% YoY และเพิ่มขึ้นอีก +35% YoY เป็น 2.24 พันลบ.ในปี 2566 ซื้อขายที่ PER2566 เพียง 21 เท่า
หุ้นเด่น อีกตัวคือ BJC เราคาดว่ากลุ่มค้าปลีกจะ Outperform ตลาด เนื่องจาก 1)Sentiment บวกจากน้ำมันดิบ WTI ทำระดับต่ำสุดรอบ 7 เดือน ส่งผลให้ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อลดลง และกำลังซื้อเพิ่มขึ้น 2)SSSG คาดโตเด่น YoY ใน 3Q65 จากฐานที่ต่ำในปีก่อนเนื่องจากการ Lockdown
แนวโน้มกำไร 2H65 เด่นกว่า 1H65 เราประเมินกำไรปี 2565 ที่ 5.2 พันลบ. เติบโต +51% YoY ราคาหุ้นไม่แพงที่ระดับ PER2565 ที่ 26 เท่า และลดลงเหลือ 19 เท่าในปี 2566
หุ้นเด่นสุดท้าย คือ BBL ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 139.00 บาท แนวรับ 135.50 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 133.00 บาท
แนวโน้มกำไร 2H65 ของกลุ่มธนาคารคาดเติบโต YoY โดย BBL ได้แรงหนุนจากการลงทุนของภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวเป็นบวกต่อความต้องการใช้สินเชื่อภาคธุรกิจ รวมทั้งราคาหุ้นค่อนข้างถูกที่ระดับ PBV เพียง 0.5 เท่า
บล.เอเซียพลัส สรุปผลประกอบการงวด 2Q65 ของบริษัทจดทะเบียนพบว่ามีกำไรสุทธิรวม 3.46 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.4% QoQ และ 26.6% YoY นับเป็นฐานกำไรสุทธิที่ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตัวเลขดังกล่าวจะนำไปสู่การปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 เบื้องต้นเป็นไปได้ที่จะเห็นกำไรสุทธิรวมสูงกว่า 1.1 ล้านล้านบาท
ซึ่งน่าจะ เป็นแรงดึงดูดเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำ กำไรได้สูงสุดคือกลุ่มพลังงาน มีฐานกำไร 1.42 แสนล้านบาทเพิ่ม 116% YoYและ 48% QoQ ฝ่ายวิจัยได้สังเกตุเห็นการปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีกในตลาดหุ้น สหรัฐ อย่างมีนัยสำคัญ และทำหน้าที่เป็นแรงขับเคลี่อนดัชนีDJIA
ซึ่งเป็นไปได้ที่จะ เห็นกระแสการลงทุนใน Theme ดังกล่าวในตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน ส่วนทิศทาง ของ Fund Flow เชื่อว่าจะเห็นการไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง SET Index กำลังจะผ่านแนวต้าน 1,630 จุด แต่ก็จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,640 จุด แนวรับ 1,610 จุด พอร์ตจำลองวันนี้ไม่มีการปรับเปลี่ยน ส่วนหุ้น Top Pick เลือก CRC, KTB และ M
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้คาด SET แกว่ง Sideways Up ในกรอบแนวรับ 1,620 จุด และแนวต้าน1,640 จุด เน้นหุ้นคาดแนวโน้มกำไรดี
โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ ILM ภาพกำไรในช่วง 2022จุดสูงสุดใหม่ จากสัญญาณSSSG ที่ขยายตัวเด่น และการ เติบโตของรายได้พื้นที่เช่า หนุนอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น โดยภาพ3065 ยังคาดโต YOY จากฐานต่ำ ขณะที่ 90Q ทรงตัวสูง และจะเร่งขึ้นต่อเนื่องใน 4Q65 จากการเปิดสาขาใหม่ ขณะที่Valuation เทรดเพียง PE 15xต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 25xเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 21.5 บาท
หุ้นเด่นตัวต่อมาคือ WICE คาดแนวโน้ม 3Q65จะขยายตัวขึ้น สอดคล้องกับภาพรวมปริมาณการขนส่งที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี (Sea & Air)รวมถึง GPM ที่ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ในขณะ ที่Valuation ปัจจุบันเทรดเพียงPE 12x ต่ำกว่ากลุ่มและค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 22xเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.1 บาท
บล.ไทยพาณิชย์ มอง SET ขึ้นแบบมีอัตราเร่งลดลง หรือ sideways up โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,636 และ 1,643 จุด ตามลำดับ ขณะที่สัญญาณเทคนิคยังเตือนถึงการพักตัว จากสัญญาณ Overbought และ Divergence ทำให้เรายังคงมีมุมมองแบบระมัดระวังต่อแรงขายทำกำไร หลังดัชนีขึ้นมาต่อเนื่อง ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1624 - 1610 จุด หากต่ำกว่า จะเริ่มเป็นสัญญาณลบ
หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ KBANK (ราคาเป้าหมาย 176.00 บ.) มองเป็นหุ้นได้อานิสงส์จาก Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและล่าสุดยังได้เพิ่มเข้าเป็นหุ้นคำนวณดัชนี MSCT Global Standard (มีผลราคาปิด 31 ส.ค. นี้) ขณะเดียวกันยังมีจุดเด่นด้าน Valuation ไม่แพง (PBV 0.65 เท่า และ PE 7.5 เท่า) และคาดการณ์ว่ากำไรจะฟื้นตัวได้ดี อีกทั้งยังเป็นผู้นำในด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง
หุ้นเด่นอีกตัวคือ BJC (ราคาเป้าหมาย 44.00 บ.) 3Q65 คาดกำไรเติบโต YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขาย และรายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมา แต่จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่า 20% จากระดับก่อนเกิด COVID-19 ซึ่งมองยังไม่สะท้อนกำไรที่ฟื้นตัว
บล.กสิกรไทย มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,640จุด โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ 3 ตัวคือ IVL ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 44 บาท เป้าหมาย 48.25 บาท ตัวต่อมาคือ SPRC ราคาปัจจุบัน 12.30 บาท ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท และ BAM ราคาปัจจุบัน 18.30 บาท ราคาเป้าหมาย 20 บาท
อัตราแลกเปลี่ยน-ราคาทองคำ ประจำวันที่ 17 สิงหาคม 65
เงินบาแข็งค่า ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทย
ราคาทองคำร่วง 50 บาท รูปพรรณขาย 30,300 บาท
📲 ติดตามข่าวหุ้นและการลงทุนได้ทาง
•Line @TNNWEALTH : https://bit.ly/3tCKmiD
หรือดูรายการ Live ได้ทาง https://bit.ly/3HmUu4O
โฆษณา