ซึ่งการที่ตั้งเป้าหมายคู่กันแบบนี้จะทำให้องค์กรและบรรดาผู้บริหารได้รู้ว่าต้องไปทำคู่กันพร้อมๆ กับการดำเนินธุรกิจ และจากวันนั้นที่ถูกขับออกจาก Global Compact มาวันนี้ก็ทำให้ ซีพี กรุ๊ป ได้อยู่ในกลุ่มท็อป 38 ของบริษัทที่ยั่งยืนของโลกในกลุ่ม Global Compact leading company แล้ว
อย่างไรก็ตาม นี่ยังเป็นเพียงแค่ตัวชี้วัดด้านเดียวเท่านั้น เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราคุยกันเรื่อง Neutral Carbon 2030 และ Zero waste 2030 ในอาณาเขตบริเวณของการดำเนินธุรกิจเรา แต่เมื่อไม่นานมานี้ ประเด็นที่คุยไปถึงขั้น Net Zero แล้ว (ไม่ใช่แค่ลดคาร์บอน แต่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์) ซึ่งหมายความว่าตลอดห่วงโซ่อุปทาน ถ้าเราปล่อยคาร์บอนออกมาเท่าไร
เราก็ต้องชดเชยในปริมาณเท่ากัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราตั้งเป้าหมายเหมือนกันของปี 2050 ซึ่งการตั้งเป้าหมายในชีวิตหรือในองงค์กรนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่และท้าทายว่า บริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยวัตถุประสงค์ที่ดีต่อส่วนรวม ย่อมเป็นองค์กรที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง เรียกว่าเป็นความท้าทายในอีก 27 ปี ที่เราจะมุ่งไปสู่การเป็น Net zero
ขณะที่หัวข้อใหม่ที่ทางบริษัทได้ให้ความสำคัญในตอนนี้เกี่ยวกับ Sustainability คือเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change และได้ประกาศนโยบาย Net Zero ในปี 2050 ซึ่งถือเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ แต่ข้อดีของการทำเรื่องเหล่านี้คือเรื่องของ Innovation
เรื่อง Sustainability สำหรับในธุรกิจของ TU ถือเป็น License to Operate ถ้าไม่ทำเรื่องนี้จะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ อีกทั้งยังเป็นความต้องการของคู่ค้าของเราทั้งหมดที่ต้องการเห็นเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง