20 ส.ค. 2022 เวลา 02:25 • หุ้น & เศรษฐกิจ
📜 วิธีหา ‘หุ้นเด็ด’ จากหน้าประวัติศาสตร์!
สำหรับนักลงทุนระยะยาว การจะหาธุรกิจที่อยู่ยงคงกระพันได้ในโลกยุคดิจิทัล เติบโตได้ต่อเนื่อง 5-10 ปี มีความยากขึ้นเรื่อยๆ ครับ
1
เพราะเทคโนโลยียุคนี้พัฒนาเร็วมาก พร้อมจะเปลี่ยนวิถีชีวิตคนทั่วไป และทำลายโมเดลธุรกิจเดิมๆ ให้อันตรธานหายไปได้ในระยะเวลาอันสั้น
ธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทัน ก็จะล้มหายตายจากไปในที่สุด
วันนี้เรามีไอเดียการหาธุรกิจเพื่อลงทุนระยะยาวมาฝากคุณครับ จะเรียกว่าต่อยอดจากแนวคิดของ Jeff Bezos ในสัปดาห์ที่แล้วก็ได้ นั่นคือ ‘การมองหาธุรกิจที่คงอยู่มาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์’ ครับ
📚 ย้อนดูประวัติศาสตร์ เพื่อคาดการณ์อนาคต
วิธีการนึงที่นักลงทุนชั้นเซียนหลายคนใช้เป็นไอเดียในการลงทุน ก็คือการมองย้อนกลับไปใน ‘อดีต’ เพื่อให้เข้าใจพัฒนาการทางเศรษฐกิจ และเอาไปต่อยอด หาธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตครับ
Peter Lynch เป็นนักลงทุนที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อคาดการณ์อนาคต เขาเคยกล่าวเอาไว้ว่า “เมื่อคิดย้อนกลับไป ผมคิดว่าวิชาประวัติศาสตร์และปรัชญามีประโยชน์กับการลงทุนมากกว่าวิชาสถิติเสียอีก”
1
สิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ก็คือ Lynch ไม่ได้เรียนจบปริญญาตรีในสายการเงินแบบนักลงทุนคนอื่นๆ แต่เขาเรียนจบสาขาประวัติศาสตร์ จิตวิทยาและปรัชญา ก่อนจะมาเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจต่ออีกที
ส่วนปู่ Warren Buffett ไอดอลของเรา ก็เคยพูดถึงวิกฤติในตลาดการเงินที่มักเกิดขึ้นในรูปแบบเดิมๆ ว่า “สิ่งที่เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ก็คือ มนุษย์ไม่เคยเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์เลย”
2
ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนที่ปู่ Buffett ทำบ่อยมาก นั่นคือการเข้าไปช้อนซื้อหุ้นดีๆ ที่เขาเล็งไว้ในราคาถูกตอนช่วงวิกฤติ และจากประวัติศาสตร์ ปู่ก็รู้ดีว่าวิกฤติเศรษฐกิจจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้งแน่ๆ
👀 เสาะหาธุรกิจที่อยู่ยงคงกระพันมานับร้อยๆ ปี
อีกไอเดียสำหรับการลงทุนระยะยาวก็คือ เมื่อมองย้อนไปในประวัติศาสตร์ คุณจะเจอธุรกิจมากมายที่เกิดขึ้นมานานหลายร้อย หลายพันปีแล้ว และในปัจจุบันก็ยังมีธุรกิจนั้นๆ อยู่ครับ
ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจโรงแรม ที่เกิดขึ้นมานานกว่า 1,000 ปีแล้ว โดยโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอยู่ในประเทศญี่ปุ่น นับถึงปีนี้ก็มีอายุร่วม 1,300 ปีเข้าไปแล้วครับ
หรือถ้าใครเป็นแฟนตัวยงของหนังจีนจะต้องเคยเห็นฉากร่ำสุราในโรงเตี๊ยม โดยมีเด็กน้อยหรือ ‘เสี่ยวเอ้อ’ คอยบริการ ซึ่งโรงเตี๊ยมก็คือธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายสุราแบบนึงนั่นเองครับ 🍻
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายธุรกิจที่อยู่คู่สังคมมนุษย์มานาน ไม่ว่าจะร้านค้าปลีก ธุรกิจปศุสัตว์ เกษตรกรรม ประมง อุตสาหกรรมเหล็ก เครื่องนุ่งห่ม สถาบันการเงิน และอีกมากมายนับไม่ถ้วน
บางอุตสาหกรรมก็ยังน่าลงทุนในปัจจุบัน แต่หลายๆ อุตสาหกรรมก็อยู่ในช่วงโรยราแล้ว
แต่หนึ่งในอุตสาหกรรมที่เก่าแก่ที่สุด ยังอยู่ยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้ และยังเติบโตได้สม่ำเสมอ ก็คืออุตสาหกรรมเฮลท์แคร์นั่นเองครับ 💊
โดยนักโบราณคดีค้นพบบันทึกการรักษาโรคที่เก่าแก่ที่สุด คือต้องย้อนกลับไปในยุคหินเมื่อราว 9,000 ปีที่แล้วเลยทีเดียว และในปัจจุบันอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ก็ยังมีพัฒนาการอยู่ตลอด ไม่เคยหยุดนิ่ง
ในเชิงจิตวิทยา เราก็เข้าใจกันเป็นอย่างดีว่าการมีสุขภาพดีเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานหรือ basic needs ของมนุษย์ นี่ก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ถึงอยู่รอดแบบสบายๆ มาหลายพันปีครับ
🦠 Covid-19: ตัวเร่งปฏิกิริยา Digital Transformation ในเฮลท์แคร์
ในประวัติศาสตร์ จริงๆ แล้วคุณจะพบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอยู่ในทุกยุคสมัย ไล่ตั้งแต่การที่มนุษย์รู้จักการใช้ไฟ การทำอุปกรณ์ล่าสัตว์ เรื่อยมาจนถึงการใช้เครื่องจักร ที่ทำให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม
แต่หากย้อนไปสัก 10 ปีก่อน ตอนที่โลกเริ่มรู้จัก Cloud และ AI สำนักวิเคราะห์ต่างๆ ก็ออกมาทำนายกันยกใหญ่ว่าอุตสาหกรรมไหนบ้างที่จะถูก AI เข้ามาแทนที่ คนจะตกงานกันเพียบ 🤖
แต่อุตสาหกรรมที่ Cloud และ AI รุกคืบเข้ามาได้ช้าที่สุด ก็คืออุตสาหกรรมเฮลท์แคร์นี่แหละครับ ด้วยความที่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคน การนำเทคโนโลยีมาใช้จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
แต่อย่างที่เราทราบกันว่าที่ผ่านมา โรงพยาบาลแน่นขนัดไปด้วยผู้ป่วยโรค Covid-19 ทำให้ไม่มีพื้นที่สำหรับผู้ป่วยโรคอื่นๆ ขณะที่วัคซีน mRNA ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งเสร็จสิ้นจากขั้นตอนการวิจัย ก็ถูกนำออกมาใช้จริงและทำให้เราสามารถผลิตวัคซีนเป็นจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น
และในที่สุด อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ก็หนีเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่พ้น
เราจึงได้เห็นเทรนด์ Telemedicine เกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงแพทย์จากที่ไหนก็ได้ เหมือนกับที่เทรนด์ E-commerce และ Food Delivery เข้ามาเปลี่ยนสมรภูมิธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหารไปก่อนหน้านี้
1
ในเชิงการลงทุน ช่วงนี้น่าจับตามองอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์มากๆ ครับ เพราะเหมือนการจับเอาธุรกิจที่มีอำนาจต่อรองสูง มารวมกับเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน กลายเป็นพยัคฆ์ติดปีก 💪🏻
แถมยังมีลมใต้ปีกจากเทรนด์ผู้สูงอายุทั่วโลก การปฏิรูประบบประกันสุขภาพในสหรัฐฯ หรือจีน รวมถึงการคิดค้นยาและวัคซีนที่ทำได้เร็วขึ้นมากจากการนำ AI และเทคโนโลยี mRNA เข้ามาช่วย
จึงไม่แปลกที่สถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น BlackRock หรือ Morgan Stanley จะแนะนำให้ลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์ช่วงนี้ ที่แม้จะผ่านวิกฤติ Covid-19 มาแล้ว แต่ความน่าสนใจก็ไม่ได้ลดลงเลย
💡 อยากลงทุนหุ้นเฮลท์แคร์ แต่ไม่มีความรู้เฉพาะทาง ทำอย่างไรได้บ้าง?
ถ้าคุณอยากลงทุนในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ ‘เมกะเทรนด์ที่ไม่มีวันตาย’ แต่ไม่มีความรู้เฉพาะทาง หรือไม่อยากหาข้อมูลหุ้นเอง ไม่มีเวลาดูแลพอร์ต
Jitta Wealth มีตัวช่วยครับ
เพราะเรามีนโยบาย ‘Jitta Ranking หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’ ที่นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ คัดกรองหุ้นสุขภาพในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผู้นำเฮลท์แคร์โลกแบบรายตัว พร้อมทั้งปรับพอร์ตให้อย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน
พอร์ตของคุณก็จะมีแต่หุ้นตัวท็อปในวงการเฮลท์แคร์ของโลกอยู่เสมอ เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้สูงขึ้น
หากสนใจ สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://jittawealth.com/jitta-ranking/ushealthcare
หรือถ้าคุณอยากลงทุนธุรกิจเฮลท์แคร์แบบโฟกัสมากขึ้น ก็สามารถลงทุนใน Thematic ETF สายสุขภาพกับ Jitta Wealth ได้
ไม่ว่าจะเป็นธีมบริการสุขภาพ บริการสุขภาพจีน หรือแม้แต่ธีมจีโนมิกส์ที่กำลังจะเข้ามาปฏิวัติวงการแพทย์ทั่วโลก 🧬
1
โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://jittawealth.com/thematic/diy
ขอให้คุณสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขกับการลงทุนครับ 👨‍⚕️
โฆษณา