9 ก.ย. 2022 เวลา 15:30 • ไลฟ์สไตล์
ผมเป็นคนพิการ เดินไม่ได้ตั้งแต่กำเนิดครับ เกิดที่จังหวัดชัยภูมิครับ ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม พ่อทำนา แม่เลี้ยงควาย หมดฤดูทำนาพ่อก็ไปรับจ้างก่อสร้างในกรุงเทพฯ ในวัยเด็กผมก็ใช้ชีวิตเหมือนเด็กบ้านนอกทั่วไป วันเสาร์อาทิตย์ก็ไปนากับพ่อกับแม่ ชอบมากคือคลานไปเล่นน้ำในนาข้าว หรือบวกควายนอน (ปรัก) มีน้ำนิดหน่อย โดยจินตนาการน่าจะมีปลา และน้ำตื้นไม่น่ากลัว ส่วนใหญ่จะได้ปูก้ามใหญ่ๆ หอยปัง หอยโข่ง มาจี่กิน ปลาไม่มีหรอกครับ แต่ก็สนุกดี ชอบมากๆครับ ทุกวันนี้ยังอยากไปเล่นแบบนั้นถ้ามีโอกาสครับ
ถึงท่ายืนผมไม่สวย แต่จุดยืนผมมั่งคง
ในวัยเด็กผมยังไม่รู้ว่าตัวเองพิการ เพราะใช้ชีวิตกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกันซึ่งเป็นคนปกติ ไม่ว่าจะไปเล่นกับเพื่อนๆ ตามทุ่งนา ไปโรงเรียน ต่างเพียงแค่คลานไป ไม่ได้เดินไปเหมือนคนอื่นๆแค่นั้นเอง มีก็แต่แม่ที่ชอบหวง ชอบห้าม ไม่ให้ไปโน่น ไปนี่ สารพัดแต่ผมก็แอบไปเหมือนเดิมครับ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองพิการ ไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่น แต่ก็ยังโชคดีรอดมาได้จนโตครับ นี่คือความประทับใจของเด็กบ้านนอกคนหนึ่งครับที่ได้ใช้ชีวิต ได้ผ่านช่วงชีวิตวัยเด็กที่คุ้มค่ามากๆ ซึ่งหายากในยุคปัจจุบันครับ
ฤดูทำนาพ่อจะนำควายไปนาแต่เช้ามืด เพื่อไปไถนา ฝนก็ตกตลอดทั้งวัน สายๆแม่ก็จัดหาบตะกร้ามี กล่องข้าวเหนียวพร้อมกับข้าวเพื่อไปส่งพ่อ จับผมนั่งอีกตะกร้าเพื่อหาบ ถ้าวันไหนมีข้าวของเยอะเต็มทั้งสองตะกร้า แม่ก็จะเอาผ้าขาวม้าคาดเอว แล้วอุ้มผมใส่เอว หาบของไปนาด้วย ระหว่างทางจะมีตั้กแตนจับตามต้นสาบเสือ ฝนตกปีกมันจะเปียกจับง่ายมาก แม่จะจับยื่นให้ผมตลอดทาง ถ้าแม่เห็นแมงดาเฝ้าไข่ แม่ก็ลงไปเอาไข่มาให้ผมกิน หากโชคดีก็จะได้แมงดาไปตำน้ำพริกอีกด้วย แม่พยายามหาวิธีไม่ให้ผมเบื่อในระหว่างเดินทาง
เจอหอยตัวใหญ่ตามคันนาก็เก็บให้ผม เจอปูนาก้ามใหญ่ก็หักเอาเฉพาะก้ามให้ผม บางวันก็เก็บเห็ดปลวกตามโพน เห็ดฟางตามกองฟางเน่า ที่จำได้ดีคือขโมยนกใครไม่รู้ติดกับดัก ผมเห็นนกดิ้นก็อยากได้ แต่แม่ก็ไม่เอาให้จนผมร้องไห้ตลอดทางเลยวันนั้น
ผมมักจะคลานตามพ่อเวลาไถนา คราดนาเพราะได้เล่นน้ำและได้เก็บกุ้งหอยปูปลา ส่วนแม่จะช่วยพ่อจูงควาย พ่อจะถือคันไถตามหลังควาย ผมก็จะคลานตามใกล้ๆ มีปลาเยอะมาก ทั้งปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอ บางทีผมก็คลานไปเจอขี้ควายในน้ำ พ่อมักจะดุไม่ให้คลานไปใกล้เพราะกลัวว่าควายจะคิดว่าเป็นหมา ต้องคลานเล่นห่างๆ
และอีกหลายอย่างที่ผมชอบคือเวลาว่างจากนาแม่จะพาไปตักสวิงหรือไปซ่อนสวิง ตามทุ่งนาร้าง มีหญ้ารกๆ น้ำน้อยๆ เพราะจะได้สารพัดปลาเล็กปลาน้อย และแมลงต่างๆเยอะมาก เช่นแมงสีเสียด แมงดานาน้อย แมงอีด แมงระงำ แมงตับเต่า ฮวกกบ ปูนา กุ้ง เอาหมดแม่จะนำมาอ่อมใส่ยอดพริกอร่อยมากครับ
และขนมในทุ่งนาของผมก็คือบักตากบ บักเบน ตามหัวนา และถั่วฝักยาว แตงกวา ข้าวโพด มันแกว ที่แม่ปลูก เงินช่วงนั้นหายากมาก ผมยังได้ใช้เงิน25สตางค์ 50 สตางค์ ซื้อผัดหมี่ แต่ก็นานๆได้ใช้เงิน ถ้าไปนากับแม่ก็แทบไม่ได้ขนมเลย มีขนมก็ขนมปลาตัวใหญ่ๆให้ตัวนึงตอนเช้า กินไปติดคอไป แต่ผมว่าช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขมากๆช่วงหนึ่ง
ทั้งหมดคือเสี้ยวเวลาแห่งความสุขในวัยเด็กของผม ซึ่งจริงๆแล้วมีเรื่องราวเกิดขึ้นเยอะมาก ผมชื่นชอบธรรมชาติ ชอบทุ่งนา ชอบบรรยากาศในอดีต กุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด เยอะมาก สารเคมีไม่มีเลยยุคนั้น ยุค90 ครับ กับการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติ นี่คือแรงบันดาลใจ คือจิตใต้สำนึก แค่หลับตาคิดถึงภาพเก่าๆก็มีความสุขครับ มันเลยทำให้ผมอยากเป็นเกษตรกรครับ โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองทำได้หรือเปล่า เหมาะกับตัวเองมั้ย เพราะอุปสรรคร่างกายที่ไม่แข็งแรง
ถึงเวลาที่ต้องเลือกทางเดินชีวิตกำลังจะเริ่ม หลังจากที่ผมเรียนจบ ม.3 จากโรงเรียนขยายโอกาส รุ่นแรก ของโรงเรียนบ้านโคกกุง พ่อแม่ก็ปรึกษาหารือกันอยากให้ผมเป็นช่างซ่อมวิทยุ โทรทัศน์ เพราะคนพิการส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเป็นช่างซ่อมโทรทัศน์ หรือช่างอิเล็คทรอนิกส์ คนรอบข้าง ญาติพี่น้องก็เห็นด้วย ผมก็เลยสมัครไปเรียนช่างอิเล็คทรอนิกส์ ที่ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการ ขอนแก่น ที่อำเภออุบลรัตน์ครับ
โฆษณา