20 ก.ย. 2022 เวลา 12:29 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“จีน อินเดีย เวียดนาม” 3 แนวรุกเขย่าเศรษฐกิจโลก
จีน อินเดีย และเวียดนาม คือกลุ่มประเทศทางเศรษฐกิจแห่งเอเชีย ที่ถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่น บวกกับการมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
1
ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญที่หลายคนอยากรู้ คือทั้งสามประเทศที่ว่ามานี้มีปัจจัยอะไรบ้าง ที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศให้มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
2
วันนี้ KTAM มีข้อมูลที่น่าสนใจของทั้งสามประเทศนี้มาฝากกัน
1
  • ‘จีน’ พญามังกรผงาดโลก
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565 ดัชนี MSCI China ได้ลดระดับต่ำถึง 24.6% เลยทีเดียว (ข้อมูลจาก www.delcap.com วันที่ 4 เมษายน 2565)
1
ส่งผลให้หุ้นในตลาดต่างมีราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จนทำให้ใครหลายคนลังเลและไม่กล้าตัดสินใจลงทุนในหุ้นจีน
แต่เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2565 สำนักข่าว Bloomberg เปิดเผยข้อมูลเอาไว้ว่า นักกลยุทธ์จาก Goldman Sachs Group Inc มองหุ้นจีนเป็นบวก ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 พร้อมทั้งคาดการณ์ผลตอบแทนหุ้นจีนถึง 24% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า
2
ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจจีนมีการฟื้นตัวอย่างที่คาดการณ์ไว้จริง จะไม่เพียงแต่ส่งผลดีแค่กับตลาดหุ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลบวกต่อตลาดตราสารหนี้ด้วยเช่นกัน และถ้าสังเกตให้ดี จะพบว่าตลาดตราสารหนี้จีนยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี 2563 ที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้ของประเทศจีนก็ก้าวขึ้นมาเป็นตลาดตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (ข้อมูลจาก Morningstar วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564)
สำหรับใครที่สนใจลงทุนในหุ้นจีน ก็สามารถลงทุนไปพร้อมกับกองทุนเปิดเคแทม ไชน่า อิควิตี้ ฟันด์ (KT-CHINA) ได้ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF China Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
โดยกองทุนหลักจะลงทุนอย่างน้อย 70% ของสินทรัพย์รวมของกองทุน ในตราสารทุนของบริษัทที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน หรือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในสาธารณรัฐประชาชนจีน
2
ตัวอย่างทรัพย์สินที่กองทุนหลักลงทุน (ข้อมูลจาก Blackrock.com วันที่ 9 กันยายน 2565) :
  • ALIBABA GROUP HOLDING LTD
  • MEITUAN
  • NETEASE INC
  • TENCENT HOLDINGS LTD
  • YUM CHINA HOLDINGS INC
สนใจลงทุนคลิก : https://bit.ly/3S0ME4W
หรือหากใครอยากลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กันอย่างตราสารหนี้ในสกุลเงินหยวน ก็สามารถลงทุนไปกับกองทุนเปิดเคแทม ไชน่า บอนด์ ฟันด์ (KT-CHINABOND) ได้เช่นกัน
โดยกองทุน KT-CHINABOND เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน BGF China Bond Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว ในชนิดหน่วยลงทุน (share class) “D2” ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
1
โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่โอนสิทธิได้ ประเภทตราสารหนี้ในสกุลเงินหยวน หรือตราสารสกุลเงินท้องถิ่น ที่ไม่ใช่ประเทศจีนที่ออกโดยนิติบุคคลที่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
ตัวอย่างทรัพย์สินที่ลงทุน (ข้อมูลจาก Blackrock.com วันที่ 31 สิงหาคม 2565) :
  • CHINA DEVELOPMENT BANK 3.65 05/21/2029
  • CHINA DEVELOPMENT BANK 3.48 01/08/2029
  • BANK OF CHINA LTD RegS 4.2 09/21/2030
  • CHINA CONSTRUCTION BANK CORP RegS 3.45 08/10/2031
  • ALIBABA GROUP HOLDING LTD 3.6 11/28/2024
สนใจลงทุนคลิก : https://bit.ly/3RKiuDu
  • ‘อินเดีย’ ยักษ์ที่กำลังตื่น
ภาพรวมของเศรษฐกิจอินเดีย ถือได้ว่ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก ขึ้นมาแทนที่สหราชอาณาจักร ซึ่งหล่นไปอยู่ที่อันดับ 6 แทน
(ข้อมูลจาก Statista.com วันที่ 15 กันยายน 2565)
ทั้งนี้ อินเดียถือได้ว่าเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยประชากรจำนวนมหาศาล อีกทั้งยังมีค่าแรงที่ถูก ซึ่งเปรียบได้กับแหล่งทรัพยากรสำคัญแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น อินเดียยังผลักดันนโยบาย “New India” ซึ่งเป็นนโยบายที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเศรษฐกิจ
เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการส่งเสริมนวัตกรรม และด้านธรรมาภิบาล (ข้อมูลจาก Thaiindia.net วันที่ 25 มกราคม 2561)
หากใครสนใจลงทุนเพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนไปกับเศรษฐกิจอินเดีย ทาง KTAM ก็มีกองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (KT-INDIA) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco India Equity Fund – Class A (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยกองทุนหลักมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตของเงินทุนระยะยาว
โดยลงทุนส่วนใหญ่ในตราสารทุน หรือตราสารที่คล้ายคลึงกันของบริษัทอินเดีย กองทุนหลักจะลงทุนในตราสารทุน และหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุนที่ออกโดยบริษัทอินเดียอย่างน้อย 70% ของ NAV (หลังหักสินทรัพย์สภาพคล่อง)
ตัวอย่างทรัพย์สินที่ลงทุน (ข้อมูลจาก Invesco.ch วันที่ 31 กรกฎาคม 2565) :
  • ICICI Bank
  • Infosys
  • Bharti Airtel
  • Bajaj Finance
  • Tata Consultancy Services
สนใจลงทุนคลิก : https://bit.ly/3Ba0Ula
  • ‘เวียดนาม’ เสือเศรษฐกิจตัวใหม่แห่งเอเชีย
จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม ได้รายงานว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 GDP ของเวียดนามเติบโต 7.72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 10 ปี จากการเติบโตทางเศรษฐกิจข้างต้นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมสิ่งทอ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยา และเคมีภัณฑ์ รวมถึงการส่งออกและนำเข้า
นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นประเทศที่มีประชากรวัยแรงงานจำนวนมาก บวกกับมีค่าแรงถูกเช่นเดียวกันกับอินเดีย จึงทำให้เป็นที่หมายตาของบริษัทชั้นนำของโลก ในการจัดตั้งฐานการผลิต อีกทั้งล่าสุดนี้ทางบริษัท Apple ได้ตัดสินใจเปิดการเจรจาเบื้องต้นกับเวียดนาม เพื่อผลิต Apple Watch และ MacBook เป็นครั้งแรกอีกด้วย (ข้อมูลจาก e.vnexpress.net วันที่ 16 สิงหาคม 2565)
อย่างไรก็ตาม หากอนาคตข้างหน้าเวียดนามสามารถดึงดูดบริษัทยักษ์ใหญ่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ก็ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้นได้
และถ้าใครไม่อยากพลาดการลงทุนในประเทศเวียดนาม ก็สามารถลงทุนผ่านกองทุนเปิดเคแทม เวียดนาม อิควิตี้ (KT-VIETNAM) ได้ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในบริษัทเวียดนาม และ/หรือบริษัทที่มีธุรกิจหลักหรือมีรายได้หลักจากเวียดนาม และ/หรือบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเวียดนาม
โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ตัวอย่างทรัพย์สินที่ลงทุน (ข้อมูลจาก KTAM Fund Fact Sheet วันที่ 31 พฤษภาคม 2565) :
  • VINHOMES JOINT STOCK COMPANY
  • MASAN GROUP CORPORATION
  • JSC VIETCOMBANK REIGN TRADE OF VIETNAM
สนใจลงทุนคลิก : https://bit.ly/3S3fj9B
จากข้อมูลเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าประเทศจีน อินเดีย และเวียดนาม ยังคงเป็นกลุ่มประเทศที่มีความน่าสนใจ และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนทั่วโลก
หากใครที่เคยมองข้ามประเทศเหล่านี้ไป อาจต้องกลับไปคิดใหม่
1
เพราะสามประเทศที่กล่าวมานี้ พร้อมที่จะกำหนดทิศทางและเขย่าเศรษฐกิจโลกได้อย่างที่เราคาดไม่ถึง
☎ สอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ บลจ.กรุงไทย โทร. 𝟎𝟐-𝟔𝟖𝟔-𝟔𝟏𝟎𝟎 กด 𝟗
คำเตือน :
ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ : ความเสี่ยงทางตลาด (Market Risk) / ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร (Business Risk) / ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Risk) / ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน (Country Risk) เป็นต้น
กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้
กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุน หรืออาจจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
References :
โฆษณา