18 ส.ค. 2022 เวลา 12:42 • สิ่งแวดล้อม
นักวิจัยด้านสภาพอากาศออกมาเตือนว่า
อีก 30 ปี พื้นที่ 1 ใน 4 ของอเมริกา จะถูกปกคลุมด้วยแถบความร้อนขนาดใหญ่
ภาพปก: บน – Pixabay, ล่าง – ภาพจากซีรีส์เรื่อง American Woman Season 1 EP6 “The Heat Wave” เครดิต: Vogue, ในกรอบสี่เหลี่ยม เครดิต: First Street Foundation
ช่วงซัมเมอร์ของอเมริกาตอนนี้กำลังมีคลื่นความร้อน (Heat Wave) ถาโถมแผดเผาในหลายพื้นที่อย่างไม่เคยมีมาก่อน นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของแถบความร้อนอันรุนแรงที่จะก่อตัวปกคลุมพื้นที่อเมริกามากกว่านี้ในอีก 30 ปีข้างหน้า หรือ ค.ศ. 2053
1
Matthew Eby ซึ่งเป็น CEO ของกลุ่มวิจัยที่ไม่หวังผลกำไร ทางด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ชื่อว่า First Street Foundation ได้ให้สัมภาษณ์กับ Insider ว่า
“ถ้าผู้คนคิดว่าตอนนี้คือร้อนแล้ว บอกได้เลยว่าตอนนี้คือหน้าร้อนที่ดีกว่าที่จะเจอในชีวิตที่เหลือของพวกเรา”
ที่มาภาพ: Joshua Stevens/GEOS-5/NASA GSFC/VIIRS/Suomi National Polar-orbiting Partnership
จากภาพด้านบนเป็นภาพกราฟฟิกที่ได้จากความร่วมมือกับนาซา แสดงถึงอุณหภูมิบนผิวโลก เมื่อ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 2022
1
ไล่จากพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 C (สีน้ำเงินเข้ม) ไปยัง พื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 45 C (สีดำ)
  • 15 สิงหาคม ค.ศ. 2022 กลุ่มวิจัยนี้ได้เผยแพร่รายงานที่ชื่อ “Hazardous Heat” [แปลเป็นไทย] “ความร้อนที่เป็นอันตราย” โดยใช้วิธีแบบจำลองหนึ่งซึ่งได้ประเมินข้อมูลจากดาวเทียมของรัฐบาลอเมริกาย้อนหลัง 6 ปี เพื่อนำมาทำนายความเสี่ยงจากคลื่นความร้อนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยเครื่องมือที่มีอยู่
1
  • โดยได้ผลสรุปสอดคล้องกับการเตือนของนักวิทยาศาสตร์หลายคนที่ทำวิจัยด้านนี้ คือ คลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นตอนนี้จะเป็นเรื่องปกติไปแล้วต่อจากนี้ จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นอีก และจะกินระยะเวลานานขึ้นด้วยในทศวรรษที่จะมาถึง
1
  • ปีหน้า ค.ศ. 2023 รายงานบ่งชี้ออกมาว่าจะมีคนอเมริกันกว่า 8 ล้านคน เจอกับภาวะอากาศร้อนอบอ้าว คืออุณหภูมิขั้นต่ำ 51 C อย่างน้อย 1 วันในรอบปี
2
  • และในปี ค.ศ. 2053 (30 ปีข้างหน้า) จะมีคนอเมริกันมากขึ้นถึง 107 ล้านคน (มากขึ้น 13 เท่า) เจอกับภาวะอากาศที่มีอุณหภูมิขั้นต่ำ 51 C อย่างน้อย 1 วันในรอบปี ซึ่งเทียบเท่าได้กับ 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรชาวอเมริกันในตอนนี้ และแถบความร้อนขนาดใหญ่จะกินพื้นที่กว่า 1 ใน 4 ของขนาดประเทศสหรัฐอเมริกา
2
รูปด้านล่างเป็นการเปรียบเทียบพื้นที่ครอบคลุมของแถบความร้อนในอเมริกา ระหว่างปี 2023 (ซ้าย) กับ ปี 2053 (ขวา)
เครดิต: First Street Foundation
จากรูปในปี 2053 จะเห็นว่าแถบความร้อนขนาดใหญ่จะกินพื้นที่ทางตอนกลาง ไล่ขึ้นมาจากบริเวณตะวันออกของรัฐเท็กซัสและบริเวณริมอ่าวหลุยเซียนา ขึ้นมาตลอดแนวจนถึงชิคาโก ซึ่งบริเวณแถบความร้อนนี้ First Street Foundation เรียกว่า “Extreme Heat Belt”
1
และจะมีอีกสองบริเวณที่แถบความร้อนครอบคลุม คือ ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ กับ ตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะเกิดภาวะอากาศร้อนอบอ้าว อุณหภูมิพุ่งเกิน 51 C มากกว่า 1 วัน ในรอบปี
1
ด้วยคลื่นความร้อนที่ถล่มอเมริกาในตอนนี้ อุณหภูมิที่พุ่งขึ้นสูงในตอนนี้ก็ทำให้เกิดผลเสียและอันตรายหลายอย่างแล้ว โดยหน่วยงานราชการของอเมริกาที่ชื่อ National Weather Service (บ้านเราก็คือ กรมอุตุนิยมวิทยา) ได้ออกมาเตือนว่า
1
  • ความเสี่ยงที่จะเกิดโรคลมแดด หรือ Heat Stroke สูงขึ้น
2
  • โครงสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆจะไม่สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงขนาดนี้ได้ เช่น เกิดถนนเป็นรอยร้าวและทรุดตัว รางรถไฟโก่งงออาจทำให้รถไฟตกรางได้ ยางมะตอยพื้นสนามบินละลายทำให้เครื่องบินขึ้นไม่ได้
2
  • ระบบจ่ายไฟฟ้าขัดข้อง
1
ภาพเจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์วัดความดันให้ชายไร้บ้าน ในช่วงที่อากาศร้อนสุดของวัน ในวอชิงตัน ถ่ายเมื่อ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2022 เครดิตภาพ: David Ryder/Getty Images
ภาพไอความร้อนบนผิวถนนในอินเดีย ถ่ายเมื่อ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 2022 เครดิตภาพ: Amit Dave/Reuters
ถ้าโลกของเรายังไม่ลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นพลังงานสะอาด อนาคตของคลื่นความร้อนนี้จะยิ่งดูรุนแรงกว่าที่ทำนายไว้ในผลการวิจัยดังกล่าว
Eby (CEO ของกลุ่มวิจัยนี้) ได้กล่าวว่า
  • “ถึงแม้เราจะหยุดการปล่อยแก๊สเรือนกระจกในวันพรุ่งนี้แล้วก็ตาม แต่ก็จะยังมีความร้อนถูกล็อคหรือขังไว้ในชั้นบรรยากาศโลกอยู่ จากแก๊สที่เราได้ปล่อยออกไปสะสมในบรรยากาศในอดีตที่ผ่านมา”
  • “เพื่อเป็นการปกป้องชีวิต โครงสร้างต่างๆ และบ้านเรือนทรัพย์สินของเรา เราควรมีการเตรียมตัวรับมือกับความร้อนมหาศาลนี้ได้แล้วที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในระดับตัวบุคคล ภาคเอกชน และระดับชาติ”
2
เรียบเรียงโดย Right SaRa
18th Aug 2022
  • แหล่งข่าวและข้อมูลอ้างอิง:
โฆษณา