16 ก.ย. 2022 เวลา 00:00 • ปรัชญา
ตอนเด็ก ๆ ผมมีนิสัยแปลกอย่างหนึ่งคือ เวลากินขนมสอดไส้ จะกินเนื้อแป้งให้หมดก่อน แล้วจึงค่อยกินไส้มะพร้าวหวานอร่อย เพราะอยากกินของหวานทีหลังสุด
1
นิสัยนี้ยังติดไปถึงการเรียน เมื่อโรงเรียนปิดภาคเล็กราวหนึ่งเดือน ครูให้การบ้านนักเรียนไปทำช่วงปิดภาค แล้วให้มาส่งตอนเปิดภาคใหม่
1
ผมจะทำการบ้าน ทั้งหมดให้เสร็จในวันที่ได้การบ้านมา เพื่อจะได้ใช้เวลาปิดภาคเล่นอย่างเดียวโดยไม่มีอะไรมากวนใจ
2
นโยบาย ‘ทำงานก่อนเล่น’ หรือ ‘ขยันก่อนขี้เกียจ’ ติดตัวมานานหลายปี แก้ไม่หาย! กลายเป็นคนมีนิสัยไม่ชอบให้มีอะไรค้างคาใจ งานค้างเหมือนเสี้ยนเล็ก ๆ ตำอยู่ในเนื้อ ต้องเอาออกทันที
3
อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้นจึงค่อยเรียนรู้ว่า ชีวิตไม่ใช่เรื่องที่ต้องทนทุกข์ก่อนแล้วค่อยสุข เพราะวันสุขอาจมาไม่ถึง เราสามารถกิน ‘เนื้อแป้ง’ กับ ‘ไส้หวาน’ ไปพร้อมกัน หรือสลับกันไป ไม่ต้องแยก ‘ทุกข์’ กับ ‘สุข’ ออกจากกันโดยเด็ดขาด ซึ่งเป็นการใช้ชีวิตแบบสุดโต่งอย่างหนึ่ง
6
วิธีคิดแบบตะวันตกซึ่งชอบชำแหละทุกอย่างออกเป็นส่วน ๆ นั้นอาจทำให้เราติดนิสัยชอบแยกแยะว่าส่วนนี้คือทุกข์ ส่วนนั้นคือสุข ทว่าในชีวิตจริงยากนักที่จะแยกทุกข์กับสุขออกจากกันเป็นส่วน ๆ
1
เพราะชีวิตเป็นส่วนผสมของทุกข์กับสุข ปนกันเป็นสีเทา ในความสุขมีความทุกข์ และในความทุกข์มีความสุข
การแบ่งขนมสอดไส้ออกเป็นสองส่วนอย่างเด็ดขาดคือลักษณะของนิสัยขีดเส้นหรือยึดติดว่า ความทุกข์คือความเจ็บปวด น้ำตา ความเศร้า ความสุขคือการเที่ยว การนอน การเล่น การดูหนังฟังเพลง วันทำงานคือวันทุกข์ ถึงเย็นวันศุกร์ก็สุข เมื่อถึงวันจันทร์ก็ทุกข์ขึ้นมาทันทีเหมือนกดปุ่ม ถึงวันอาทิตย์ก็สุขโดยพลัน
ประหลาดไหม? มันเป็นโหมดอารมณ์ที่เราสร้างขึ้นมากำหนดวิถีชีวิตของเราเอง!
2
การแบ่งแยกทุกข์-สุขออกจากกันโดยเด็ดขาดทำให้เกิดค่านิยมว่า เวลามีคนตาย ต้องตีหน้าเศร้าตลอด จะหัวเราะก็รู้สึกไม่เหมาะสม
เวลาถ่ายรูปในงานศพ หลายคนยิ้มโดยอัตโนมัติ แต่ถูกเพื่อนบอกว่า “เฮ้ย! อย่ายิ้ม นี่งานศพนะโว้ย!”
5
แต่ชีวิตไม่ใช่สูตรคณิตศาสตร์ เพราะเรื่องส่วนใหญ่ในชีวิตเราเป็นอัตวิสัย ไม่สามารถจัดหมวดหมู่ขาว-ดำได้
1
บางคนได้ข่าวแม่ตายแล้วรู้สึกเศร้าเสียใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยินดีที่แม่ไม่ต้องทนทุกข์จากโรคร้ายที่รุมเร้าอีกต่อไป
1
ถูกไล่ออกจากงานเป็นความทุกข์ แต่ก็อาจมีความสุขเจืออยู่ที่ไม่ต้องทนเห็นหน้าเจ้านายมหาโหดอีกต่อไป
ชีวิตก็เหมือนการต้มไข่ ต้มสุกแค่ไหนขึ้นกับความพึงใจ ลิ้นรับความอร่อยของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนชอบแบบครึ่งสุก บางคนชอบแบบสุกเต็มที่ และถึงชอบแบบครึ่งสุกก็ยังแบ่งย่อยออกเป็นระดับอีกมากมาย สุก 52 เปอร์เซ็นต์ สุก 56.125 เปอร์เซ็นต์ สุก 57.54 เปอร์เซ็นต์
5
ไม่มีสูตรว่า เท่านี้คือสุข เท่านั้นคือทุกข์ มันปน ๆ กัน
2
ชีวิตไม่ใช่ขนมสอดไส้ที่แบ่งพื้นที่สุข-ทุกข์ออกจากกันชัดเจน ชีวิตคือข้าวสารที่มีข้าวเนื้อดีและกรวดปนมาด้วย
3
เคยไหมที่เราอยู่ในโมงยามแห่งความสุข แต่จิตนึกถึงเรื่องทุกข์ที่ยังไม่เกิดขึ้น? ในที่สุดมันก็กลายเป็นชั่วโมงของความทุกข์ไป เช่นกัน บางโอกาสที่เราอยู่ในห้วงยามของความทุกข์ แต่กลับรู้สึกอบอุ่นพร้อมที่จะเผชิญปัญหา เปี่ยมด้วยกำลังใจ ถึงแม้เกิดเรื่องร้าย ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกชั่วขณะนั้นอยู่ในโหมดทุกข์
2
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการเลือกของเราเอง
2
ยามทุกข์ใจ ก็ไม่จำเป็นต้องละทิ้งส่วนที่เป็นสุขเสียทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องหน้าบึ้งตึงเครียด ยามทุกข์ก็สามารถกินไอศกรีมหรือดูหนังได้ ยามสุขก็ไม่หลงระเริงกับรสชาติของความสบายกายสบายใจจนลืมไปว่ามันไม่ยั่งยืนอยู่ตลอดไป เพราะเวลาก็คือเวลา สุขทุกข์ไม่ได้อยู่ที่ว่าวันนั้นเป็นวันจันทร์หรือวันอาทิตย์ เป็นโอกาสอะไร สุขหรือทุกข์อยู่ที่เราปรุงแต่งมันขึ้นมา
4
บางท่อนจากเรื่อง ขนมสอดไส้ ในหนังสือ ชีวิตเป็นเรื่องชั่วคราว สั่งซื้อได้ที่ winbookclub.com
โฆษณา