24 ก.ย. 2022 เวลา 12:30 • กีฬา
มอนต์เซอร์รัต : ทีมชาติจากแคริบเบียนที่พยายามหยัดยืน หลังการระเบิดของภูเขาไฟบนเกาะ | Main Stand
มันไม่ได้แค่เลวร้าย แต่คือหายนะ
ในปี 1995 ภูเขาไฟลูกหนึ่งที่เกาะมอนต์เซอร์รัต เกาะขนาดเล็กในแถบทะเลแคริบเบียน เกิดการระเบิดครั้งใหญ่
ลาวาและควันที่พวยพุ่งได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ พลีมัธ เมืองหลวงของพวกเขาที่ห่างออกไป 6 กิโลเมตร ทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยเถ้าถ่าน พร้อมกับทำลายอนาคตของคนที่นี่ รวมถึงทีมฟุตบอลของพวกเขา
อย่างไรก็ดีพวกเขาไม่ยอมแพ้และพยายามจะยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้ง นี่คือเรื่องราวของการสู้สุดใจของทีมชาติเล็ก ๆ ในทะเลแคริบเบียน ติดตามไปพร้อมกับ Main Stand
ดินแดนโพ้นทะเล
แม้ว่าชื่อของ มอนต์เซอร์รัต อาจจะไม่ได้เป็นที่คุ้นหูมากนัก แต่พวกเขาก็เป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เพราะนับตั้งแต่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินทางผู้เกรียงไกร ค้นพบเกาะแห่งนี้เมื่อปี 1493 ก็มีผู้คนจากยุโรปทยอยมาตั้งถิ่นฐานบนเกาะในแถบทะเลแคริบเบียนแห่งนี้
อย่างไรก็ดีเกาะที่มีขนาดเพียงครึ่งหนึ่งของเกาะสมุยของประเทศไทยกลับต้องตกอยู่ภายใต้การยึดครองของเจ้าอาณานิคมหลายครั้ง ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ หรือกระทั่งในปัจจุบันที่แม้มอนต์เซอร์รัตจะมีรัฐบาลปกครองตัวเอง แต่พวกเขาก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร (British Overseas Territory : BOT) ที่มีกษัตริย์อังกฤษเป็นประมุข เหมือนกับ ยิบรอลตา และ หมู่เกาะฟอล์กแลนด์
สำหรับฟุตบอล ชาวมอนต์เซอร์รัตเพิ่งจะได้เล่นกีฬาชนิดนี้จริงจังในช่วงทศวรรษที่ 1960s-1970s และมีลีกเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1974 จากลูกหลานของชาวมอนต์เซอร์รัตที่อพยพไปหางานทำที่อังกฤษแล้วกลับมาช่วยก่อร่างสร้างลีกในบ้านเกิดของบรรพบุรุษ
ทว่าด้วยทรัพยากรและงบประมาณที่จำกัดทำให้วงการฟุตบอลของพวกเขาพัฒนาไปได้ไม่มากนัก ขณะที่ทีมชาติก็เป็นเพียงทีมรองบ่อนที่มักจะออกไปโดนถล่มกลับมาทุกครั้ง
"เวลาที่เราลงไปในสนาม เราก็รู้สึกแพ้ไปแล้วในใจ" จอห์น วิลสัน จูเนียร์ อดีตกัปตันทีมชาติมอนต์เซอร์รัตในช่วงทศวรรษที่ 1980s-1990s กล่าวกับ Andscape
วิลสันเล่าว่าครั้งหนึ่งทีมบุกไปเยือน เซนต์ ลูเซีย อีกชาติเล็ก ๆ ในทะเลแคริบเบียน ก่อนจะพ่ายกลับมาด้วยผลต่างเพียงสองประตู แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาดีใจกันมาก
"เราต่างฉลองเต็มที่ เราแพ้แค่ 3-1" เขาย้อนความหลัง
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังดิ้นรนต่อไปจนสามารถก่อตั้งทีมชาติอย่างเป็นทางการได้ครั้งแรกในปี 1991 และได้ประเดิมสนามด้วยการบุกไปพ่าย เซนต์ ลูเซีย 0-3
อย่างไรก็ดีในปี 1995 ความหวังของพวกเขาก็พังทลาย
ภูเขาไฟพรากอนาคต
มันคือกลางเดือนกรกฎาคมปี 1995 ที่ควันจำนวนมหาศาลได้พวยพุ่งออกมาจากภูเขาไฟซูฟริเอเต ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับของมอนต์เซอร์รัต และทำให้ทั่วทั้งเกาะเต็มไปด้วยเถ้าถ่าน
ทว่านั่นเป็นเพียงแค่ปฐมบทเท่านั้น เพราะเดือนต่อมาภูเขาไฟซูฟริเอเตได้เกิดการระเบิดของมวลสารภายในภูเขาไฟ ส่งควันดำทะมึนไปทั่วท้องฟ้า และทำให้พลีมัธ เมืองหลวงของพวกเขาที่อยู่ห่างออกไป 6 กิโลเมตรจมอยู่ใต้เถ้าถ่านที่หนาหลายเมตร
ผู้คนต้องเร่งอพยพอย่างเร่งด่วนไปทางตอนเหนือของเกาะ เพราะไม่ใช่แค่เถ้าจากภูเขาไฟเท่านั้น แต่ยังมีควันที่เต็มไปด้วยซัลเฟอร์ไดอ็อกไซด์ลอยอยู่ทั่วอากาศ และหลังจากนั้นไม่นานพลีมัธก็กลายเป็นเมืองร้างและพื้นที่ต้องห้าม
หลังจากนั้นภูเขาไฟซูฟริเอเตก็เกิดการปะทุมาโดยตลอด ก่อนจะเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ในเดือนมิถุนายน 1997 สร้างความเสียหายมหาศาล จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 19 คน เช่นเดียวกับสนามบินของเกาะก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
ไม่ต่างจากทีมชาติของพวกเขาที่ตอนนั้นกำลังตั้งไข่ เมื่อการระเบิดของภูเขาไฟได้ทำให้ประชากรถึง 2 ใน 3 จากทั้งหมด 11,500 คนอพยพออกจากเกาะ จนทำให้มอนต์เซอร์รัตไม่มีทรัพยากรบุคคลเพียงพอในการสร้างทีมให้แข็งแกร่ง
เพราะแม้ว่าพวกเขาจะได้เข้าเป็นสมาชิกของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า มาตั้งแต่ปี 1996 แต่พวกเขาก็รั้งอยู่ในอันดับท้าย ๆ ของโลก โดยจากสถิติตั้งแต่ปี 1991-2012 มอนต์เซอร์รัตสามารถคว้าชัยในการแข่งขันได้เพียง 2 นัด จากการชนะ แองกีลาร์ ที่รั้งอยู่ในอันดับ 210 หรือรองสุดท้ายของโลกทั้ง 2 เกม
นอกจากนี้การระเบิดของภูเขาไฟยังทำให้การแข่งขันฟุตบอลต้องหยุดชะงัก และกว่าที่มอนต์เซอร์รัตจะกลับมาเล่นเกมในบ้านได้ก็ต้องรอจนถึงปี 2004 ในฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก ที่สุดท้ายพวกเขาเป็นฝ่ายพ่าย เบอร์มิวดา ไปอย่างขาดลอย 7-0
"มันเคยเป็นสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย" อเล็กซ์ ดายเออร์ นักเตะทีมชาติมอนต์เซอร์รัต เจ้าของสถิติรับใช้ชาติสูงสุด 21 นัดบอกกับ BBC Sports
"แต่มันก็ไม่ได้เป็นมุมที่น่าเกลียด ทุกคนทำดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้แล้ว เราแค่ไม่ได้มีสถานะทางการเงินและ สิ่งอำนวยความสะดวกที่ดี เราไม่มีอะไรเลย"
ดายเออร์ คือกองกลางของ วีล์ดสโตน ในเนชั่นลีกของอังกฤษ และเคยมีประสบการเล่นให้ทีมในลีกสวีเดน นอร์เวย์ และ คูเวต มาก่อน และเขาคือหนึ่งในนักเตะที่อาศัยอยู่ในแดนผู้ดีที่มาเล่นให้ทีมชาติแห่งนี้เนื่องจากปู่เป็นชาวมอนต์เซอร์รัต
"สมัยแรก ๆ เราไม่มีแม้กระทั่งเสื้อวอร์มที่เข้ากัน" ดายเออร์ ที่ประเดิมสนามในนามทีมชาติตั้งแต่ปี 2011 ย้อนความหลัง
"มันรู้สึกไม่ปะติดปะต่อจริง ๆ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับชาติเล็ก ๆ ในจุดเริ่มต้นของการเดินทาง"
พวกเขายังไม่ยอมแพ้
ค้นหานักเตะจาก Football Manager
อันที่จริงปัญหาที่ทำให้ทีมฟุตบอลของมอนต์เซอร์รัตพัฒนาได้ไม่ต่อเนื่องคือการขาดเกมการแข่งขันอย่างสม่ำเสมอ โดยในช่วงปี 2012-2017 พวกเขามีแมตช์ลงเล่นแค่เพียง 7 เกมเท่านั้น หรือเฉลี่ยปีละไม่ถึง 2 เกม
นอกจากนี้ด้วยความที่ทั้งประเทศเหลือประชากรอยู่ราว 5,000 คนทำให้พวกเขาขาดบุคลากรทั้งนักเตะและโค้ชที่มีคุณภาพ จึงทำให้ผลงานของ "เกาะมรกตแห่งแคริบเบียน" แทบไม่กระเตื้องขึ้นเลยในช่วงสิบปี หลังก่อตั้งทีมชาติ
แต่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปหลังการมาถึงของ วิลลี โดนาชี โค้ชชาวสกอตแลนด์ เมื่อปี 2018 ที่ใช้ประสบการณ์สมัยค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กว่า 350 นัด และการรับใช้ดินแดนวิสกี้ที่ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 2 ครั้ง รวมไปถึงการคุมทีม มิลวอลล์ ในลีกอังกฤษ
บวกกับการกำเนิดขึ้นของ คอนคาเคฟเนชั่นส์ลีก การแข่งขันที่จับทีมที่มีมาตรฐานใกล้เคียงกันมาแข่งกัน ที่ทำให้มอนต์เซอร์รัตมีเกมลงเล่นมากขึ้นเป็น 18 นัด และมีผลงานที่พัฒนาขึ้นตั้งแต่นั้น ด้วยการคว้าชัยได้ถึง 8 เกม รั้งอยู่ในอันดับ 178 ของโลกในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะมีผลงานดีขึ้นแต่การหานักเตะระดับคุณภาพมาเล่นให้ทีมชาติก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากการเป็นชาติขนาดเล็ก พวกเขาจึงใช้วิธีตามหานักเตะในลีกอังกฤษหรือลีกอื่นในยุโรปที่มีเชื้อสายเป็นชาวมอนต์เซอร์รัต
วิธีค้นหาของพวกเขามีทั้งไล่ดูชื่อนักเตะที่คาดว่าพ่อแม่หรือบรรพบุรุษของพวกเขาน่าจะมาจากแถบแคริบเบียน ไปจนถึงหาผู้เล่นที่มีสัญชาติมอนต์เวอร์รัตเป็นสัญชาติที่สองหรือสามจากเกม Football Manager เกมคุมทีมฟุตบอลชื่อดัง
"มันเป็นกระบวนการที่ยาวนาน นานมาก ๆ " แบรดเลย์ วูดส์ การ์เนส ที่ติดทีมชาติครั้งแรกในปี 2012 และมีบทบาทในการค้นหาผู้เล่นเข้าทีมชาติร่วมกับ ดีน เมสัน เพื่อนและอดีตคู่หูในทีมชาติ กล่าวกับ BBC
"บางครั้งผมก็หาคนมอนต์เซอร์รัตด้วยการดูจากชื่อที่เป็นสไตล์แคริบเบียนแบบดั้งเดิม บางครั้งผมก็หาจากเกม Football Manager ถ้าเจอพวกเขาผมก็จะส่งข้อความไปหาทาง Facebook"
"บางคนคิดว่าผมล้อเล่น บางคนรู้สึกยุ่งยากที่มาถามพวกเขาว่าอยากมาและเล่นให้ทีมชาติไหม"
หนึ่งในผู้เล่นที่ได้มาคือ ไลล์ เทเลอร์ กองหน้าของ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ที่เล่นอยู่ในระดับพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน โดยเขารับใช้ชาติมาตั้งแต่ปี 2015 ตั้งแต่ตอนที่เล่นให้ วิมเบิลดัน และเป็นเจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดของทีมชาติที่ 10 ประตู
เช่นกันกับ แมตตี วิลล็อค อดีตเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซนอล และพี่ชายแท้ ๆ ของ โจ วิลล็อค กองกลางตัวเก่งของ นิวคาสเซิล ที่เพิ่งถูกเรียกติดทีมชาติเมื่อปี 2021 และลงเล่นไปแล้ว 2 เกม
และมันก็ทำให้พวกเขาไม่ใช่ทีมรองบ่อนอีกต่อไป
เฉิดฉายในระดับทวีป
การพยายามค้นหานักเตะอย่างเต็มที่ทำให้ทีมชาติมอนต์เซอร์รัตเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น และทั้งหมดล้วนค้าแข้งอยู่ในลีกรองของแดนผู้ดี ซึ่งจำนวนไม่น้อยคือลูกหลานของชาวมอนต์เซอเรเตียนที่อพยพมาอังกฤษหลังการระเบิดของภูเขาไฟ
สิ่งนี้ได้ทำให้มาตรฐานโดยรวมของทีมสูงขึ้น เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ได้รับการฝึกฝนจากระบบอคาเดมีของสโมรในอังกฤษ และมันก็ทำให้พวกเขาไม่ใช่สมันน้อยอีกแล้ว
"เรามีประชากรแค่ 5,000 คนที่มอนต์เซอร์รัต" วินเซนต์ คาสเซลล์ อดีตประธานสมาคมฟุตบอลมอนต์เซอร์รัต กล่าวกับ thefa.com
"90 เปอร์เซ็นต์ของประชาการในปี 1995 ย้ายมาอยู่สหราชอาณาจักร และเด็กหลายคนที่มาอยู่อังกฤษก็เพิ่ง 2-3 ขวบในตอนนั้น"
"แต่เราก็พยายามตามหาผู้เล่นให้ได้มากที่สุดอยู่ทุกวัน คนที่มีความเกี่ยวข้องกับชาวมอนต์เซอร์เรเตียนหรือรู้ว่าพวกเขามาอังกฤษตั้งแต่เด็ก ๆ ให้มาหาเราได้เลย"
นับตั้งแต่ปี 2018 มอนต์เซอร์รัตกลายเป็นทีมที่แพ้ยากของแคริบเบียนและอเมริกากลาง โดยพวกเขาสามารถคว้าชัยไปได้ถึง 3 จาก 4 เกมในรอบคัดเลือก คอนคาเคฟเนชั่นส์ลีก 2018-2019 จนได้มาอยู่ในลีกดิวิชั่น บี ลีกลำดับที่ 2 จาก 3 ระดับ
นอกจากนี้พวกเขายังเกือบผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลชิงแชมป์อเมริกาเหนือและกลาง หรือ "โกลด์ คัพ" ปี 2019 จากผลงานดังกล่าว หลังมีแต้มอยู่ใน 10 อันดับแรก แต่โชคร้ายที่ บาร์บาโดส ที่ไปเสมอกับ กายอานา 2-2 ส่งนักเตะไม่ผ่านคุณสมบัติลงสนามจนทำให้ถูกปรับแพ้ และทำให้กายอานาทำอันดับแซงพวกเขา
แต่นั่นไม่ใช่จุดจบ มอนต์เซอร์รัตยังคงพยายามสร้างผลงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และฟอร์มเด่นล่าสุดของพวกเขาคือการเสมอกับ เอลซัลวาดอร์ ทีมที่มีอันดับโลกสูงกว่าพวกเขาเป็นร้อยอันดับ
ขณะเดียวกันเมื่อเดือนมิถุนายน 2022 พวกเขาก็เพิ่งกำชัยในเนชั่นลีก ด้วยการเอาชนะ เบอร์มิวดา ไปได้ 3-2 ทว่าก็ยังต้องลุ้นอย่างหนักเพื่อผ่านเข้าไปเล่นโกลด์คัพรอบคัดเลือก หลังจมบ๊วยของกลุ่มและเหลือการแข่งขันอีก 2 เกม
"เราอาจจะแพ้บ้าง แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เราก็เพิ่งเก็บชัยชนะได้ และคนบนเกาะต่างก็ปลาบปลื้มใจในสิ่งนั้น" ดายเออร์ กล่าวกับ BBC Sports
เพราะทุกครั้งที่ลงไปเล่น มันไม่ใช่แค่เพื่อตัวพวกเขาเองแต่เพื่ออีกหลายพันคนที่คอยเชียร์อยู่ข้างหลัง
ส่งต่อให้รุ่นต่อไป
"การรู้ว่าเรามาจากไหนหลังการระเบิดของภูเขาไฟ การได้เห็นทีมขยับอันดับขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนี้ เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมและรู้สึกสัมฤทธิ์ผล" เคนสตัน บัฟฟองเก อดีตผู้เล่นมอนต์เซอร์รัตในยุค 2000s ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของประเทศ กล่าวกับ Andscape
"ทางเดียวจากที่นี่คือขึ้นไปข้างบนเท่านั้น"
เมื่อเทียบจากจุดตั้งต้นอาจจะพูดได้เต็มปากว่ามอนต์เซอร์รัตมาไกลพอสมควร เพราะนอกจากอันดับโลกที่สูงขึ้นแล้ว ตอนนี้พวกเขามีทั้งสนามซ้อม มีหอพัก มีชุดแข่ง และอุปกรณ์การซ้อมที่ได้รับการสนับสนุนจากหลากหลายที่
"ผมคิดว่ามอนต์ซอร์รัตมาไกลมากแล้ว ทุกอย่างดีขึ้น ชุดแข่ง ที่พัก การฝึกซ้อม ทุกอย่าง" เมสซิอาห์ แม็คโดนัลด์ นักเตะในทีมชุดปัจจุบัน กล่าวกับ concacaf.com
"ทุกคนในทีมชุดนี้ก็สมถะ ทุกคนเคารพซึ่งกันและกัน มันเป็นสายสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม และทุกคนก็มีแพชชั่นที่จะเล่นให้มอนต์เซอร์รัต"
นั่นจึงทำให้พวกเขายังคงมุ่งมั่นและใส่กันอย่างเต็มร้อยทุกครั้งที่ลงสนาม เพราะมันไม่ใช่แค่ผลการแข่งขันแต่เพื่ออีกหลายคนที่เป็นแรงใจให้พวกเขา รวมไปถึงเยาวชนรุ่นต่อไปที่จะเข้ามาสานต่อ
"มันทำให้พวกเขาสนุกและมีบางอย่างให้เชียร์ มันเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เด็กรุ่นต่อไป พวกเขาสามารถตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเล่นให้ประเทศได้เมื่อโตขึ้น" ดายเออร์ กล่าวกับ BBC Sport
"ก่อนหน้านี้คุณอาจจะไม่ได้เห็นเด็กเล่นฟุตบอล ตอนนี้เมื่อเราเป็นที่ยอมรับพวกเขาก็จะได้สายพานการผลิตทั้งหมด พวกเขาอาจจะประสบความสำเร็จกับฟุตบอลหรืออาจจะไม่ แต่มันก็ทำให้พวกเขามีแรงขับและแพชชั่นที่จะนำไปใช้ในด้านอื่นของชีวิต"
ทำให้แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้มีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะแห่งนี้ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าการได้สวมเสื้อมอนต์เซอร์รัตมีความหมายขนาดไหน และมันทำให้สายสัมพันธ์นี้แข็งแกร่ง
"แม้ว่าพวกเราจะถูกเลี้ยงมาในประเทศตะวันตกที่มีโอกาสมากกว่าอย่างอังกฤษ แต่การไปที่นั่นก็ทำให้เราได้เติมพลัง เพราะมันพาเรากลับไปยังที่ที่เรามี DNA อยู่" ดายเออร์ อธิบาย
"เมื่อคุณเห็นผู้คนและเห็นว่าพวกเขาภูมิใจในตัวเรามากแค่ไหน ถึงแม้พวกเราจะแพ้แต่เราก็เป็นหนี้พวกเขา และต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพวกเขา"
"เรือของเราคือฟุตบอล แต่เราก็มีผู้เล่นมากมายที่ทำสิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากฟุตบอลได้ดีซึ่งน่ายกย่อง และมันช่วยปลุกจิตสำนึกของมอนต์เซอร์รัตเพื่อแสดงด้านที่สวยงามและสิ่งที่มันเป็น"
 
"ผลกระทบในสิ่งที่เราทำจะยังคงอยู่ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา"
อย่างไรก็ดีพวกเขายังมีสิ่งหนึ่งที่ยังคงติดค้างอยู่ในใจ นั่นคือการผ่านเข้าไปเล่นในโกลด์คัพรอบสุดท้ายให้ได้ และล่าสุดดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องรอไปก่อน หลังตกรอบคัดเลือกไปเมื่อปี 2021
"เรายังมีภารกิจที่ยังไม่เสร็จเกี่ยวกับโกลด์คัพ เรารู้สึกว่าเราถูกพรากโกลด์คัพไป" สเปนเซอร์ เวียร์ ดีเลย์ กองหน้าวัย 37 ปีของมอนต์เซอร์รัต กล่าวกับ Andscape
"สิ่งนี้มีความหมายอย่างมากสำหรับเราจริง ๆ เราไม่คิดว่าเราจะมีโอกาสอีก การได้ไปเล่นโกลด์คัพก็เหมือนการได้ผ่านไปเล่นในฟุตบอลโลกสำหรับเรา"
ไม่มีใครรู้ว่า มอนต์เซอร์รัต จะทำได้หรือไม่ แต่พวกเขาก็ยังคงมุ่งมั่นในเส้นทางที่เดินไป และเมื่อวันนั้นมาถึง เชื่อว่ามันคงจะเป็นวันแห่งความสุขและความทรงจำในประวัติศาสตร์ของพวกเขาอย่างแน่นอน
"คุณอาจจะมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและแย่ แต่ทุกคนก็รู้ว่าทำไมเราจึงมาอยู่ที่นี่และทำเพื่ออะไร ทุกคนล้วนแต่ต้องการทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อประเทศชาติ" ดายเออร์ ทิ้งท้าย
บทความโดย มฤคย์ ตันนิยม
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา