22 พ.ย. 2022 เวลา 10:00 • การศึกษา
บุพกรรมของพระพุทธเจ้าตอนที่ ๓
การได้อัตภาพมาเป็นมนุษย์ ถือเป็นโอกาสอันประเสริฐสุดของการเกิดมาเพื่อสร้างบารมีกันจริง ๆ แม้หมู่สัตว์เหล่าอื่นอีกเป็นอันมาก ก็ปรารถนาที่จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับเรา เพราะเป็นอัตภาพเดียวมีโอกาสดีในการสั่งสมบุญบารมีให้กับตนเองได้อย่างเต็มที่
เมื่อเราได้ในสิ่งที่ได้โดยยากที่หมู่สัตว์ทั้งหลายปรารถนากันแล้ว ก็ต้องใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง รู้จักประคับประคองตัวของเรา ให้ดำเนินชีวิตอยู่บนหนทางแห่งความดีให้ได้ตลอดไปบนเส้นทางแห่งบุญ ชีวิตจึงจะมีคุณค่า เพราะบุญเท่านั้นที่จะช่วยคุ้มครองเราให้ปลอดภัย โดยเฉพาะบุญที่เกิดจากการเจริญสมาธิภาวนาเป็นประจำสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้เส้นทางไปสู่อายตนนิพพานของเราสะดวกสบายยิ่งขึ้น และจะถึงที่หมายโดยปลอดภัยอย่างรวดเร็ว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ปิยสูตร ว่า
 
“หมู่สัตว์ที่มาเกิดแล้วจำจะต้องตายในโลกนี้ ย่อมทำกรรมอันใดไว้ คือบุญและบาปทั้งสองประการ บุญและบาปนั้นแล เป็นสมบัติของเขา และเขาจะพาเอาบุญและบาปนั้นไป อนึ่ง บุญและบาปนั้นย่อมเป็นของติดตามเขาไปประดุจเงาติดตามตัวไปฉะนั้น เพราะฉะนั้น บุคคลพึงทำกัลยาณกรรม สะสมไว้เป็นสมบัติในปรโลก ด้วยว่า บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก”
การเดินทางไกลในสังสารวัฏแต่ละภพแต่ละชาติ มิใช่จะผ่านไปอย่างเปล่า ๆ มีสิ่งหนึ่งที่ติดตามตัวเราไปด้วยคือบุญและบาป หากภพชาติไหนได้กัลยาณมิตร ได้เกิดในถิ่นที่เหมาะสม ก็สามารถที่จะสร้างบุญกุศลติดตามตัวไปได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าห่างเหินจากกัลยาณมิตรคอยชี้แนะหนทางสวรรค์ หรือประมาทพลั้งพลาดไปทำบาปอกุศลเข้า วิบากกรรมนั้นก็จะติดตามคอยขัดขวางเป็นอุปสรรคในชีวิต และกรรมบางอย่างจะให้ผลไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งเข้าสู่พระนิพพาน
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเล่าถึงบุพกรรมของพระองค์เองเอาไว้ว่า ได้เคยทำกรรมอะไรเอาไว้บ้าง แม้แต่ภพชาตินี้ที่เป็นชาติสุดท้ายของพระองค์ นอกจากบุญจะทำงานและส่งผลอย่างเต็มที่แล้ว บาปอกุศลที่เคยทำเอาไว้ในอดีตก็ยังตามมาทัน และส่งผลในภพชาติสุดท้ายนี้ด้วย
การที่พระองค์ถูกพระเทวทัตปล่อยช้างนาฬาคิรีวิ่งเข้าใส่ ด้วยหมายใจว่าจะปลงพระชนม์นั้น เนื่องจากภพในอดีต พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นคนเลี้ยงช้าง เมื่อช้างอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ขึ้นขี่ช้างเที่ยวเล่นไปตามถนนใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ากำลังเดินบิณฑบาตสวนทางผ่านมา บังเอิญว่าช้างเห็นผ้าสีเหลืองแล้วเกิดอาการตกใจ มันจึงไม่กล้าเดินต่อไป แต่คนเลี้ยงช้างไม่พอใจที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นต้นเหตุให้ช้างของตัวตกใจ เกิดอกุศลจิตเข้าครอบงำจิตใจ จึงใช้ตะขอเหล็กสับที่กระพองช้าง ไสช้างเข้าใส่พระองค์ท่านทันที
แต่พระปัจเจกพุทธเจ้าทรงมีฤทธิ์มาก อาศัยความอนุเคราะห์นายควาญช้าง ไม่อยากให้ได้บาปมากกว่านี้ จึงเหาะหนีไปที่อื่นเสีย แต่ด้วยวิบากกรรมนั้น ท่านต้องไปเสวยทุกข์ในอบายเป็นเวลายาวนาน เมื่อมาในภพชาตินี้ ช้างนาฬาคิรีซึ่งถูกนายควาญช้างมอมเหล้าแล้ว ได้วิ่งไปตามถนน และมุ่งเข้าไปเพื่อหวังทำร้ายพระบรมศาสดาพร้อมด้วยเหล่าพระสาวกซึ่งกำลังบิณฑบาตโปรดมหาชนอยู่นั้น ทำให้ชาวเมืองพากันแตกตื่นวิ่งหนีเอาตัวรอดกันจ้าละหวั่น
แต่ก็อาศัยเมตตานุภาพอันไม่มีประมาณ เมื่อช้างวิ่งมาถึงพระพุทธองค์ ก็หายจากอาการตกมัน กลายเป็นช้างเชื่องขึ้นมาทันที ตั้งแต่นั้นมา ช้างนาฬาคิรีก็ได้ชื่อใหม่ว่า ช้างธนบาล
แล้วการที่พระองค์ทรงถูกหมอชีวกผ่าฝี เนื่องจากในอดีตกาล พระโพธิสัตว์ได้เป็นพระราชา แต่ไม่ตั้งมั่นในทศพิธราชธรรม เพราะมีแต่ข้าราชบริพารที่เป็นคนพาล ทำให้เป็นคนหยาบช้า ไม่เป็นที่รักของพสกนิกร และเหล่าอาณาประชาราษฏร์ ก็อยู่ด้วยความหวาดระแวง เวลาพระราชาเสด็จไปที่ไหน พสกนิกรต่างก็ได้รับความเดือดร้อนกันทั่วหน้า
มีอยู่วันหนึ่ง พระราชาทรงถือพระขรรค์ เสด็จไปในเมืองตามลำพัง เจอใครที่ไม่แสดงความเคารพหรือกีดขวางทาง ก็เอาพระขรรค์ฟันใส่ทันที ทำให้ถึงแก่ความตายกันหลายคน ด้วยวิบากกรรมนั้น พระราชาได้ตกไปอยู่ในนรกเสวยทุกข์ในทุคติเป็นเวลายาวนาน
เมื่อพ้นจากนรกก็มาบังเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอีกหลายร้อยชาติ เมื่อมาภพชาตินี้ แม้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว วิบากกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เคยทำเอาไว้ตั้งแต่ครั้งยังเป็นอนิยตโพธิสัตว์อยู่ก็ยังตามมาส่งผล ทำให้ก้อนหินที่พระเทวทัตกลิ้งลงมากระทบฝ่าพระบาท จนเกิดห้อพระโลหิต แผลนั้นกลายเป็นฝีพุพองขึ้น พระองค์ถูกหมอชีวกผ่าหนังที่บวมจึงหายเป็นปกติ
นอกจากนี้ยังมีกรรมอีกอย่างหนึ่ง ที่ตามบีบคั้นพระองค์อยู่เป็นประจำ คือพระองค์ทรงเป็นโรคปวดศีรษะ เหมือนมีใครเอาชะเนาะมาบีบกระหม่อมพระองค์เอาไว้ แต่อาศัยธรรมะภายใน ทำให้สามารถระงับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้ได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะในอดีตพระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นหัวหน้าของชาวประมง
เนื่องจากชีวิตชาวประมงต้องทำปาณาติบาต ต้องทุบหัวปลาเป็นประจำ บางปีคนทั้งหมู่บ้านใช้ยาพิษโรยลงแม่น้ำเพื่อจับปลามาขาย เมื่อปลาในบริเวณนั้นทนยาพิษไม่ไหวก็ตายกันหมด ด้วยกรรมนั้น แม้จะได้บรรลุความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว วิบากกรรมก็ยังส่งผลให้พระองค์ต้องเป็นโรคปวดศีรษะอยู่เป็นประจำ ส่วนเหล่าศากยะซึ่งเป็นพระประยูรญาติต้องถูกพระเจ้าวิทูฑภะฆ่าตายหมดทั้งราชตระกูลด้วยเช่นกัน
การที่พระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ทรงบำเพ็ญมหาทานบารมีไว้มาก แต่ภพชาตินี้พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระสาวก ต้องลำบากในเรื่องการแสวงหาอาหารถึง ๓ เดือน เนื่องเพราะว่า ภพชาติในอดีต พระโพธิสัตว์เคยบังเกิดเป็นลูกชาวบ้าน เป็นเด็กเกเร วันหนึ่งขณะกำลังเล่นกับเพื่อนด้วยความสนุกสนานอยู่นั้น เหลียวไปเห็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ผุสสะ กำลังฉันอาหารที่มีรสอร่อย จึงด่าท่านว่า “สมณะโล้น ท่านจงกินข้าวแดงเถอะ อย่าได้กินอาหารประณีตที่เขานำมาถวายเลย”
เพราะวิบากกรรมนั้น นอกจากจะเสวยทุกข์ในอบายภูมิเป็นเวลายาวนานแล้ว ภพชาตินี้ในสมัยที่ทรงจำพรรษาที่เมืองเวรัญชา มารผู้มีบาปได้ดลใจชาวบ้านทั้งหมด ไม่ให้ทำการถวายภัตตาหารแด่พระพุทธองค์และหมู่ภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป แต่ก็ยังโชคดีที่อาศัยพวกพ่อค้าม้า ซึ่งเพิ่งเดินทางมาถึงหลังจากที่มารดลใจชาวเมืองหมดแล้ว ได้เข้ามาถวายข้าวแดงซึ่งเป็นอาหารของม้าแด่ภิกษุสงฆ์อยู่เป็นประจำ พอยังอัตภาพให้เป็นไปได้
แต่อาศัยมหาทานบารมีที่พระองค์ทรงสั่งสมเอาไว้ดีแล้ว เทวดาในพันจักรวาลจึงพากันใส่โอชารสอันเป็นทิพย์ ทำให้อาหารมีโอชะมากกว่าปกติ แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสวยข้าวแดงตลอดไตรมาส แต่ก็ทรงอิ่มด้วยธรรมรสอันยอดเยี่ยม มีธรรมปีติ ทรงเข้านิโรธสมาบัติ เสวยวิมุตติสุข สุขที่เกิดจากการตรัสรู้ธรรม ทำให้พระวรกายเปล่งปลั่งผ่องใสอยู่ตลอดเวลา
ส่วนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นโรคปวดหลังอยู่บ่อย ๆ เพราะในอดีต พระองค์เคยเกิดเป็นลูกเศรษฐี สมบูรณ์ด้วยกำลัง แต่ค่อนข้างเตี้ย วันหนึ่งท่านเข้าร่วมแข่งขันมวยปล้ำกับนักมวยปล้ำที่มีรูปร่างใหญ่โต พระโพธิสัตว์มีเรี่ยวแรงมากกว่า จึงยกนักมวยปล้ำคนนั้นขึ้นเหนือศีรษะ แล้วหมุนในอากาศ
จากนั้นก็ทุ่มลงบนพื้นอย่างแรง ทำให้นักมวยปล้ำที่สูงใหญ่คนนั้นถึงกับหลังหัก พระโพธิสัตว์ได้รับรางวัลมากมาย และด้วยความสงสารนักมวยปล้ำนั้น ท่านได้ทำการดัดกระดูกให้เป็นปกติเหมือนเดิม แต่ด้วยวิบากกรรมนั้น ทำให้พระองค์เกิดอาการปวดหลังเป็นครั้งคราวไป สมัยใดที่ทรงปวดหลังมาก ก็ทรงรับสั่งเรียกให้พระสารีบุตรหรือพระโมคคัลลานะแสดงธรรมแทนพระองค์ แล้วเสด็จเข้าไปพักในพระคันธกุฎี
จะเห็นได้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้จะเป็นผู้ลอยบาปได้แล้ว คือการกระทำของพระองค์ในภพชาตินี้ จะไม่ส่งผลเป็นวิบากในภพชาติหน้า เพราะทรงตัดภพชาติได้หมดสิ้น ตั้งแต่สมัยที่ตรัสรู้ใต้ควงไม้พระศรีมหาโพธิ์ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังไม่หลุดพ้นจากแรงกรรมที่เป็นอกุศลซึ่งตามส่งผลในภพชาติสุดท้าย ทำให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาบางช่วงบางตอนต้องมีอุปสรรค แต่กรรมเหล่านั้นจะไม่ส่งผลต่อไปถึงภพเบื้องหน้าได้อีก
เมื่อเราทราบกันอย่างนี้ดีแล้ว ก็อย่าได้ประมาทกัน ให้สั่งสมแต่บุญกุศลล้วน ๆ อย่าปล่อยให้บาปอกุศลเข้ามาในจิตใจ จะได้มีแต่วิบากที่เป็นบุญเป็นความสุขติดตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติ เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจะต้องไม่ประมาท แม้ชาตินี้เราอาจไม่ได้พลาดพลั้งไปทำบาปอกุศลอะไรเอาไว้
แต่เราก็ไม่รู้ว่าเคยทำกรรมอะไรเอาไว้ในอดีตที่ผ่านมาบ้าง จึงต้องเร่งหมั่นสั่งสมบุญบารมีกันให้เต็มที่ ทำบุญจนบาปไม่ได้ช่อง บาปไม่สามารถส่งผลกันไปเลย และทุ่มเทสร้างบารมีจนกว่าบารมีจะเต็มเปี่ยม เพื่อไปถึงเป้าหมายปลายทางคืออายตนนิพพานกันทุก ๆ คน
จากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับผลของบาป หน้า ๓๐๓ – ๓๑๒
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย)
เล่ม ๗๑ หน้า ๘ ๗๕
1
โฆษณา