19 ก.ย. 2022 เวลา 05:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้า Monetary Policy ที่เฟดกำลังใช้อยู่ดื้อยา!!
คงจะทราบผล CPI ที่ประกาศสำหรับเดือนสิงหาคมแล้วนะครับว่ายังคงตัวระดับสูงที่ 8.3% ลดจากเดือนกรกฎาคมที่ 8.5% ซึ่งลดลง 0.2% ดูเหมือนจะดี แต่ผลที่ตามมาคือตลาดลงแรงทั่วโลก ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ คือ Core CPI ที่กลับสูงขึ้นถึง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งหมายความว่า CPI ที่ลดลงหลักๆมาจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลง แต่ปัจจัยอื่นๆยังคงถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเทพตะขาบขอตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% สู่ระดับ 2.25% - 2.50% ของเฟดที่ผ่านมาใช้ได้ผลจริงหรือไม่? หรือเฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.75% อีก 2 ครั้งติดในการประชุม 2 ครั้งหน้า ส่วนที่แย่ที่สุดแต่เราคิดว่าไม่น่าจะเกิดคือการเร่งขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้เป็น 1% ไปเลยสู่ระดับ 3.25% – 3.50%? หรือเฟดต้องใช้เครื่องมืออื่นประกอบด้วย
เครื่องมืออื่นนอกจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อหยุดความร้อนแรงของเงินเฟ้อที่ว่าคือการทำ QT เพื่อดึงเงินออกจากระบบด้วยการขายหรือปล่อยให้พันธบัตรที่เคยซื้อมาช่วงที่ทำ QE วิกฤตโควิด 2020 ให้หมดอายุ
1
ดังนั้นสิ่งที่ต้องระวังคือเม็ดเงินจริงที่จะดึงออกเดือนละ 95 พันล้านเหรียญตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป เพราะว่าเฟดได้ลองเชิงด้วยการดึงเงินออกเดือนละ 47.5 พันล้านเหรียญตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่เพียงพอเพราะตัวเลขงบดุลหรือขนาดของปริมาณเงินในระบบลดลงจาก 8.9 เหลือ 8.8 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่เฟดต้องการแน่นอน
ขอขยายความอีกนิดครับว่าการลดขนาดงบดุลคือการทำให้ปริมาณเงินในระบบลดลง 2 วิธีที่เฟดมักใช้คือ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยและ QT ซึ่งเป็นสิ่งที่เฟดต้องทำเมื่อมองว่าต้องการควบคุมเงินเฟ้อให้ได้ระดับที่เหมาะสมและเมื่อเศรษฐกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การปล่อยให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นเกินการควบคุมต่อไปอย่างไม่สามารถหาทางออกได้จะส่งผลให้ความมั่งคั่งของเศรษฐกิจอเมริกาลดลงไปเรื่อยๆเช่นกัน
เทพตะขาบกำลังคิดว่าเฟดให้ความสำคัญกับ Soft Landing มากเกินไป นั่นคือเฟดต้องการลดระดับเงินเฟ้อให้อยู่ประมาณ 2.0% แต่ก็ไม่ต้องการให้เกิด Recession เลยดึงเงินออกทีละน้อยๆก่อน ซึ่งคำถามคือจะดีกว่ามั้ยถ้าเฟดดึงเงินออกจากระบบเพื่อหยุดเงินเฟ้อให้ได้ ด้วยการทำให้กำลังซื้อลดลง ข้าวของก็จะราคาถูกลงไปด้วย แล้วค่อยไปหาทางแก้ Recession ภายหลัง
1
ในสถานการณ์ปัจจุบันเราจะเห็นตัวเลขและปัจจัยที่กำลังสะท้อนออกมาแล้วทำให้เทพตะขาบนึกถึงตอน Thanos ดีดนิ้วแล้วพูดว่า “I’m inevitable” ก็จะไปเลี่ยงได้อย่างไรครับในเมื่อผู้กำหนดนโยบายยังคงแสดงความไม่เด็ดขาดออกมาและซ้ำร้ายการประเมินของ FED ก็ตามหลังตัวเลขทางเศรษฐกิจก้าวนึงเสมอ ทั้งหมดที่กล่าวมาแสดงให้เห็นว่าผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาครั้งนี้ดูเหมือนจะแก้ไม่ได้ทั้งเงินเฟ้อและ Recession ลองคิดเล่นๆว่าสิ่งที่เฟดควรทำนอกจากเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยคือ เร่งดึงเงินออกเดือนละ 120 พันล้านเหรียญขึ้นไปหรือไม่?
2
ถ้าการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นจริงสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เงินจะไหลออกจาก SET อย่างแน่นอนเพราะการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกขึ้นมาได้ทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากสภาพคล่องจาก QE ที่ถูกอัดเข้ามาด้วยความหวาดกลัวจากวิกฤต COVID และการอัดเงินเข้ามาแบบท่วมเกินไปก็ก่อให้เกิดสภาพคล่องส่วนเกินซึ่งก่อให้เกิดปัญหาอีกหลายอย่าง ดังนั้นยังไม่ควรรีบตัดปัจจัย QT ออกจากการวิเคราะห์ตลาดครั้งนี้
นอกจากนี้ในขณะที่กำลังพิมพ์บทความนี้ค่าเงินบาทกลับไปทำ New High ทะลุ 37 บาทต่อเหรียญ ในรอบ 16 ปี คิดเล่นๆว่าถ้าเฟดขึ้นประกาศเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยหนักๆ และเพิ่มวงเงิน QT เข้าไปอีก ผมก็ไม่ค่อยอยากจะนึกตัวเลขที่แท้จริงของ SET หลังจากที่โดนดึงสภาพคล่องกลับหมดเท่าไหร่เลยครับ
Cr:เทพตะขาบ
โฆษณา