28 ก.ย. 2022 เวลา 22:13 • ปรัชญา
“ทางสายกลาง”
ทางสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์ หลุดพ้นจากการเกิดแก่เจ็บตาย หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดที่ไม่มีวันสิ้นสุด เรียกว่า มรรค หรือ มรรค ๘ เพราะมีองค์ประกอบอยู่ ๘ ประการด้วยกัน มรรค หรือ มรรค ๘ นี้ เป็นทางสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์ ที่เกิดจากการเกิดแก่เจ็บตายเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่ เป็นทางที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้ค้นพบด้วยพระองค์เอง เพราะไม่มีใครรู้จักทางนี้มาก่อน พระพุทธเจ้าพยายามไปศึกษากับครูบาอาจารย์ต่างๆ ก็ไม่มีใครรู้ทางสู่การดับทุกข์ได้อย่างแท้จริงและถาวร รู้แต่การดับทุกข์ได้อย่างชั่วคราว
พระองค์เลยต้องไปหาต้องไปค้นคว้าหาทาง เป็นเหมือนคนตาบอดคลำทางไป คลำผิดคลำถูก ในที่สุดก็ได้ทรงค้นพบทางที่นำไปสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์อย่างแท้จริง ทางนี้เป็นทางสายกลาง สายกลางระหว่างทางอีกสองทาง มนุษย์เราใช้ในการดับความทุกข์ ก็คือการหาความสุขทางร่างกาย หาความสุขทางตาหูจมูกลิ้นกาย เพื่อมาดับความทุกข์ใจ ก็เป็นการดับได้เพียงชั่วคราว ดับไม่ถาวร
เวลามีความทุกข์ใจก็ไปหาความสุขทางร่างกาย เช่นไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไปกินไปดื่ม ไปดูไปฟังอะไรต่างๆ ก็ทำให้ลืมความทุกข์ไปได้ชั่วคราว แต่ไม่นานเดี๋ยวความทุกข์นั้นก็กลับมาอีก เพราะวิธีดับความทุกข์ด้วยการหาความสุขทางร่างกายนี้ ไม่สามารถดับความทุกข์ได้ เพราะความทุกข์หรือเหตุของความทุกข์นี้ไม่ได้อยู่ที่ร่างกาย แต่อยู่ที่ใจ
นี่เป็นทางหนึ่งที่สัตว์โลกหรือมนุษย์ทั้งหลายหาทำกันเพื่อมาดับความทุกข์ใจกัน แต่ก็ดับได้เป็นพักๆ ไปเท่านั้น ความทุกข์ใจก็ยังไม่หายไป ความทุกข์ใจที่เกิดจากการแก่ การเจ็บ การตาย การพลัดพรากจากสิ่งที่รักจากบุคคลที่รัก ก็ยังไม่ดับไปจากการได้ความสุขทางร่างกายมา
ก็เลยมีผู้ที่หาอีกวิธีหนึ่ง วิธีนี้ก็คือ ใช้การดับความทุกข์ด้วยการทรมานร่างกาย ทำให้ร่างกายมีความทุกข์แล้วคิดว่าจะทำให้ความทุกข์ดับไปได้ ก็ดับไม่ได้เช่นเดียวกัน มีพวกฤาษีชีไพรที่พยายามใช้การทรมานร่างกายด้วยวิธีการต่างๆ มาดับความทุกข์ทางใจ ก็ไม่สามารถมาดับความทุกข์ทางใจได้
แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก่อนจะตรัสรู้ ก็ทรงใช้วิธีนี้ ด้วยการทรมานร่างกาย ด้วยการอดพระกระยาหาร ทรงอดพระกระยาหารถึง ๔๙ วัน แต่ก็ยังไม่สามารถดับความทุกข์ทางใจได้ พระองค์จึงทรงรู้ว่าทางทั้งสองทางนี้ ไม่ใช่เป็นทางที่จะนำไปสู่การดับความทุกข์ต่างๆ ที่มีอยู่ในพระทัยของพระองค์ได้ การหาความสุขมาดับความทุกข์ พระองค์ก็เคยกระทำมาแล้วตอนที่เป็นพระราชโอรส เป็นเจ้าชายสิทธัตถะประทับอยู่ในพระราชวัง ก็ใช้ความสุขทางร่างกายทางตาหูจมูกลิ้นกายนี้มาจากความทุกข์
เวลาไม่สบายพระทัยก็จัดงานเลี้ยงจัดงานสังสรรค์ไปเที่ยวไปเล่นไปทำกิจกรรมอะไรต่างๆ เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินบันเทิงใจ แต่ก็ดับได้ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานความทุกข์ใจนั้นก็กลับขึ้นมาอีก
พระองค์เลยรู้ว่าทางสองทางที่ชาวโลกเราใช้เพื่อมาดับความทุกข์นี้ ไม่ได้เป็นทางที่จะนำไปสู่ทางที่จะดับความทุกข์อย่างแท้จริง จึงทำให้พระองค์ต้องไปค้นคว้าหาทางที่จะดับความทุกข์อย่างแท้จริงให้ได้
แล้วในที่สุดพระองค์ก็สามารถค้นพบทางที่นำไปสู่การดับของความทุกข์ต่างๆ ได้ เป็นทางที่อยู่ระหว่างกึ่งกลาง ระหว่างการใช้ความสุขทางร่างกาย และ การใช้การทรมานร่างกายมาดับความทุกข์ ทางนี้พระองค์เรียกว่า มรรค ๘ เพราะว่ามีองค์ประกอบอยู่ ๘ องค์ประกอบด้วยกัน เป็นมัชฌิมาปฎิปทา เป็นทางสายกลาง ที่จะนำผู้ปฏิบัติผู้ที่เดินทางนี้ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ได้อย่างแท้จริงและถาวร
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
โฆษณา