22 ก.ย. 2022 เวลา 13:00 • ธุรกิจ
ลงทุนในธุรกิจแล้วผลตอบแทนดีไหม เช็คยังไงได้บ้าง
ถ้าพูดถึงการลงทุน หลายคนคงคิดในใจว่า อ้อ…มันก็คือการลงทุนในหุ้น หรือลงทุนในกองทุนใช่ไหม
จริงๆ แล้วการทำธุรกิจก็ถือเป็นการลงทุนในรูปแบบนึงนะ เพียงแต่ว่าเราอาจต้องทุ่มเทเวลาและความสามารถลงไปมากกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะถ้าทำได้ดี เราอาจได้ผลตอบแทนเยอะแบบที่คาดไม่ถึงก็ได้
แต่คำถามที่ตามมาต่อจากนี้ก็คือ ถ้าลงทุนในธุรกิจแล้วจะเช็คผลตอบแทนยังไง หรือลงทุนในธุรกิจนี้จะดีกว่าอีกธุรกิจไหม เราจะตัดสินใจอย่างไรดี ในวันนี้ Zero to Profit จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจกระบวนการลงทุนในธุรกิจและวิธีคิดผลตอบแทนแบบง่ายๆ กันค่ะ
เข้าใจขั้นตอนการลงทุน
การลงทุนในธุรกิจต่างกับการทำงานเพื่อแลกเงินแบบมนุษย์เงินเดือน เพราะเวลาลงทุนในธุรกิจแล้วส่วนใหญ่เรามักจะลงทุนร่วมกันกับเพื่อนๆ หรือว่าหุ้นส่วน ไม่สามารถลงทุนคนเดียวได้ด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย เช่น ไม่มีเงินพอ ไม่มีความรู้
รูปแบบการลงเงินกันจึงเริ่มที่ทุกคนเอาเงินมาลงทุนในหุ้น ภาษาบัญชีเราเรียกรวมๆ ว่า “ส่วนของเจ้าของ” พอเอาเงินมาลงเสร็จปุ๊บ เงินบางส่วนอาจถูกแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายภายในธุรกิจ และบางส่วนถูกแบ่งออกมาเป็นเงินลงใน “สินทรัพย์” อย่างเช่น
ลงเงินรวมกัน 1 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายประจำเดือนสัก 3 แสน และที่เหลือ 7 แสนเอาไปก่อสร้างโรงงานและซื้อเครื่องจักรผลิตสินค้า เป็นต้น
จากสินทรัพย์ที่เราลงทุนไป 7 แสน ส่วนนี้ก็ถูกนำไปหารายได้เข้ามาในธุรกิจ เช่นว่า ผลิตสินค้าได้เสร็จก็ขายต่อได้รายได้เข้ามา และมีกำไรในที่สุด
จากนั้นเราก็ทำแบบนี้วนลูปไปเรื่อยๆ จนธุรกิจขยายและเติบโต
ทีนี้คำถามที่ตามมาก็คือ เงินที่เราลงทุนไปนั้นสุดท้ายแล้ว สร้างผลตอบแทนหรือกำไรได้มากหรือน้อย เราจะเช็คได้ยังไงบ้าง
วิธีการเช็คผลตอบแทนจากการลงทุน เราคำนวณได้ง่ายๆ 2 แบบตามนี้
1. กำไรต่อส่วนของเจ้าของ (Return on Equity) คือ การวัดผลตอบแทนเมื่อเทียบกับส่วนของเจ้าของที่ลงทุนไป
คำนวณจากสูตรนี้
กำไรต่อส่วนของเจ้าของ (ROE) = กำไรสุทธิ/ส่วนของเจ้าของ
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าตั้งแต่ต้นปีหุ้นส่วนทุกคนลงทุนในส่วนของเจ้าของไปทั้งหมด 100 บาท แล้วถ้าเทียบกับกำไรเราได้ 20 บาท แปลว่ามีอัตราส่วนผลตอบแทน 20% ต่อปี คิดต่อเล่นๆ ว่าเงินทุน 100 บาท ถ้าทำผลกำไรได้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ลงทุนไปสัก 5 ปีก็น่าจะคืนทุนทั้งหมดแล้ว
2. กำไรต่อสินทรัพย์ (Return on Asset) ) คือ การวัดผลตอบแทนเมื่อเทียบกับส่วนของสินทรัพย์ลงทุนไป
คำนวณจากสูตรนี้
กำไรต่อสินทรัพย์ (ROA) = กำไรสุทธิ/สินทรัพย์
สำหรับอัตราส่วนนี้เราเปลี่ยนจากการวัดผลกำไรจากส่วนของเจ้าของมาเป็นสินทรัพย์แทน โดยที่สินทรัพย์ที่เราลงทุนไปนั้น อาจอยู่ในรูปแบบของ โรงงาน เครื่องจักร สินค้า หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นทรัพย์สินของธุรกิจ ทรัพย์สินเหล่านี้ช่วยให้เราสร้างรายได้และกำไรได้เท่าไรบ้างจะวัดกันง่ายๆ จากอัตราส่วน ROA
ยกตัวอย่าง ถ้าก่อตั้งธุรกิจเสร็จแล้วเราจ่ายเงินค่าสร้างและซื้อสินทรัพย์ไปทั้งหมด 100 บาท แล้วถ้าเทียบกับกำไรเราได้ 10 บาท แปลว่ามีอัตราส่วนผลตอบแทน 10% ต่อปี แบบนี้แปลว่าถ้าธุรกิจยังทำกำไรด้วยอัตราเท่าเดิมทุกปีๆ ก็จะใช้เวลาทั้งสิ้น 10 ปีกว่าจะคืนทุน
เอาล่ะ ทีนี้เราจะได้อะไรจากการคำนวณอัตราส่วนกำไรต่อส่วนของเจ้าของและกำไรต่อสินทรัพย์?
สิ่งที่เราได้จากการคำนวณนี้เราจะพบว่าทุกๆ การลงทุนในธุรกิจนั้นใช้เงินจำนวนมหาศาล แต่ว่าเงินที่ลงทุนไปจำนวนเท่ากันอาจให้ผลตอบแทนแตกต่างกัน ยิ่งธุรกิจไหนลงทุนแล้วได้ % ผลตอบแทน ROE และ ROA สูงก็ถือว่าเป็นธุรกิจเนื้อหอมที่ผู้ประกอบการทั้งหลายควรคว้าเอาไว้
แต่ถ้าเป็นธุรกิจที่ลงทุนไปเท่าไร ได้ผลตอบแทนน้อยนิด เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เราเองก็ต้องหันกลับมาทบทวนกันอีกครั้งค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วทรัพยากรที่เรามีจำกัดสุดๆ คือ เงินลงทุน แล้วเราเองควรจะเอาเงินไปวางที่ไหนดีให้งอกเงยมากที่สุด นี่แหละเป็นสิ่งที่ทุกคนควรต้องรีบหาคำตอบกัน
ปรึกษาปัญหาบัญชีธุรกิจ หาโปรแกรมบัญชีที่ใช่สำหรับธุรกิจคุณ ติดต่อ
Line: @zerotoprofit หรือ https://lin.ee/36U1ks0Y
ติดตาม Zero to Profit ได้ที่
โฆษณา