30 ก.ย. 2022 เวลา 06:56 • ความคิดเห็น
เป็นเพราะเราอาศัยกายพ่อแม่อยู่ กายนี้มีพระคุณให้เราได้ มีกายให้จิตได้อยู่สุขสบายสบาย เมื่อมาอาศัยกายนี้ ..ก็ต้องดูแลกาย ..ต้องไปทำมาหากิน หาปัจจัยสี่ ได้มาเราก็แบ่งปัน ระลึกถึงพระคุณของกาย นำกายนี้พ่อแม่ไปทำบุญใส่บาตร (ไม่ได้นำกายพ่อแม่ไปสร้างแต่กรรมอย่างเดียวด้วยอารมณ์) เวลาใส่บาตรเราก็นึกถึง เอากายเอามือพ่อแม่ที่ให้มา มาหยิบข้าวของใส่บาตร
1
ใส่บาตรแล้ว ..ก็บอกตัวเอง พูดเบาให้หูเราได้ยิน วิญญาณหูจะได้ส่งไปให้จิตเรารับรู้ บอก..ขอให้กายบิดามารดาอนุโมทนา..จะเป็นคำพูดที่สูงๆเป็นมงคลแก่จิตของเรา อีกทั้งจะเป็นบุญกุศลส่งต่อไปถึงกายพ่อแม่ ที่จิตท่านอาศัย..กายพ่อแม่..ก็พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย จากการที่ลูก..นำเรือนกายพ่อแม่มาสร้างบุญกุศล..จิตเราก็ได้รับรู้จัก ความกตัญญูรู้คุณของบิดามารดา ที่สงเคราะห์เรือนกายให้เราอาศัย..
..ที่ภิกษุครองผ้ากาสาวพัสตร์ .ครองผ้าเหลือง นำพาเครื่องหมายธรรม ที่นุ่งห่ม เครื่องหมายของธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราทำบุญ..ใส่บาตร น้อมระลึกในพระคุณขององค์พระสัมมาสัมพุททูเจ้าเพื่อบำรุงศาสนาของท่าน ที่เราได้มีโอกาสเรียนรู้จักอารมณ์ รู้จักกรรม รู้จักธรรม ธรรมที่นำพาจิตคัดเอ้าท์กรรมของตัวเอง แล้วเราก็อาศัยพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ส่วนกุศล นำส่งบุญกุศลที่เกิดจากการที่เราได้กระทำ นำส่งอุทิศ บิดามารดา ผู้ที่อุปการะ อุปถัมภ์ เจ้ากรรมนายเวร หรือ..ผู้ที่เราเคารพ ล่วงลับไปแล้ว
หากปราศจากคำสอนชี้แนะจากท่าน เราก็คงจมอยู่กับกรรม ไม่มีสติตื่นขึ้นมา สำรวจตรวจสอบ กายวาจาใจของตนเองที่สร้างกรรมด้วยอารมณ์ของตนเอง แล้วก็ไม่รู้ว่า ..จะเมตตาจิตตนเองเป็น ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่รู้ในอริยะสัจสี่ ว่าทุกข์ที่แท้จริงเป็นอย่างไรบ้าง จึงต้องเกิดแล้วตาย เมื่อได้ทำตามรอยคำสอนท่าน ..จึงได้มีศรัทธา สร้างบุญกุศลบารมี
เราทำบุญใส่บาตร เราไม่ได้ยึดที่ตัวบุคคลคน เราทำบุญกับผ้าเหลือง ..ผู้ที่ครองผ้ากาสาวพัสตร์ ..จะประพฤติปฏิบัติอย่างไร ก็เรื่องราวของท่าน แต่เราก็ทำบุญกับผ้าเหลือง ทำบุญในศาสนาของพระโคดม
โฆษณา