และแบบสุดท้ายคือ AI อาจสามารถสร้างผลงงานศิลปะขึ้นมาใหม่ได้ด้วยตัวเอง โดยนักออกแบบมนุษย์ใส่ข้อมูลและตั้งเป้าหมายรวมถึงเงื่อนไขของชิ้นงานศิลปะที่อยากได้ แล้วให้ซอฟต์แวร์ของ AI ประมวลผลรูปแบบชิ้นงานทั้งหมดที่เป็นไปได้ซึ่งเข้ากับเกณฑ์ที่กำหนด
อย่างไรก็ตาม หากว่าการคาดการณ์แบบที่สามได้รับความนิยมและถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ก็อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายอุตสาหกรรม ทั้งสถาปัตยกรรม การก่อสร้าง วิศวกรรม การผลิต และการออกแบบผลิตภัณฑ์ เช่น นักออกแบบชื่อดังอย่าง Philippe Starck ได้ร่วมงานกับบริษัทซอฟต์แวร์ Autodesk เพื่อออกแบบเก้าอี้โดยใช้วัตถุดิบในการผลิตให้น้อยที่สุด และหนึ่งในผลงานการออกแบบโดย AI นั้นก็ได้รับเลือกและชนะการประกวดในงาน Milan Design Week ปี ค.ศ. 2019
จะเห็นได้ว่าปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาใช้ในวงการศิลปะโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างสรรค์ผลงาน แม้แต่ Google เองก็มีแพลตฟอร์ม Deep Dream Generator ซึ่งศึกษาอัลกอริธึมของ AI รูปแบบต่าง ๆ ในการสร้าง visual content ใหม่ ๆ หรืออย่างล่าสุดในงาน Venice Biennale ก็ได้มีการเปิดตัวหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์อย่าง Ai-Da ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ตัวแรกที่สามารถนั่งวาดรูปได้คล้ายศิลปินมนุษย์
ในอนาคตอันใกล้ ผู้คนอาจจะได้เห็นการนำ AI มาใช้สร้างสรรค์และผลิตซ้ำงานศิลปะโดยฝีมือมนุษย์มากยิ่งขึ้น AI อาจถูกนำมาใช้ประโยชน์เพื่อผลิตงานศิลปะแต่ไม่ได้ถูกยอมรับในฐานศิลปินเช่นมนุษย์ เพราะมันยังไม่สามารถมีไอเดียเป็นของตนเอง และมนุษย์ในฐานะศิลปินก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อทำสร้างผลงานของตนเองได้ตามต้องการ