29 ส.ค. 2022 เวลา 05:30 • การเมือง
"นาจิบ ราซัค" ตัวอยู่ในเรือนจำ แต่ยังมีอำนาจในการเมืองมาเลเซียจริงหรือไม่
• นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย วัย 69 ปี เข้าสู่เรือนจำ รับโทษจำคุก 12 ปี หลังจากศาลฎีกาตัดสินว่าเขามีความผิดตามข้อหาที่เกี่ยวข้องกับกรณี "1MDB" กองทุนอื้อฉาวที่เป็นคดีฉ้อโกงทางการเงินใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เขานับเป็นอดีตผู้นำมาเลเซียคนแรกที่โดนตัดสินโทษจำคุก
2
• ความผิดในคดีนี้ทำให้นายนาจิบต้องพ้นสภาพการเป็น ส.ส. หมดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง และหมดโอกาสกลับมาทวงคืนอำนาจทางการเมืองในอนาคตอันใกล้ แต่อย่างไรก็ตามนายนาจิบยังเป็นนักการเมืองที่ได้รับการเคารพและเป็นที่นิยม และมีอำนาจบารมีอยู่ในพรรครัฐบาล
• การเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซียจะถึงกำหนดวาระอีกครั้งในเดือน ก.ย. ปี 2566 แต่ผู้สังเกตการณ์การเมืองหลายคนเชื่อว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ อาจประกาศเลือกตั้งก่อนกำหนดภายในปีนี้
4
อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ถูกส่งตัวเข้ารับโทษที่เรือนจำกาจัง ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 40 กิโลเมตร เมื่อวันอังคาร 23 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากกระบวนการต่อสู้ทางกฎหมายดำเนินมาจนถึงชั้นศาลสูงสุด คณะผู้พิพากษาศาลทั้ง 5 คนลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ให้ยกอุทธรณ์ ขอชะลอการลงโทษของนายนาจิบ ทำให้เขาต้องรับโทษจำคุก 12 ปีทันที
2
โดยไม่รอลงอาญา และต้องชำระค่าเสียหายคืนแก่แผ่นดิน 210 ล้านริงกิต หรือประมาณ 1,682 ล้านบาท จากความผิดในคดีฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ ที่นับเป็นความท้าทายอำนาจตุลาการ และอำนาจของประชาชนชาวมาเลเซีย และเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในการพิจารณาคดีตลอด 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่คดีถูกดองอยู่นานหลายปี
5
ความผิดในคดีนี้ทำให้นายนาจิบต้องพ้นสภาพการเป็น ส.ส. หมดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง และหมดโอกาสกลับมาทวงคืนอำนาจทางการเมืองในอนาคตอันใกล้ แต่อย่างไรก็ตามนายนาจิบยังเป็นนักการเมืองที่ได้รับการเคารพและเป็นที่นิยม และมีอำนาจบารมีอยู่ในพรรครัฐบาล มลายูสามัคคีแห่งชาติ (United Malays National Organisation)
แหล่งข่าวในพรรครัฐบาลมาเลเซีย เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ ได้เร่งให้จัดการเลือกตั้งเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะ มีกระแสความเชื่อมั่นของประชาชนต่อตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด และฝ่ายค้านที่ไม่ค่อยกลมเกลียวกันในช่วงเวลานี้ ขณะที่เขายังต้องพึ่งพาเครือข่ายอำนาจนักการเมืองที่ยังจงรักภักดีกับอดีตนายกฯ นาจิบ เพื่อให้ได้ครองที่นั่งในสภา
1
การบวกลบคูณหารทางการเมืองแบบนี้ทำให้ดูเหมือนว่า นายนาจิบ ที่เคยบริหารประเทศระหว่างปี 2552-2561 และคดีนี้ทำให้เขาจบสิ้นทางการเมืองแล้ว เป็นการปิดประตูตายสำหรับนายนาจิบที่จะกลับสู่แวดวงการเมืองมาเลเซียอีกครั้ง แต่ในความเป็นจริงเขายังคงเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญในการตัดสินใจทางการเมืองของมาเลเซีย
ขณะที่บรรดาผู้ติดตามการเมืองมาเลเซียต่างรู้ว่า ไม่เคยมีใครจบสิ้นทางการเมืองอย่างแท้จริง และกรณีของ นาจิบ ราซัค เขายังเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อการเมืองมาเลเซีย และมีกลุ่มผู้สนับสนุนทางการเมืองอย่างเหนียวแน่น
1
• โอกาสในการ "คัมแบ็ก" หวนสู่การเมือง
นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 97 ปี ผู้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อปี 2561 ที่นำไปสู่การพ้นตำแหน่งของ นายนาจิบ ราซัค ระบุในแถลงการณ์ว่า สำหรับ นายนาจิบ มีแนวโน้มค่อนข้างสูงถึง 50-50 ที่เขาอาจได้รับพระราชทานอภัยโทษหลังจากเข้ารับโทษในเรือนจำตามสมควรแล้ว
นายนาจิบถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดเมื่อเดือน ก.ค. 2563 ใน 7 ข้อหาซึ่งเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายเงินจำนวน 42 ล้านริงกิต จากบริษัท SRC International ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ 1MDB เข้าสู่บัญชีส่วนตัวของเขาเอง และถูกพิพากษาจำคุก 12 ปี ปรับเงินอีก 210 ล้านริงกิต อย่างไรก็ตามเขาได้รับการประกันตัวออกมาเพื่ออุทธรณ์สู้คดี แต่ต่อมาศาลสูงสุดของมาเลเซียปฏิเสธคำร้องอุทธรณ์ครั้งสุดท้ายที่เขาต้องการขอให้ศาลชะลอการรับโทษออกไปก่อน
1
ที่ผ่านมานายนาจิบปฏิเสธการกระทำผิดมาตลอด ทีมทนายความของเขาพยายามแก้ต่างว่า อดีตนายกรัฐมนตรีถูกชี้นำให้เชื่อว่า เงินก้อนใหญ่ที่เข้าบัญชีของเขาเป็นเงินบริจาคจากราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ไม่ใช่เงินจากกองทุน 1MDB และยังอ้างด้วยว่า นายนาจิบ ถูกชี้นำผิดๆ โดยที่ปรึกษาทางการเงินหลายคน โดยเฉพาะ นายโจ โลว์ ที่กำลังหลบหนี
1
อย่างไรก็ตาม สำนักพระราชวังซึ่งผู้สนับสนุนนายนาจิบได้ยื่นถวายฎีกาต่อสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ หนึ่งวันหลังจากศาลตัดสินคดี ยังคงไม่แสดงความเห็นใดๆ ต่อความเห็นของนายมหาเธร์
หลายฝ่ายเชื่อว่านายนาจิบมีความสนิทชิดเชื้อกับสมาชิกราชวงศ์มาเลเซียบางพระองค์ และเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สื่อสังคมออนไลน์ของนายนาจิบ ได้มีการโพสต์ภาพที่เขาไปร่วมการฉลองละศีลอดร่วมกับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์
จนถึงขณะนี้ยังคงไม่มีสัญญาณบ่งชี้ใดๆ ว่าสำนักพระราชวังจะดำเนินการอย่างไรต่อไปหลังการยื่นถวายฎีกา
1
นอกจากนั้นยังคงไม่มีสัญญาณใดๆ จากนายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ ว่าจะขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นายนาจิบ ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้าพรรคอัมโน หรือไม่ ในขณะที่เขาต้องการกู้ภาพลักษณ์ของพรรค
• การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
การเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซียจะถึงกำหนดวาระอีกครั้งในเดือน ก.ย. ปี 2566 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่จะบ่งชี้สเถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากมาเลเซียมีนายกรัฐมนตรีมาแล้วถึง 3 คนในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การรวมพลังของศัตรูคู่แค้นทางการเมืองอย่างอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ และนายอันวาร์ อิบรอฮิม หัวหน้าฝ่ายค้าน ที่สามารถโค่นอำนาจนายนาจิบสำเร็จ และฟื้นคืนพรรคอัมโน แกนนำรัฐบาลมาเลเซียชุดปัจจุบัน กลับมามีอำนาจรัฐบาลอีกครั้งในรอบ 6 ทศวรรษ
1
แต่ผู้สังเกตการณ์การเมืองหลายคนเชื่อว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ อาจยุบสภาแล้วประกาศเลือกตั้งก่อนกำหนดภายในปีนี้ และอาจจะเป็นช่วงเดือน พ.ย.นี้ เพราะคิดว่าเป็นช่วงเวลาเหมาะที่พรรคอัมโนอาจจะได้กลับมาครองเสียงข้างมากในสภาอย่างเด็ดขาด
เมื่อสภาพเศรษฐกิจหลังโควิดเริ่มกลับมาดีขึ้นตามลำดับ ภาพลักษณ์ของเขายังดูดีในฐานะรัฐบาลที่ปกป้องอิสระของกระบวนการยุติธรรมด้วยการเปิดทางให้มีการเดินหน้าพิจารณาคดีเอาผิดนายนาจิบ ขณะที่เขายังต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเพลี่ยงพล้ำซ้ำรอยการเลือกตั้งเมื่อปี 2561
นายอิบรอฮิม ซุฟฟีอัน ผู้ก่อตั้งศูนย์วิจัยเมอร์เดกา ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนมาตั้งแต่ปี 2547 มองว่า พรรคอัมโนต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่าพวกเขาได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต และไม่ปล่อยให้ผู้นำที่มีเรื่องอื้อฉาวมาฉุดรั้งอนาคตของพรรคอีกต่อไป
• แรงกดดันทางการเมือง
ในขณะที่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ ยังนิ่งเงียบ ไม่แสดงท่าทีใดๆ เกี่ยวกับการตัดสินของศาลในคดีนายนาจิบ แต่ก็มีสมาชิกพรรคอัมโนบางรายออกมาประกาศว่าจะอยู่เคียงข้างอดีตนายกฯ นาจิบ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาได้รับความยุติธรรมและไม่ตกเป็นเหยื่อทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม พรรคอัมโนพยายามไม่ให้คดีของนายนาจิบมาเป็นที่สนใจในแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ โดยจะเน้นที่การชูให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์อย่างยาวนานในอดีตของพรรค เทียบกับฝ่ายค้านที่ยังโกลาหล รวมไปถึงกรณีการจับมือรวมพลังแล้วแยกย้ายของนายมหาเธร์และนายอันวาร์
เมื่อปี 2563 แม้คดีของนายนาจิบจะส่งผลกระทบต่อพรรคอัมโน ในฐานะพรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากคนระดับรากหญ้า แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ประชาชนเห็นว่า นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้นักการเมืองอย่างนายนาจิบ แม้หลายฝ่ายจะสนับสนุนให้เขายังคงรักษาความเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับกลุ่มของนายนาจิบ เพื่อป้องกันตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อในสมัยหน้า.
ผู้เขียน : เพ็ญโสภา สุคนธรักษ์
ข้อมูล : BBC Bloomberg SCMP
👇อ่านบทความเพิ่มเติม👇
โฆษณา