6 ต.ค. 2022 เวลา 03:30 • ปรัชญา
อวิชชา
ท่านสาธุชนทั้งหลายและบรรดาภิกษุสามเณรทั้งหลาย สำหรับวันนี้ก็ขอพูดเรื่องสรุปในการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าจะว่ากันก็ถือว่าเป็นการสอนในขั้นจบ เพราะว่าการศึกษาพระกรรมฐานของบรรดาท่านทั้งหลาย ถ้าจะสร้างแบบสร้างแผนกันเรื่อยไป ความจบในการสร้างแบบมันก็ไม่มี แต่ทั้งนี้ไม่มีอะไรมาก นอกจาก
ว่าการศึกษาพระกรรมฐานเราต้องการตัดอวิชชา คือความโง่ แล้วก็สร้างวิชชาให้เกิดขึ้น
ฉะนั้น การแนะนำในการนี้ จึงถือว่าเป็นการแนะนำขั้นสุดท้าย สำหรับเสียงตามสายที่ท่านเจ้าหน้าที่จัด เวลาหัวค่ำให้เปิดติดต่อกันไป คือในหมวดของพระกรรม
ฐานที่สร้างขึ้นใหม่ เป็นแบบหมวดผสม แล้วก็ต่อด้วยหมวด ที่กล่าวต่อไปนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการเรียนขั้นต้น และจนกระทั่งถึงวาระจบ จะได้ฟังกันอยู่ในขอบเขตเป็นเครื่องพิจารณา ถ้าหากว่าเราจะเปิดกันทุกอย่าง นักปฏิบัติไม่สามารถที่จะปฏิบัติให้เข้าถึงจุดได้
วันนี้จะให้ท่านรู้จักคำว่าอวิชชา และก็วิชชา อวิชชานี่ท่านแปลว่าไม่รู้ และก็ขอโปรดทราบคำว่าไม่รู้ในที่นี้ ไม่ใช่หมายความว่าไม่รู้อะไรเสียทั้งหมด ความจริงคนและสัตว์เกิดมาย่อมมีความรู้ เช่นรู้หิว รู้ร้อน รู้กระหาย รู้จักพ่อ รู้จักแม่ รู้จัก
กิจการงาน รู้จักปวดอุจจาระ รู้จักปวดปัสสาวะ เป็นต้น เป็นอันว่าคนเรามีความรู้ แต่ว่าสำหรับคำว่าอวิชชาที่ว่าไม่รู้นี่ มีขอบเขตจำกัด คือว่าไม่รู้ที่สุดของความทุกข์ หมายความว่าไม่รู้จักหาเหตุที่ทำทางให้เกิดแห่งความทุกข์ ท่านเรียงไว้อย่างนี้ คือ
๑. ไม่รู้จักทุกข์
๒. ไม่รู้จักเหตุให้เกิดทุกข์
๓. ไม่รู้จักความดับทุกข์
๔. ไม่รู้จักทางให้ถึงความดับทุกข์
๕. ไม่รู้จักอดีต
๖. ไม่รู้จักอนาคต
๗. ไม่รู้จักทั้งอดีตทั้งอนาคต
๘. ไม่รู้จักปฏิจจสมุปบาท
นี่เป็นอันว่าอวิชชาที่เรียกว่าไม่รู้นี่มีขอบเขตถือตามนี้ รวมความว่าไม่รู้ทุกข์ และก็ไม่รู้เหตุแห่งความดับทุกข์ นี่เป็นเรื่องสำคัญ และก็สำหรับคำว่า วิชชา แปลว่า ความรู้ ในด้านวิชชาที่เรียกกันว่าความรู้นี้ ท่านเรียงไว้อย่างนี้ คือ
๑. วิปัสสนาญาณ ญาณอันนับเข้าในส่วนแห่งวิปัสสนา คือการรู้แจ้งเห็นจริง ตามความเป็นจริง วิชชาน่ะรู้คือยอมรับ คือยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง นี่เป็นความรู้หนึ่ง
๒. รู้ มโนมยิทธิ คือ สามารถสร้างฤทธิ์ทางใจได้อย่างตามที่พวกเราปฏิบัติหรือประพฤติกัน
๓. รู้ อิทธิฤทธิ สามารถแสดงฤทธิ์ได้
๔. รู้วิชชาทำให้เกิด ทิพโสตญาณ คือ หูทิพย์
๕. รู้ เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดรู้ใจคนอื่น
๖. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถที่จะหาทางให้รู้การระลึกชาติได้
๗. ทิพจักขุญาณ ทำตาทิพย์ให้เกิด
๘. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้นไป
เป็นอันว่ารู้คำว่าวิชชา ๘ ประการนี้ ความสำคัญที่สุดคือรู้จักทำอาสวักขยญาณให้สิ้นไป คือทำกิเลสให้สิ้นไปนั้นเอง รวมความว่าวิชชาหรืออวิชชาท่านก็รู้แล้ว ขอย้อนอีกครั้งหนึ่ง อวิชชานี่ที่ว่าไม่รู้ก็เพราะว่าไม่รู้จักทุกข์ ไม่รู้จักเหตุให้เกิดทุกข์ ไม่รู้จักความดับทุกข์ ไม่รู้จักหาทางถึงความดับทุกข์ ไม่รู้จักอดีต ไม่รู้จักอนาคต ไม่รู้ทั้งอดีตและอนาคต ไม่รุ้จักปฏิจจสมุปบาท
จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๒๗ หน้าที่ ๑๑๙ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
โฆษณา