30 ก.ย. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
ทุกคนเคยสัมผัสกับการก้าวกระโดดในชีวิตไหม?
1
ทุกคนล้วนต้องการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านิยาม “ความสำเร็จ” ของละคนนั้นแตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะอยากมีครอบครัว บางคนอาจจะอยากมีชื่อเสียง บางคนอาจจะยังมีทรัพย์สินจำนวนมาก หรือบางคนก็อาจจะส่งต่อความรู้และประสบการณ์ที่ตัวเองสั่งสมมา ให้คนอื่นๆ
แต่ขึ้นชื่อว่า “ประสบความสำเร็จ” นั้น ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการที่เราจะไปถึงจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น เราอาจจะต้องการแนวคิดอะไรบางอย่าง ที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่จะทำให้เรานั้น ‘ก้าวกระโดด’ สู่ความสำเร็จ ในแบบที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
โดยทางด้าน Alex Mathers นักเขียนชาวอังกฤษ เจ้าของหนังสือ “12 Habits of Metally Strong People” ผู้เชี่ยวชาญด้าน Productivity ได้เขียนบทความลงในเว็บไซต์ Medium ที่ได้ทำการแนะนำ 9 แนวคิดและเคล็ดลับมากมาย ที่จะช่วยให้ทุกคนนั้นค้นพบกับจุดก้าวกระโดดและค้นพบข้อได้เปรียบมากมายในชีวิตที่เรียกได้ว่าเป็น “Unfair Advantage” ซึ่งหลายคนนั้นไม่เคยคิดจะทำมาก่อนเลย
1. เป็นผู้ตั้งคำถามกับบุคคลระดับสูง (Be a ‘top-level asker’)
คนส่วนใหญ่มักมีชุดความคิดที่ทำให้ตัวเองนั้นไม่กล้าที่จะ “ตั้งคำถาม” “ขอ” หรือ “นำเสนอ” สิ่งที่มีความสำคัญหรือมีความหมายกับบุคคลที่เราคิดว่ามีสถานะทางสังคมสูงกว่าตน เช่น ผู้มีอิทธิพลต่างๆ นักธุรกิจชื่อดัง เศรษฐีพันล้าน ดารานักแสดง หรือแม้กระทั่งคนที่มีรูปร่างหน้าตาดีกว่าตัวเอง เนื่องจากว่าพวกเขากลัวความเจ็บปวดจากการโดนปฏิเสธ รู้สึกว่าคำพูดของตัวเองนั้นไม่มีความหมายเลยกับคนที่มีสถานะทางสังคมเหนือกว่าตน
ซึ่งนั่นไม่ใช่ความจริงเสมอไป
ลองจินตนาการดูว่า ถ้าเรามีโอกาสได้ไปร่วมโต๊ะอาหารกับผู้บริหารระดับสูงของโลกอย่าง Elon Musk, Jeff Bezos, Tim Cook, Mark Cuban และอื่นๆ อีกมากมาย เราจะทำตัวอย่างไร คนส่วนใหญ่ก็คงจะนั่งทานข้าวไปเงียบๆ เพราะเกรงกลัวคนที่มีสถานะเหนือกว่าตัวเองเยอะมากจนไม่กล้าพูด ไม่กล้าตั้งคำถาม หรือไม่กล้านำเสนอไอเดียอะไรของตัวเองออกไปให้คนระดับนี้ฟัง
แต่แทนที่จะนิ่งเฉยด้วยความกลัว เราควรกล้าที่จะพูดหรือนำเสนอไอเดียตัวเองออกไป เพราะถ้าหากว่าคำพูดของเราเกิดไปโดนใจใครสักคนบนโต๊ะนั้น เราอาจจะได้รับโอกาสที่ทำให้ชีวิตของเราก้าวกระโดดสู่ความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ในทางกลับกันถ้าเรามัวแต่นั่งเงียบอย่างเดียว โอกาสที่ว่านั้นก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
2. ใช้ชีวิตเพื่อมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ (Presuppose greatness)
คนส่วนมากนั้นมักนึกภาพความสำเร็จในลักษณะของเป้าหมายหรือเส้นชัยที่ต้องหาเส้นทางในการวิ่งไปให้ถึง แต่อันที่จริงแล้ว คนที่ประสบความสำเร็จมากมายไม่ได้มองความสำเร็จในลักษณะนั้น
แทนที่จะมองว่าพวกเขาต้องหาทางที่จะนำตัวเองไปสู่ความสำเร็จจากปัจจัยภายนอก ในทางกลับกัน คนที่ประสบความสำเร็จจะใช้ปัจจัยภายในตัวเอง เพื่อผลักดันตนไปสู่ความสำเร็จ ตั้งแต่การตื่นนอน การทำสมาธิ การคิด การทำงาน สิ่งต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่ถึงแม้ว่าจะดูน่าเบื่อแค่ไหน แต่มันก็ล้วนจะนำพาให้พวกเขาไปสู่ความสำเร็จทั้งสิ้น
เพราะว่าเส้นทางแห่งความสำเร็จนั้น สามารถเริ่มต้นได้วันนี้ ที่ตัวเราเอง
3. เรียนรู้ที่จะทำให้วันของเรา “เรียบง่าย” (Simplify daily)
หลายๆ คนคิดว่าสิ่งที่คนประสบความสำเร็จนั้นมีเหนือกว่าคนอื่นก็คือความสามารถที่จะทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่างได้มากกว่าคนอื่น แต่อันที่จริงแล้วมันกลับกันต่างหาก เพราะว่า มันคือความสามารถที่จะ “ลด” สิ่งต่างๆ ที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิต เช่น กิจวัตร การตัดสินใจทางธุรกิจ หรือแม้กระทั่งผู้คนก็ตาม
ย้อนกลับไปในปลายปี 1996 ตอนที่ Steve Jobs ซีอีโอคนเก่งของ Apple ถูกดึงกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง หนึ่งในสิ่งที่เขาทำเป็นอย่างแรกๆ เลยก็คือการ “ลด” จำนวนผลิตภัณฑ์ของ Apple ลงกว่า 70% จนเหลือเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ซึ่งการทำแบบนี้มันส่งผลให้ Apple สามารถลงแรงไปในการพัฒนาสินค้าไม่กี่อย่างที่พวกเขามีอยู่ และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Apple นั้นกลายมาเป็นบริษัทที่โด่งดังจนทุกวันนี้
เพราะฉะนั้น ความสามารถในการตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อทำให้ชีวิตของเรามี “ความเรียบง่าย” นั้นเป็นสิ่งสำคัญ ธรรมชาติของมนุษย์เรานั้นมักจะชอบเพิ่ม “ภาระ” เข้ามาในชีวิตอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้น เราจึงควรพยายามหมั่นตรวจเช็กตัวเองบ่อยๆ ว่าชีวิตของเรานั้น เรากำลังแบกรับภาระเยอะเกินไปหรือเปล่า และทำการตัดภาระที่ไม่จำเป็นออกไปเสีย แล้วชีวิตของเราจะก้าวกระโดดไปข้างหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ
1
4. ให้ความสำคัญกับบทสนทนาที่อึดอัด (Prioritise uncomfortable conversation)
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่ชอบอยู่ท่ามกลางบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความอึดอัด เช่น ต้องโทรไปหาลูกค้าทั้งๆ ที่จะรู้ว่าจะโดนว่า การโทรศัพท์ไปติดต่อธุระกับธนาคาร การเข้าไปขอเงินเดือนเพิ่มจากหัวหน้า ไปจนถึงการตักเตือนลูกน้องที่กำลังทำตัวไม่ดี
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นบทสนทนาที่ชวนอึดอัดเสียเหลือเกิน ซึ่งพอรู้สึกแบบนี้ มันทำให้หลายคนเลือกที่จะไม่ให้ความสำคัญกับมัน พยายามรีบคุยให้จบๆ ไป โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเท่าที่ควร ไปจนถึงหลีกเลี่ยงที่จะมีบทสนทนาเหล่านั้นไปเลยอย่างสมบูรณ์ เพียงเพราะว่ามันยากและอึดอัดเกินไป
แต่การพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าอย่างนี้ มันก็เท่ากับว่าเรากำลังปฏิเสธความจริงอยู่ การที่คนเราจะเติบโตและพัฒนาขึ้นไปได้ เราจำเป็นที่จะต้องรับมือกับการเผชิญหน้าต่างๆ ไปจนถึงบทสนทนาที่น่าอึดอัดมากมายในชีวิต โดยยิ่งถ้าเราให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งทำมันได้ดีจนไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจอีกต่อไป
5. กล้าที่จะตัดสินใจแตกต่างจากคนอื่น (Be aggressively countercultural)
ครั้งหนึ่ง นักเขียนชาวอเมริกันเคยกล่าวไว้ว่า “Those who follow the crowd usually get lost in it” ซึ่งหมายความว่าคนส่วนใหญ่ที่พยายามจะทำตามความคิดเห็นของคนส่วนมากแล้ว ก็มักจะสูญเสียเป้าหมายของตัวเองไป
หลายคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมากๆ อย่าง Steve Jobs หรือ Reed Hastings นั้นไม่ใช่ผู้ตาม แต่เป็นผู้นำที่กล้าทำตามเป้าหมายของตัวเองอย่างหนักแน่นและไม่เคยเดินตามฝูงชน เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเกิดว่าเราอยากจะที่มีการก้าวกระโดดในชีวิตแล้วล่ะก็ การเดินตามฝูงชน หรือทำตามสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำนั้นอาจจะไม่ได้เป็นหนทางที่ถูกต้องเสมอไปก็ได้
6. เลือกแก้ไขปัญหาที่ใหญ่เสมอ (Choose bigger problems)
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวันหรือชีวิตการทำงาน เราจะต้องเจอกับปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขเสมอ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ๆ ในที่ทำงาน เช่น ปัญหาระหว่างแผนกที่ต้องมีการพูดคุยกับผู้คนจำนวนมาก ต้องทำ Business Model ใหม่ ไปจนถึงปรับโครงสร้างบริษัทที่ทำให้บริษัทเดินหน้าต่อได้ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นปัญหาที่ทั้งใหญ่และยาก ซึ่งไม่มีใครอยากรับหน้าที่เป็นผู้แก้ไข
1
แต่ถ้าเราลองยกมืออาสาขอเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหานี้ แล้วถ้าเราทำสำเร็จสัก 75% นั้น มันก็จะช่วยทำให้หน้าที่การงานของเรานั้นก้าวกระโดดไปได้ไกลเกินคาดเลยทีเดียว
ในชีวิตส่วนตัวของเราก็เช่นกัน ถ้าหากเรารู้ว่าตัวเรานั้นมีปัญหาใหญ่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นความขี้เกียจ ความไม่มีวินัย หรือไม่ชอบออกกำลังกาย ถ้าเราเลือกที่จะเผชิญหน้าความจริงและตั้งใจแก้ไขมันจริงๆ มันก็จะช่วยพัฒนาชีวิตของเราไปได้อย่างก้าวกระโดดเช่นกัน
เพราะฉะนั้น ถ้าหากชีวิตกำลังโยนปัญหามากมายเข้ามาให้เราแก้ จงแก้ปัญหาใหญ่เสมอ
7. ทำให้ตัวเองน่าค้นหา (Create mystery)
ผู้คนส่วนมากที่ประสบความสำเร็จหรือสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกนั้น มักจะเป็นคนที่มีคุณสมบัติของความลึกลับบางอย่างและไม่สามารถเดาทางได้เสมอ เรียกได้ว่าพวกเขาผนวกความลึกลับบางอย่างเข้ากับตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี เวลาที่คนเหล่านี้สร้างสรรค์อะไรสักอย่างขึ้นมา เราจะเกิดความรู้สึกแปลกใจหรือประหลาดใจในแง่บวกเสมอ
ซึ่งความลึกลับ ความคาดเดาไม่ได้ และความประหลาดใจเหล่านี้นั้น จะทำให้เราเป็นคนที่น่าค้นหาและดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากได้นั่นเอง
8. ทุ่มเทให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนกว่าเราจะเป็นหัวกะทิ (Commit to becoming elite in one thing)
การที่เราได้ทำการทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และเวลาของเราในการฝึกฝนลงมือทำอย่างใดอย่างหนึ่ง จนเรามีสถานะระดับ “หัวกะทิ” ในเรื่องนั้น มันจะทำให้เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเรา “เป็นเลิศ” ในด้านนั้น ซึ่งมันจะช่วยสร้างคุณค่าบางอย่างในตัวเราขึ้นมาในแบบที่เราอาจจะคาดไม่ถึงเลยก็ได้
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าสิ่งที่เราชอบหรือหลงใหลจะเป็นเรื่องที่เล็กหรือใหญ่แค่ไหน ก็จงตั้งใจทำมัน ตั้งใจฝึกฝนสิ่งนั้นไปเรื่อยๆ และเมื่อวันที่เราเป็นเลิศในสิ่งนั้น เราจะรู้ตัวว่าเราได้สร้างคุณค่าบางอย่างให้กับชีวิตของเรา
1
9. เห็นว่าทำอะไรแล้วดี ก็จงทุ่มเทให้กับสิ่งนั้น (Biased to what’s working)
สิ่งนี้อาจจะดูเป็นอะไรเหมือนเป็นสัจธรรมที่แจ่มแจ้งอยู่ตรงหน้าของทุกๆ คน เพียงแต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว คนส่วนมากนั้นไม่ได้ทำตามหลักการนี้
สมมติว่าเราเป็น Content Creator ที่กำลังพยายามผลิตคอนเทนต์ออกมา 3 รูปแบบด้วยกันนั่นก็คือ วิดีโอ พอดแคสต์ และการเขียนบทความ ซึ่งงานเขียนบทความของเรานั้นได้รับความนิยมสูงมาก แต่วิดีโอและพอดแคสต์ของเรานั้นไม่ได้รับความนิยมมากเท่าไหร่
เพราะฉะนั้นแล้ว เราก็ควรจะทุ่มเทเวลาและแรงของเราไปในการพัฒนางานเขียนบทความของเรามากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ไปมัวแต่พยายามผลักดันวิดีโอหรือพอดแคสต์มากจนเกินพอดี ซึ่งบางทีมันก็มีหลายปัจจัยที่เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าทำไมคอนเทนต์อื่นๆ ของเราถึงไม่ได้รับความนิยมเท่ากับงานเขียน
แต่ทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่า ถ้าเกิดอะไรที่ทำแล้วไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีก็ไม่ควรทำ เพียงแต่ว่าเราไม่ควรทุ่มเทเวลาให้มันเยอะเกินไป เพราะฉะนั้น เราก็ต้องมาลองดูว่าสิ่งใดที่ทำแล้วให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่ากัน จากนั้นก็ค่อยจัดสรรเวลาตามนั้น
เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเราเห็นว่าทำอะไรแล้วดี ก็ให้ทำต่อไป ถ้าทำอะไรแล้วมันไม่ดี ก็ไม่ต้องไปใส่แรงกับมันมากเกินความจำเป็น
ท้ายที่สุดนี้ คำแนะนำทั้งหมดนี้ของ Alex Mathers ไม่ได้เป็นการการันตีว่าความสำเร็จนั้นกำลังรอทุกคน หากทุกคนทำตามได้ครบทั้ง 9 ข้อ แต่มันคือคำแนะนำที่จะช่วยให้ไปถึงความสำเร็จตามที่เราคาดหวังไว้ได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเอง แต่สุดท้ายแล้ว ตัวตัดสินที่บอกว่าเราจะสามารถไปถึงยอดเขาแห่งความสำเร็จนั้นได้หรือไม่ ก็คือตัวเราเองเท่านั้น
แปลและเรียบเรียงจาก
- 9 weird little tricks to create an insanely unfair advantage in your life : Alex Mathers, Medium - https://bit.ly/3SEkQnt
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#selfdevelopment
#inspiration
โฆษณา