8 ต.ค. 2022 เวลา 02:39 • หนังสือ
!! Sponsored Review !!
#ผมฆ่าผมโกหก จาก น้ำพุสำนักพิมพ์ เล่มนี้จัดได้ว่าเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่แฟนพันธุ์แท้นิยายสืบสวนต้องไม่พลาด ในเนื้อหามีหลากหลายประเด็นที่ชวนคิด เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ต่างๆมากมาย สนุกจนแทบไม่อยากวาง เป็นหนึ่งในหนังสือสืบสวนไม่กี่เล่มที่รู้สึกว่าถ้าให้อ่านอีกรอบก็ยังคงสนุกอยู่ดี
เรื่องนี้เล่าถึง “โจ ทัลเบิร์ต” นักศึกษาหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องทำรายงานวิชาชีวประวัติส่งอาจารย์ เขาเดินทางไปศูนย์พักพิงผู้สูงวัยโดยหวังว่าจะมีใครสักคนที่ช่วยให้เขาทำการบ้านเสร็จได้ แล้วโจก็ได้พบกับ “คาร์ล ไอเวอร์สัน” ชายแก่ใกล้ตายที่เป็นฆาตกรฆ่าข่มขืนเด็กสาวอายุสิบสี่เมื่อ 30 ปีก่อน คาร์ลถูกปล่อยตัวออกมาใช้วาระสุดท้ายของชีวิตนอกคุก และเขายินดีที่จะเล่าเรื่องของเขาให้โจฟัง เรื่องเล่าที่เปรียบดั่งคำให้การของคนใกล้ตาย เรื่องเล่าที่จะบอกโจว่าในวันนั้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
บอกตรงๆว่าอ่านตอนแรกแทบถอดใจเพราะช่วงปูเรื่องมันค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย โจ ทัลเบิร์ตเป็นตัวละครที่ครอบครัวของเขามีปัญหา เขามีน้องชายเป็นออทิสติกและมีแม่เป็นคนขี้เหล้าเสเพล ระหว่างอ่านคือรู้สึกอึดอัดแทนโจเลยจริงๆ แต่ว่าพอเข้าสู่ช่วงเสาะหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในอดีตก็คือสนุกมาก อ่านเพลินสุดๆ จิ๊กซอว์แต่ละชิ้น ความไม่สมเหตุสมผลของเหตุการณ์หลายๆอย่างเริ่มถูกนำมาวางต่อกันเป็นรูปเป็นร่าง แถมการหักมุมในช่วงท้ายก็ชวนลุ้นระทึกมาก ซัดยาวรวดเดียวจบไปเลย
สำหรับเราเรื่องนี้มันมีเสน่ห์น่าดึงดูดตรงที่ตัวเอกเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาแต่จับพลัดจับผลูได้ไปคุยกับนักโทษในคดีสุดโหดเมื่อหลายสิบปีก่อน เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคำบอกเล่าจากปากของชายแก่คนนี้จะเชื่อถือได้แค่ไหน ในเมื่อหลักฐานและพยานแวดล้อมแทบทุกอันที่ใช้ในชั้นศาลตอนนั้นก็ชี้มาที่คาร์ล คาร์ลอาจจะโกหกเขา หลอกใช้เขาก็ได้ แล้วต่อให้คาร์ลบริสุทธิ์จริง โจจะทำอะไรได้กับคดีที่ผ่านมานานขนาดนี้
เอาจริงๆเรื่องนี้สะท้อนถึงความชุ่ยของกระบวนการยุติธรรมชัดมากเลยนะ คือหลายๆครั้งคนบริสุทธิ์ที่ถูกสังคมตัดสินไปแล้วว่าผิดก็ไม่มีโอกาสหรือพื้นที่ให้พวกเขาแก้ตัวเลย ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ทำงานไปแบบส่งๆ เหมือนถ้าหลักฐานหลายๆอย่างบ่งชี้ไปที่คนคนหนึ่ง แทนที่จะพิสูจน์หาความเป็นไปได้อื่นๆ ก็แค่เสริมๆแต่งๆหลักฐานทุกอันให้มันสามารถสรุปไปได้เลยว่าคนนั้นผิดจริง คดีจะได้ปิดไปได้สักที
ส่วนบรรดาคณะลูกขุนหรือผู้พิพากษาเองก็เป็นแค่คนธรรมดาที่ถูกอารมณ์ความรู้สึกชักนำความคิด พอเจออัยการที่สร้างบรรยากาศเก่งๆเข้าหน่อย หลักตรรกะก็พังพินาศไปหมด ความสงสารเห็นใจนั้นเป็นเรื่องดี แต่ถ้าผู้ตัดสินมีให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากไป ผลการตัดสินที่ออกมาก็จะไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองที่เป็นกลางแบบที่ควรจะเป็น นั่นก็เพราะในใจของพวกเขาตีตราคนตรงหน้าไปแล้วว่าผิดจริง เหล่านี้คือช่องโหว่ที่อันตรายของระบบที่มีหน้าที่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคน
อีกประเด็นที่เรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาคือเรื่องความรู้สึกผิดต่อบาปที่ตนเองก่อ แม้ว่าบาปนั้นจะกระทำโดยที่ไม่มีใครรู้เห็นก็ตาม คนที่จมอยู่กับความรู้สึกนี้จะหาวิธีลงโทษตัวเองในแบบที่เขาเห็นว่าสมควรเพื่อให้ตัวเขาหลุดพ้นจากทุกข์ทรมานที่คอยหลอกหลอนนี้เสียที บ้างก็อาจจะตั้งคำถามถึงทางเลือกอื่นๆซ้ำไปซ้ำมา นึกสงสัยว่าถ้าตอนนั้นเขาเลือกทำอีกอย่างผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร หรือไม่ก็ฝังกลบความรู้สึกนี้ให้ลึกสุดใจและแกล้งลืมไปเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น
…ที่นี่คือสวรรค์ของเรา เราอยู่ท่ามกลางสิ่งมหัศจรรย์ของชีวิตในทุกๆวัน สิ่งมหัศจรรย์เหนือความเข้าใจที่เรามองข้ามไป
คาร์ล ไอเวอร์สัน
นี่เป็นข้อความที่คาร์ลบอกแก่โจ บทเรียนที่เขาได้รับจากการนั่งๆนอนๆอยู่ในคุก 30 ปี ประโยคสั้นๆประโยคนี้ส่งเสียงเตือนให้เราทุกคนตระหนักถึงชีวิตในปัจจุบันของเรา ชีวิตที่เราไม่รู้ว่าจะมีเวลาเหลืออยู่อีกเท่าไหร่ หากทุกวันนี้เราดำเนินชีวิตโดยหวังว่าจะได้ไปเสวยสุขในโลกเบื้องหลังความตาย แล้วถ้าโลกเหล่านั้นไม่มีจริง ถ้าการตายเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่เราจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบที่เราวาดหวังไว้
ยังมีอีกหลายอย่างที่อยากเขียนมากๆแต่แค่นี้ก็เหมือนจะสปอยล์เกินไปแล้ว 55555 ต้องลองอ่านแล้วจะรู้ว่าทำไมเราถึงชอบหนังสือเล่มนี้
โฆษณา