24 ก.ย. 2022 เวลา 08:27 • กีฬา
กินกันไม่ลงจนถึงตอนจบ : สายสัมพันธ์ เฟเดเรอร์-นาดาล สู่การจับคู่ครั้งสุดท้ายก่อนรีไทร์ | Main Stand
เทนนิสชิงแชมป์ประเภททีม "เลเวอร์ คัพ 2022" ที่สนามโอทู อารีนา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คู่ไฮไลท์ได้จบลงไปแล้ว นั่นคือประเภทชายคู่ที่ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ จับคู่กับ ราฟาเอล นาดาล 2 นักเทนนิสที่ดีที่สุดในช่วงเวลาร่วม 2 ทศวรรษที่ผ่านมา
แม้ทั้งคู่ในช่วงบั้นปลายอาชีพจะพ่ายให้แก่ แจ็ค ซ็อค และ ฟรานเซส ติอาโฟ แต่นี่คือการส่งท้ายก่อนแขวนแร็คเก็ตของ เฟเดอเรอร์ ที่แสดงให้ทุกคนเห็นจนนาทีสุดท้ายว่าเขาและนาดาลที่คนภายนอกมองว่าเป็นคู่ปรับกันมีความสัมพันธ์แบบศัตรูที่รักขนาดไหน
นี่คือเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองคน .... ติดตามได้ที่นี่ Main Stand
กำเนิดอัจริยะ 2 สายพันธุ์
เฟเดอเรอร์ และ นาดาล ถูกสร้างมากันคนละแบบ และพวกเขากลายเป็นความแตกต่างที่สร้างสีสันให้วงการเทนนิสตลอดช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา
ตัวของเฟเดอเรอร์นั้นมีอายุมากกว่านาดาล 5 ปี แต่สิ่งที่แตกต่างกันชัดเจนคือเรื่องของสไตล์การเล่นที่สุขุม นุ่มลึก ลายเซ็นของเขาคือนักเทนนิสประเภทที่เต็มไปด้วยความสง่างาม แน่นอน และ มีช็อตฆ่าคู่ต่อสู้ที่เฉียบขาด
เฟเดอเรอร์เล่นด้วยความแน่นอน ใช้ความเรียบง่ายเป็นอาวุธตั้งแต่ที่เขาขึ้นรุ่นมาใหม่ ๆ เขาแตกต่างจากนักเทนนิสดาวรุ่งทั่วไปที่ใช้พละกำลังมากกว่าใช้ความคิด ซึ่งนั่นทำให้เฟเดอเรอร์มีความพิเศษ เขาคว้าแชมป์แกรนด์สแลมครั้งแรกตั้งแต่อายุ 22 ปีเท่านั้นกับ วิมเบิลดัน ปี 2003
แชมป์นั้นของเฟเดอเรอร์ทำให้โลกคลั่ง แต่แล้วคล้อยหลังจากนั้นไปไม่กี่ปีกลับมีอัจฉริยะจากสเปนแจ้งเกิดขึ้นมา ฉายาของเขาคือ "Raging Bull" ชื่อของเขาคือ ราฟาเอล นาดาล
นาดาลสะท้อนความเป็นกระทิงดุสัญลักษณ์ประจำชาติของสเปนผ่านวิธีการเล่นของเขา กล่าวคือตั้งแต่เปิดตัวในการเทิร์นโปรตั้งแต่อายุ 15 ปี นาดาลคือนักเทนนิสที่โดดเด่นเรื่องความดุดัน รวดเร็ว วิ่งไล่กวดทุกจังหวะ ไม่ยอมเสียแต้มง่าย ๆ เพียงแต่สิ่งที่นาดาลแตกต่างจากเด็กรุ่นเดียวกันคือเขาเป็นคนที่มีสภาพจิตใจแข็งแกร่งเหมือนกับเกิดมาเพื่อเป็นเบอร์ 1 และที่สำคัญคือเรื่องทักษะต่าง ๆ นั้นไปไกลเกินกว่าอายุแล้ว
"นาดาลไม่ยอมแพ้และกัดไม่ปล่อย เหมือนหมาพิทบูลที่เมื่อได้งับใครเข้าที่น่องแล้วมันจะสะบัดสุดแรงจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย และถ้าคุณอยากจะให้มันหลุดจากขาของคุณแล้วล่ะก็ ... ตัดขาของคุณทิ้งยังง่ายเสียกว่า" นั่นคือสิ่งที่ เจเอ อัลเลน นักเขียนของ Bleacher Report ว่าไว้ถึง ราฟาเอล นาดาล ได้อย่างตรงความ
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่ปรับของกันและกันมาตลอด ต่างคนต่างมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ซึ่งรู้ตัวอีกทีพวกเขาก็หาคำตัดสินในคำถามที่ไม่มีใครให้คำตอบได้ถูกต้องอย่างหมดจด นั่นคือ "สรุปแล้วใครเก่งกว่ากัน ?"
หวดกันมานานกว่า 20 ปี
ทั้งสองคนลงสนามดวลกันครั้งแรกในปี 2004 ที่รายการ ไมอามี มาสเตอร์ส ณ เวลานั้นเฟเดอเรอร์คือมือ 1 ของโลก ขณะที่นาดาลวัยย่าง 18 ปีเป็นมืออันดับ 35 ของโลก
 
นาดาลคือของใหม่ในตอนนั้นที่ทุกคนตื่นตาตื่นใจมาก และเฟเดอเรอร์เองก็เจอกับงานยากในการดวลกับนาดาล ครั้งแรกผลจบลงด้วยชัยชนะของนาดาล 2 เซตรวด 6-3 และ 6-3 ... เฟเดอเรอร์เล่าย้อนความว่าหลังจากที่จบแมตช์นั้น เขาได้เจอกับตัวปัญหาที่จะสร้างความลำบากให้อาชีพของเขาหลังจากนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว
มุมมองที่ต่างคนต่างมองกัน ณ เวลานั้นคือ เฟเดอเรอร์มองว่านาดาลคือเสี้ยนหนามสำคัญในการพิสูจน์ว่าเขาคือสุดยอดนักเทนนิสที่ดีที่สุดแห่งยุค ขณะที่นาดาลก็มองเฟเดอเรอร์เป็นเป้าหมายที่ต้องโค่นให้ได้เพื่อก้าวข้ามคำปรามาสที่บอกว่าเฟเดอเรอร์นั้นสมบูรณ์แบบมากกว่าที่เขาเป็น
นาดาลเจอจุดเด่นตัวเองในท้ายที่สุด เขาพัฒนาตัวเองจนถูกเรียกว่า "ราชาคอร์ตดิน" หลังจากชนะรวด 24 แมตช์ติดต่อกันบนคอร์ตดิน ทำลายสถิติของตำนานอย่าง อังเดร อากัสซี่ และคว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกคือ เฟรนช์ โอเพ่น ในปี 2005
เมื่อต่างฝ่ายต่างก็เป็นอัจฉริยะและโดดเด่นบนทางของตัวเอง พวกเขาก็ต้องดวลกันแทบทุกปีตลอดอาชีพของเขา และเรื่องแปลกของมนุษย์เราคือแม้จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยการมองกันและกันว่าเป็นคู่แข่งคู่แค้น แต่ที่สุดแล้วความใกล้ชิด เวลา และทัศนคติ จะช่วยเปลี่ยนมุมมองใหม่ จากที่เคยมองว่าเป็นศัตรูของกันและกัน พวกเขาสนุกกับการแข่งขันที่ทำให้ตัวเองเป็นนักเทนนิสที่ดีขึ้นในทุก ๆ ครั้ง
การแย่งชิงเบอร์ 1 ของโลกของทั้งคู่นั้นทำให้คนดูสนุกมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในสนามหรือการเถียงกันในวงสนทนา เรื่องดังกล่าวถึงขั้นมีนายทุนตัดสินใจทุ่มเงิน 1.63 ล้านดอลาร์สหรัฐ เนรมิตคอร์ตเทนนิสที่แบ่งครึ่งระหว่างคอร์ตดินและคอร์ตหญ้าให้ทั้งสองฝั่งสลับกันตีเพื่อความเท่าเทียม พวกเขาเชื่อว่าการทำแบบนี้จะยุติปัญหาโลกแตกนี้ได้
ในแมตช์เทนนิสที่มีคอร์ต 2 แบบจบลงด้วยการที่นาดาลเอาชนะได้สำเร็จ แต่กระนั้นนาดาลก็พูดหลังจบการแข่งขันว่า นี่เป็นแค่เกมที่จัดขึ้นมาพิเศษเพื่อความเอ็นเตอร์เทนเท่านั้น การที่เขาชนะไม่ได้หมายความว่าเขาเก่งกว่าเฟเดอเรอร์แต่อย่างใด ... นาดาลเบรกความคิดของผู้คนและเปิดเผยมุมมองของตัวเองว่า "ถ้ามีใครสักคนบอกว่าผมเป็นนักเทนนิสที่ดีกว่าโรเจอร์ ผมสามารถบอกได้เลยว่าคน ๆ นั้นไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเทนนิสเลยแม้แต่นิดเดียว"
เมื่อเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของคู่กลับออกมาในแนวนั้นมากกว่า พวกเขาไม่ได้พยายามยกตนข่มกันและกัน หรือแม้กระทั่งบอกว่าตัวเองคือเบอร์ 1 ที่แท้จริง กลับกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างยกย่องกันเสมอ ถึงสถิติการพบกันตลอดอาชีพจะเป็นนาดาลที่เหนือกว่า เพราะชนะไป 24 ครั้ง ส่วนเฟเดอเรอร์ชนะไป 16 ครั้ง นอกจากนี้นาดาลยังคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้มากกว่าที่ 22 สมัย แถมมีเหรียญทองโอลิมปิกเป็น "แคเรียร์ โกลเด็นสแลม" ก็ตาม
และนี่คือความต่างของวงการเทนนิสที่ 2 ผู้เล่นที่ดีที่สุดมีความสนิทระดับซี้มาก ๆ เมื่ออยู่นอกสนาม แตกต่างกับการชิงเบอร์ 1 ของวงการอื่น ๆ ที่มักจะมีการเลือกฝั่งเลือกข้างกันอย่างชัดเจน ... และนั่นคือความพิเศษของทั้งคู่ที่ดำเนินมาจนถึงวันที่การแข่งขันของพวกเขาได้สิ้นสุดลง
ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่
ไม่มีคำพูดเสียดสีกันเหมือนกับการชิงตำแหน่งหมายเลข 1 ในวงการอื่น ๆ แม้จะมีการบิลด์ให้ทั้งคู่พูดอะไรที่ดุเดือดถึงกันบ้างเพื่อสร้างสตอรี่ให้กับการแข่งขัน แต่เรื่องราวระหว่างนาดาลกับเฟเดอเรอร์สามารถใช้คำว่ามิตรภาพได้อย่างเต็มปาก ทั้งสองคนมักจะพูดถึงกันในแง่ดีเสมอ และต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกเอาใจช่วยในวันที่แต่ละคนอายุมากขึ้น อยู่ในช่วงฟอร์มตก หรือแม้กระทั่งต้องเจอกับอาการบาดเจ็บ ที่อาจจะเป็นเหตุผลทำให้การแข่งขันที่ทั้งคู่ไม่อยากให้ถึงตอนจบนั้นต้องจบลงก่อนเวลาอันควร
"ผมคิดว่าเราทั้งคู่เป็นคนที่มีบุคลิกแตกต่างกันมากรวมถึงสไตล์การเล่นด้วย ทุกอย่างต่างกันคนละขั้ว แต่ถึงอย่างนั้นเราทั้งคู่ก็หาเส้นทางไปสู่ความเก่งกาจในแบบของตัวเองได้" เฟเดอเรอร์ พูดถึงนาดาลกับคำถามที่ว่าใครเก่งกว่ากันได้อย่างตรงความ
ซึ่งหลังจากการประกาศแขวนแร็คเก็ตของ เฟเดอเรอร์ ในวันที่ 23 กันยายน 2022 เขาก็ลงเล่นในเกมแมตช์สุดท้ายของอาชีพในศึกเลเวอร์คัพ ที่โอทู อารีนา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในการแข่งขันประเภทคู่ ซึ่งความคลาสสิกอยู่ที่การจับคู่กันระหว่างเขาและนาดาลอีกครั้ง
แม้หนนี้ทั้ง 2 คนจะไม่ได้ปราดเปรียวและยอดเยี่ยมเท่ากับวันที่พวกเขาไล่ฟัดกันในช่วงยุค 2000s เป็นต้นมา รวมถึงการแข่งขันประเภทนี้ก็จบลงด้วยการจับคู่แล้วแพ้ แจ็ค ซ็อค และ ฟรานเซส ติอาโฟ คู่นักหวดจากสหรัฐอเมริกาของทีมเวิลด์หรือทีมรวมนักเทนนิสโลก 1 ต่อ 2 เซตสกอร์ 6-4, 6-7 (2-7), 9-11 ...
แต่สำหรับ เฟดเอ็กซ์ ที่คว้าแชมป์แชมป์แกรนด์สแลมได้ 20 สมัย แบ่งเป็น ออสเตรเลีย โอเพ่น 6 สมัย, เฟรนช์ โอเพ่น 1 สมัย, วิมเบิลดัน 8 สมัย และยูเอส โอเพ่น 5 สมัย เขามองว่านี่คือการปิดฉากอาชีพที่เขาไม่มีวันเสียใจเลยแม้แต่น้อย
"ผมยืนยันอย่างแน่ชัดว่าผมมีความสุขและไม่เคยเสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น วันนี้คือความทรงจำที่แสนวิเศษ ผมผูกเชือกรองเท้าและกลับมาคว้าแร็คเก็ตหวดลูกเทนนิสเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีความเครียดใด ๆ ทั้งสิ้น แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวดบ้าง แต่เกมนี้มันออกมายอดเยี่ยมมาก ๆ"
"การได้จับคู่กับราฟา (นาดาล) และลงแข่งขันในสังเวียนนี้กับยอดนักกีฬาทุก ๆ คน ผมไม่มีอะไรจะเอ่ยอีกแล้วนอกจากคำว่าขอบคุณ … วันนี้คือตอนจบที่เป็นเหมือนกับการเฉลิมฉลองอาชีพของผม ทุกอย่างเป็นไปตามที่หวังไว้ และมันคือความสวยงามที่ถูกส่งท้ายอย่างสมบูรณ์แบบ" เฟเดอเรอร์ กล่าว
1
การห้ำหั่นตลอดอาชีพของทั้งคู่เต็มไปด้วยการยกย่องและยอมรับซึ่งกันและกัน จนกระทั่งการลงเล่นแมตช์สุดท้ายของเฟเดอเรอร์ แน่นอนว่านาดาลยังก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อเหมือนเดิมคล้าย ๆ กับที่เขาเคยพูดถึงเฟเดอเรอร์เมื่อ 15 ปีก่อนในศึก 1 สนาม 2 คอร์ตที่ย้อนกลับไปปี 2007 นาดาลพูดว่า "ถ้าโรเจอร์พีกขึ้นมาผมจะต้องเล่นให้อยู่ระดับที่เหลือเชื่อ (Unbelievable) ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางชนะเขา เมื่อโรเจอร์อยู่ในสภาพที่เต็มร้อย เขาจะเป็นเหมือนกับคนที่มาจากอีกโลกหนึ่ง และไม่มีวันที่จะหยุดเขาได้ง่าย ๆ"
ขณะที่ในเกมสุดท้ายของเฟเดอเรอร์นั้นนาดาลก็ตอบคล้าย ๆ กันว่า "ถ้าโรเจอร์เล่นได้ดี ผมต้องเล่นดีแบบไม่น่าเชื่อ เพราะถ้างั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชนะโรเจอร์ถ้าเขาสมบูรณ์ 100% เขาคือนักกีฬาอีกระดับหนึ่งที่ไม่ใครหยุดเขาได้”
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเรื่องราวของการเป็นคู่แข่งในสนามและมิตรภาพนอกสนามของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ ราฟาเอล นาดาล ยังควรค่าแก่การถูกยกย่องเสมอ ... จากนี้ก็คงได้แต่เฝ้ารอดูว่าอีกกี่ปีจะกำเนิดคู่ปรับแห่งวงการที่สมน้ำสมเนื้อแบบที่ เฟเดอเรอร์ และ นาดาล เคยสร้างตำนานอันยิ่งใหญ่เอาไว้อีกครั้ง
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา