6 ต.ค. 2022 เวลา 03:05 • ปรัชญา
“ผู้ปฏิบัติธรรมที่จะมีความก้าวหน้าในธรรมนั้น ต้องรู้จักโอปะนะยิโกน้อมเข้ามาดูที่ตัวของเราเอง
การส่งจิตออกไปดูข้างนอกมันไม่ถูกเส้นทางของธรรมะ ให้น้อมเข้ามาดูที่กายที่ใจของเราเอง มาดูว่าเราอยู่ในร่องรอยของศีลของธรรมหรือไม่ จิตใจของเรามีความมุ่งมั่นต่อความเป็นผู้ทรงอรรถทรงธรรมหรือไม่ ให้พากันกลับมาพิจารณาตัวเองดู
เมื่อพิจารณาตรวจตราดูแล้วหากมีส่วนใดที่ยังขาดตกบกพร่อง เราก็ต้องรีบละรีบแก้ไขตัวเองเสีย อย่าใช้ทิฐิมานะความดื้อรั้นดันทุรังของเรา มาปิดบังการประพฤติปฏิบัติของพวกเรา
เพราะหากสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในบุคคลใดแล้ว มันมีแต่จะเหยียบย่ำให้บุคคลนั้นจมลงจนถึงนรกอเวจีได้ เพราะฉะนั้นพวกเราต้องละทิฐิมานะพวกนั้นออกไปให้ได้
จากนั้นก็น้อมเข้ามาตรวจตราดู สิ่งใดที่มันเป็นไปในร่องรอยของศีลของธรรมเป็น
ไปตามปฏิปทาของครูบาอาจารย์ เราก็ต้องรักษาสิ่งนั้นไว้ให้เหนียวแน่นให้มั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อเป็นแบบอย่างต่ออนุชนรุ่นหลังของพวกเรา ที่จะเจริญรอยตามแบบพวกเราได้อย่างถูกต้อง
ถึงแม้พวกเราจะขึ้นชื่อว่าเป็นชาววัดอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องให้ผู้ที่จะเข้ามาอยู่ในวัดรุ่นต่อ ๆ ไป เขาสามารถดูเราแล้วเอาไปเป็นแบบอย่างได้ และต้องเป็นแบบอย่างที่ถูกต้องตามหลักธรรมหลักวินัย
และถูกต้องตามหลักปฏิปทาของครูบาอาจารย์ด้วย เมื่อผู้ที่เขาได้แบบอย่างที่ถูกต้องของพวกเราไป แล้วพวกเขาได้เดินตามรอยของพวกเรา เขาก็จะเดินไปแนวทางที่ถูกต้องและก้าวหน้า แล้วสร้างความประเสริฐขึ้นมาแก่ตัวของเขาเองได้ อันนี้เป็นสิ่งที่พวกเราต้องพิจารณากันให้มาก
พวกเราต้องรู้จักปรับปรุงตัวเองให้พร้อมที่จะเป็นแบบอย่างแก่อนุชนรุ่นหลัง ที่เขาจะเข้ามาดูมาศึกษาและเรียนรู้จากพวกเราเพื่อเป็นต้นแบบต่อไป ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วความเป็นสิริมงคลมันก็จะเกิดขึ้นมาในชีวิตของพวกเรา และต่อบุคคลที่จะเจริญรอยตามพวกเราขึ้นมา แล้วทุกคนจะได้รับความร่มเย็นความประเสริฐจากการประพฤติปฏิบัติธรรมกันอย่างแน่นอน
ธรรมะของพระพุทธเจ้าล้วนแต่ให้ความสุขและความประเสริฐต่อบุคคลที่น้อมนำไปประพฤติปฏิบัติตาม ถ้าพวกเราตั้งมั่นลงไปในหลักธรรมหลักวินัยแล้ว เราก็ควรที่จะมุ่งหน้าในการอบรมศึกษาประพฤติปฏิบัติธรรมเสียตั้งแต่เสียบัดนี้ แล้วชีวิตของเราก็จะไม่มีความเนิ่นช้า ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจเข้าออกแล้ว ก็ยังไม่ช้าต่อการ
ประพฤติปฏิบัติธรรม เพราะการประพฤติปฏิบัติธรรมนั้นอาศัยลมหายใจเข้าออกมาเป็นเครื่องมือ ถ้าหมดลมหายใจเข้าออกแล้ว ถึงแม้อยากจะประพฤติปฏิบัติธรรมมากขนาดไหน ก็ไม่สามารถที่จะประพฤติปฏิบัติธรรมได้ แต่ในขณะที่เรายังมีลมหายใจเข้าออกอยู่ เราก็มีความพร้อมที่จะประพฤติปฏิบัติได้
เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ควรเป็นผู้ประมาทนอนใจ เพราะลมหายใจเข้าออกเป็นสิ่งที่เปราะบางอย่างยิ่ง เราหายใจเข้าก็มีโอกาสที่จะหายใจออกไม่ได้อยู่ตลอดเวลา เราหายใจออกก็มีโอกาสที่จะหายใจเข้าไม่ได้อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็ควรที่จะไม่ประมาทนอนใจ ให้รีบเร่งทำปัจจุบันนี้ให้มาเป็นประโยชน์ต่อตัวของเราเองให้ได้ รีบเร่งขวนขวายศึกษาแล้วนำมาประพฤติปฏิบัติประกอบความพากเพียรขึ้นมา ก็ขอให้ทุกท่านทุกคนน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติตามกัน”
พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
โฆษณา