8 ต.ค. 2022 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นก่อนที่เราจะเริ่มลงทุนก็คือการจัดพอร์ตการลงทุนของเราเสียก่อน
ว่าเรามีเป้าหมายการลงทุนแบบไหน สามารถรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน รวมไปถึงรายละเอียดอื่นๆ เพื่อที่เราจะได้เลือกเติมสินทรัพย์เข้าพอร์ตของเราได้อย่างถูกต้อง
แจกโพย 5 กลยุทธ์จัดพอร์ตลงทุน
วันนี้ KAsset เลยรวบรวมกลยุทธ์ต่างๆ ในการจัดพอร์ตการลงทุน ให้เหมาะ กับสไตล์การลงทุนของแต่ละคนมาฝากกัน
กลยุทธ์ที่ 1 จัดพอร์ตแบบเชิงรุก สไตล์สายลุย
เป็นการจัดพอร์ตที่เน้นลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ เช่น ทองคำ น้ำมัน ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อรับโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นตามความเสี่ยง
ซึ่งนักลงทุนที่อยากจะจัดพอร์ตการลงทุนเชิงรุกแบบนี้จะต้องศึกษาเรื่องการลงทุนและเรื่องการบริหารความเสี่ยงในการลงทุนมาพอสมควร และต้องรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ แต่สิ่งที่ควรระวังคือการจัดพอร์ตแบบเชิงรุก อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับสภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวนสูงสักเท่าไหร่
กลยุทธ์ที่ 1
กลยุทธ์ที่ 2 จัดพอร์ตแบบผสม พร้อมรับทุกสถานการณ์
การจัดพอร์ตแบบผสมเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะมากกับสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่มีความผันผวนสูง เพราะกลยุทธ์นี้จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทอย่างเช่น หุ้น และตราสารหนี้ เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
ซึ่งเหมาะมากกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและคว้าโอกาสรับผลตอบแทนในเวลาเดียวกัน และกลยุทธ์นี้ยังเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูงอีกด้วย
กลยุทธ์ที่ 2
กลยุทธ์ที่ 3 จัดพอร์ตแบบเชิงรับ เน้นปลอดภัยไว้ก่อน
การจัดพอร์ตแบบนี้จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก อย่างกองทุนรวมตลาดเงินที่มีนโยบายลงทุนในเงินฝากทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ หรือกองทุนตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐหรือเอกชน ที่เน้นคัดเลือกตราสารที่มีความมั่นคงสูง
เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่มีเครดิตดี ทำให้การจัดพอร์ตรูปแบบนี้มีความเสี่ยงที่ต่ำ แถมยังได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงินอีกด้วย
การจัดพอร์ตแบบเชิงรับจะเหมาะมากกับนักลงทุนที่ต้องการจำกัดความเสี่ยงในการลงทุนให้อยู่ในระดับต่ำ เพื่อเน้นความปลอดภัยในเงินลงทุนของเราเป็นหลัก
กลยุทธ์ที่ 3
กลยุทธ์ที่ 4 จัดพอร์ตแบบเน้นผลตอบแทนสม่ำเสมอ
การจัดพอร์ตแบบนี้จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้จะมีหลักๆ 2 อย่างด้วยกัน
ได้แก่ หุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผล หรือตราสารหนี้ ที่มีการให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยที่สม่ำเสมอแถมมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นอีกด้วย
ซึ่งกลยุทธ์นี้จะเหมาะมากกับนักลงทุนที่ต้องการมีรายได้ประจำจากการลงทุน เช่น วัยสร้างครอบครัวที่เพิ่งเริ่มมีภาระและต้องการหารายได้เสริมเพื่อมาช่วยลดค่าใช้จ่ายของครอบครัว
หรือมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการมีรายได้เสริมอีกทาง แต่ก็ต้องทำความเข้าใจด้วยว่าการลงทุนแบบนี้ไม่ได้สร้างรายได้ประจำเป็น Passive Income ให้กับเราได้เสมอไป เพราะทุกการลงทุนก็ยังมีความเสี่ยงอยู่เสมอ
กลยุทธ์ที่ 4
กลยุทธ์ที่ 5 จัดพอร์ตแบบเน้นวางแผนเกษียณ ลงทุนกันยาวๆ
การจัดพอร์ตแบบนี้จะเน้นลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่เป็นการลงทุนในระยะยาวเพื่อการวางแผนเกษียณ ซึ่งก็จะมีให้เลือกหลากหลายนโยบายตามความเสี่ยง และยังให้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีอีกด้วย
ซึ่งเหมาะมากกับนักลงทุนที่ต้องการวางแผนการเงินของเรา ให้เราไม่ลำบากเมื่อถึงวัยเกษียณ แต่ผู้ที่จะลงทุนรูปแบบนี้ควรจะเป็นผู้ที่ลงทุนได้ในระยะยาว โดยไม่ส่งผลกับสภาพคล่องของตัวเองมากนัก
กลยุทธ์ที่ 5
ที่สำคัญนอกจากกลยุทธ์การจัดพอร์ตทั้ง 5 แบบที่เรานำมาฝากกันแล้ว เรายังมีกองทุนดีๆ ที่สามารถลงทุนได้ในทุกสถานการณ์แถมมีโอกาสสร้างผลตอบแทนรายเดือนให้กับเราได้อีกด้วย
อย่างกองทุน K-GINCOME-A(R) กองทุนผสมหุ้นและตราสารหนี้จาก KAsset ที่กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย พร้อมกับการปรับสัดส่วนการลงทุนแบบ Dynamic เพื่อให้การลงทุนของเราเหมาะสมกับสภาพตลาดในขณะนั้นอยู่เสมอ
ที่สำคัญยังมีกองทุน K-GINCOME-SSF เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในระยะยาวและรับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีอีกด้วย
K-GINCOME-A(R)
ใครที่สนใจจะลงทุนในกองทุน K-GINCOME-A(R) และกองทุน K-GINCOME-SSF ก็สามารถลงทุนได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว ผ่านแอป K-My Funds ทุกที่ทุกเวลา ตลอด 24 ชม. ได้เลย
📌 ดูรายละเอียดเกี่ยวกับกองทุน K-GINCOME เพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3eRkr2l
📲 สนใจลงทุน เริ่มต้นเพียง 500 บาท ผ่านแอป K-My Funds ตลอด 24 ชม.
- ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
#KAsset #KBankLive
โฆษณา