27 ก.ย. 2022 เวลา 10:00 • ธุรกิจ
7 อันดับอภิมหาเศรษฐีโลก กับธุรกิจที่โลกต้องจารึก
โพสต์นี้พิเศษมาก เพราะเป็นคอนเทนต์ร่วมกันระหว่างเพจพี่อย่าง EDGE Invest และเพจน้อง Dime!
ทั้ง EDGE Invest และ Dime! มาชวนดูตัวท็อปเศรษฐีทั้งของไทยและของโลก ว่าพวกเขาทำธุรกิจอะไรกันทำไมถึงเป็นเศรษฐีได้ แต่จะเรียกว่าเศรษฐีคงจะไม่ถูกนัก เพราะถ้าดูจากมูลค่าทรัพย์สินแล้ว อาจจะต้องเรียกว่า “อภิมหาเศรษฐี” กันเลยทีเดียว
—-------------------------------------------------
ดู 7 อันดับมหาเศรษฐี “ไทย” ได้ที่เพจ EDGE Invest คลิก https://bit.ly/3fgGlfv
—-------------------------------------------------
เศรษฐกิจของโลกถูกขับเคลื่อนด้วยธุรกิจการค้าและการลงทุนมาโดยตลอด
50 ปีที่แล้ว (1970) ความมั่งคั่งถูกสะสมอยู่ในธุรกิจน้ำมัน
10 ปีถัดมา (1980) เปลี่ยนเป็นยุครุ่งเรืองของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
และอีก 10 ปีต่อมา (1990) ความมั่งคั่งเปลี่ยนทิศทางไปสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี และกลายเป็นธุรกิจที่ครองโลกอย่างยาวนานจวบจนปัจจุบัน
วันนี้เลยพาเพื่อน ๆ มารู้จักกับ 7 อภิมหาเศรษฐีของโลกในยุคปัจจุบันว่าเป็นใครกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
🌎 อันดับที่ 1 อีลอน มัสก์ (Elon Musk)
นักธุรกิจชาวอเมริกันวัย 50 ปี ผู้เป็นเจ้าของธุรกิจล้ำ ๆ ของโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัท SpaceX ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอวกาศ บริษัท Solar City ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างพลังงานสะอาด ไปจนถึงธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตแบบก้าวกระโดดที่สุดในโลกอย่างบริษัท Tesla
ทำให้อีลอนขยับขึ้นมาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของโลกด้วยทรัพย์สินกว่า 9.84 ล้านล้านบาท !
แม้ว่าช่วงหลังอีลอนจะแวะเข้า ๆ ออก ๆ ในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล รวมไปถึงการประกาศแผนซื้อขายกิจการต่าง ๆ เป็นว่าเล่น แต่คนทั้งโลกก็ยังยอมรับว่าเขาคือนักธุรกิจผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมยุคใหม่ของโลกอย่างแท้จริง
🌎 อันดับที่ 2 โกตัม อดานิ (Gautam Adani)
มหาเศรษฐีชาวอินเดีย เจ้าของอาณาจักร Adani Group ที่ทำธุรกิจสำคัญหลายอย่างในอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ ธุรกิจคลังสินค้าและท่าเรือ ธุรกิจโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ไปจนถึงธุรกิจน้ำมันพืชและอาหารสำเร็จรูป
แม้ว่าหลายฝ่ายอาจมองว่าอดานิสร้างความมั่งคั่งดังกล่าวจากความเหลื่อมล้ำภายในประเทศ รวมไปถึงการกู้เงินจำนวนมากเพื่อมาลงทุนขยายธุรกิจจนทำให้เขามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนแตะ 5.57 ล้านล้านบาทไปแล้ว นั้นจะทำให้เกิดความเสี่ยงฟองสบู่ของประเทศอินเดียในอนาคตหรือไม่
แต่ไม่ว่าอย่างไร คนทั้งโลกคงต้องหันมาโฟกัสชายชาวเอเชียที่รวยที่สุดในโลกที่ชื่อว่า โกตัม อดานิ แล้วล่ะครับ
🌎 อันดับที่ 3 เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault)
จากต้นบทความที่เกริ่นไปว่าโลกปัจจุบันเรานำหน้าด้วยเทคโนโลยีนั้น อาจต้องเว้นให้กับอภิมหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศสเจ้าของธุรกิจแฟชั่น และแบรนด์เนมหรูที่มีชื่อว่าเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เพราะเขาเป็นเจ้าของอาณาจักรสินค้าแบรนด์เนมระดับโลกอย่าง Louis Vuitton, Tag Heuer, Christian Dior และอีกกว่า 75 แบรนด์ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ายิ่งใหญ่แค่ไหน
ในอดีตเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ เคยมีทรัพย์สินรั้งอันดับ 1 ของโลกมาแล้ว ก่อนหล่นมาอยู่ที่ 3 ในปัจจุบันด้วยทรัพย์สินทั้งสิ้น 5.58 ล้านล้านบาท เรียกว่า โลกจะเปลี่ยนไปยังไงก็โค่นธุรกิจแฟชั่นของเขาไม่ได้เลยจริง ๆ
🌎 อันดับที่ 4 เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos)
เจฟฟ์ ผู้ทำให้คนทั้งโลกได้รู้จักธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ชื่อว่า Amazon ซึ่งได้เปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของเราไปอย่างสิ้นเชิง จะว่าไปเศรษฐีของโลกหลายคนต่างมีเรื่องเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นทำธุรกิจจากในโกดังเก่า ในหอพัก หรือแม้แต่ในโรงรถ ซึ่งเจฟฟ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ปัจจุบันเจฟฟ์ เบโซส์ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 5.28 ล้านล้านบาท แม้จะลดลงจากปีที่แล้ว แต่ธุรกิจของเขาที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกก็ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
🌎 อันดับที่ 5 บิล เกตส์ (Bill Gates)
หนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลกที่สามารถเปลี่ยนผ่านความมั่งคั่งของโลกยุคก่อนหน้าจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เขาเป็นผู้บุกเบิกภายใต้ชื่อบริษัท ไมโครซอฟท์ (Microsoft)
บิล เกตส์ เริ่มต้น “รวย” อันดับ 1 ของโลกตั้งแต่ปี 1996 และครองสถิติดังกล่าวมาโดยตลอด โดยจากปี 1996-2022 รวม 26 ปี บิล เกตส์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกไปถึง 18 ปี !
ปัจจุบันเขามีทรัพย์สินรวม 3.76 ล้านล้านบาท หล่นมาอยู่อันดับ 5 ของโลก หนึ่งในสาเหตุหลักเพราะเขามุ่งมั่นบริจาคเงินอย่างมหาศาลให้องค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้นนั่นเอง ไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะเป็นมหาเศรษฐีที่ใคร ๆ ต่างยึดถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
🌎 อันดับที่ 6 ลาร์รีย์ เอลลิสัน (Larry Ellison)
นักธุรกิจผู้ก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์เทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกอย่างออราเคิล (Oracle) ที่มีผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ชั้นนำกระจายอยู่ทั่วโลก ปัจจัยที่ออราเคิลโตแบบก้าวกระโดด คือ การเข้าซื้อกิจการของบริษัทซอฟต์แวร์ที่เป็นเทคโนโลยีในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อรวบรวมซอฟต์แวร์ที่จำเป็นทุกอย่างไว้เบ็ดเสร็จที่ออราเคิลเพียงแห่งเดียว
ปัจจุบันเอลลิสันได้ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของออราเคิลแล้ว และมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 3.48 ล้านล้านบาท
🌎 อันดับที่ 7 วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีหัวนักธุรกิจตั้งแต่วัยเด็ก เขาเร่ขายหมากฝรั่ง ขายนิตยสาร จนกระทั่งเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่อายุ 11 ปี และทำธุรกิจอื่น ๆ มาโดยตลอดจนกระทั่งอายุ 40 ปีก็เข้าซื้อหุ้นบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ (Berkshire Hathaway) พร้อมทั้งนั่งเป็นประธานบริษัท และทำให้บริษัทนี้กลายเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านการเงินรายใหญ่ของโลก
ซึ่งหากใครพอจะคุ้นชื่อ นี่คือบริษัทที่กว้านซื้อบริษัทชั้นนำอย่างมากมาย ด้วยแนวคิดของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ยึดหลักการลงทุนในบริษัทที่น่าสนใจ มีผลประกอบการดี และมีราคาสมเหตุสมผล ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
ปัจจุบันวอร์เรน บัฟเฟตต์ มีทรัพย์สินรวม 3.45 ล้านล้านบาท
โลกยุคปัจจุบันถูกขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมที่พึ่งพาเทคโนโลยี นอกจากนี้ เราจะเห็นว่ามหาเศรษฐีระดับโลกส่วนใหญ่ 5 จาก 7 คน เป็นคนอเมริกันทั้งสิ้น ซึ่งสะท้อนไปสู่ความเป็นมหาอำนาจของประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย และหากเพื่อน ๆ อยากรู้จักคนใกล้ตัวกว่านี้ เราก็มีบทความจัดอันดับมหาเศรษฐีของไทยด้วยนะ ไปอ่านต่อได้เลยที่เพจ EDGE Invest คลิก https://bit.ly/3fgGlfv
อ้างอิง
Forbes The Richest People In The World
โฆษณา