1 ต.ค. 2022 เวลา 07:51 • ข่าวรอบโลก
NASA ส่งยานอวกาศมูลค่ากว่า 300 ล้านดอลล่าห์พุ่งเข้าชนดาวเคราะห์น้อย ผลของมันอาจช่วยให้เราหลีกเลี่ยงหายนะทางภัยพิบัติในอนาคต
หลังจากท่องอวกาศอยู่กว่า 10 เดือน ในที่สุดยานในโครงการ Double Asteroid Redirection Test หรือ DART ได้พุ่งปะทะเข้ากับดาวเคราะห์น้อย Dimorphos เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เราสามารถเทียบได้ว่าการปะทะครั้งนี้เปรียบเสมือน รถกอล์ฟที่พุ่งเข้าชนพีระมิดแห่งกีซา
โครงการ DART เริ่มต้นขึ้นในปี 2017 โดยจุดประสงค์ของมันคือเพื่อทำการศึกษาและทดสอบความสามารถในระบบป้องกันตัวเองของโลก คำถามที่เป็นศูนย์กลางของ DART ก็คือ
หากเกิดมีดาวหาง หรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งเข้ามาหาโลกของเราในอนาคตเป็นไปได้ไหมที่เราจะเปลี่ยนทิศทางของมันโดยการส่งยานอวกาศเข้าชน
เป้าหมายของยาน DART คือดาวเคราะห์น้อย Dimorphos ซึ่งโคจรอยู่รอบดาวเคราะห์น้อย Didymos อีกที มันมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 160 เมตร
พวกมันทั้งสองโคจรรอบดวงอาทิตย์ไปด้วยกัน โดยจะโคจรครบรอบทุก ๆ 2 ปี วงโคจรของพวกมันกินพื้นที่กว้างจากช่วงที่เลยดาวอังคารไป จนกระทั่งช่วงที่เข้ามาใกล้โลก หรืออย่างน้อยก็ใกล้หากเทียบกับระยะห่างในอวกาศ เพราะในตอนที่ยาน DART พุ่งเข้าชน มันยังคงอยู่ห่างจากโลกกว่า 11 ล้านกิโลเมตร
1
วงโคจรของดาวเคราะห์น้อย Didymus
เนื่องจากเป้าหมายคือการพุ่งเข้าชน บนยาน DART จึงไม่จำเป็นที่จะต้องการเครื่องมืออะไรมาก โดยเครื่องมืออย่างเดียวที่ยานลำนี้มีคือกล้อง DRACO ที่ถูกใช้ในการถ่ายภาพเพื่อแยกแยะระหว่างดาวเคราะห์น้อยทั้งสอง ให้ยานเข้าปะทะได้อย่างถูกต้อง
และแม้ว่าการปะทะจะเกิดขึ้นไกลจากโลกออกไปกว่า 11 ล้านกิโลเมตร แต่ภาพเหล่านั้นก็สามารถถูกส่งมาได้ภายในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีสุดท้ายของยาน
ภาพจากกล้อง Draco ในช่วงวินาทีสุดท้าย
ภาพสุดท้ายจากกล้อง DRACO
ภาพสุดท้ายจากกล้อง DRACO ถูกถ่ายในขณะที่มันอยู่ห่างจากดาวเคราะห์น้อยเพียง 6 กิโลเมตร ในตอนนั้นยาน DART กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วกว่า 22,530 กม./ชม. หรือเร็วกว่ากระสุนถึง 9 เท่า ในวินาทีต่อมาได้เกิดการปะทะขึ้น สัญญาณภาพที่ถูกกลับมาจึงถูกตัดขาด
ผมอยู่ที่แล็บนี้มาหลายปีแล้ว ผมมีส่วนร่วมในหลายภารกิจ—หลายความสำเร็จ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่ได้เห็นสัญญาณขาดหายไป
Dr. Ralph Semmel, ผู้อำนวยการสถาบัน Johns Hopkins APL
นอกจากภาพจากยานเองแล้ว ยังมีกล้องโทรทรรศน์ของ ATLAS Project โครงการความร่วมมือระหว่าง NASA กับมหาวิทลัยฮาวาย ที่ได้ถ่ายภาพช่วงเวลาที่ยาน DART ได้เข้าปะทะกับดาวเคราะห์น้อยเอาไว้ ทำให้เราได้เห็นจุดปะทะ และเศษซากที่แตกกระจายออก
ภาพจาก ATLAS Project
แต่ใช้ว่าเราจะไม่ได้เห็นภาพถ่ายที่ชัดเจนกว่านี้อีกแล้ว 15 วันก่อนการปะทะ ยาน DART ได้ปล่อยกล้องที่มีขนาดพอ ๆ กับเครื่องปิ้งขนมปังในชื่อ LICIACube ที่ถูกสร้างโดยองค์การอวกาศอิตาลีเพื่อเก็บภาพโดยใกล้ชิด
ภาพจาก LICIACube
และยังคงมีภาพจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ และกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กล้องทั้งสองถ่ายภาพ ณ จุดเดียวกันในอวกาศ
ภาพจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล
ภาพจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์
วงโคจรที่เปลี่ยนไปของดาวเคราะห์น้อยจะถูกวัดอย่างแม่นยำจาก
กล้องโทรทรรศน์บนโลกโดยต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามอาทิตย์
ในขณะนี้นักวิจัยได้คาดการณ์ไว้ว่าวงโคจรของดาวเคราะห์น้อย Dimorphos จะช้าลงไปประมาณ 1% หรือประมาณ 10 นาที สามารถเห็นได้จากเส้นสีน้ำเงิน
2
วงโคจรของ Dimorphos
ทั้ง Dimorphos และ Didymos จะถูกสำรวจอีกครั้งอย่างละเอียดในระยะเวลา 4 ปีโดยองค์การอวกาศยุโรป พวกเขาจะโฟกัสที่หลุมที่เกิดขึ้นจากยาน DART เพื่อให้รู้ว่าเราสามารถส่งผลต่อมันได้เท่าไรกันแน่
1
และถ้าเกิดมีเส้นทางของดาวเคราะห์น้อยที่ตัดกับโลก เราจะมีโอกาสหยุดมันได้เท่าไรกันเชียว
โฆษณา