สหรัฐกดดันซาอุ 60 ดอลลาร์ แต่รัสเซียดิ้นรนหนีเงื่อนไขของ EU เพื่อกลุ่ม OPEC+
Alexey Gromov ผู้อำนวยการทิศทางพลังงานของสถาบันพลังงานและการเงินรัสเซีย ชี้ว่าตามที่สหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อกำหนดราคาเพดานสูงสุดสำหรับการขายน้ำมันรัสเซียให้กับประเทศที่สามนั้น
สำหรับประเทศรัสเซียนั้น ไม่มีประเด็นคาใจมาก เพราะว่าเพดานราคาน้ำมันที่เสนอ ไม่เกิน 60 ดอลลาร์ต่อบาเรลนั้นสูงกว่าต้นทุนการผลิตน้ำมันในรัสเซียอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแตกต่างกันไปตั้งแต่ 7 ถึง 20 ดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับแหล่งผลิต
และแท้ที่จริงแล้ว มันเกือบจะเข้าใกล้ราคาที่รัสเซียขายน้ำมันในตลาดโลกตอนนี้ด้วย ด้วยส่วนลด 20 ดอลลาร์และราคาน้ำมัน 90 ดอลลาร์ เพราะเราขายน้ำมันที่ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แต่ในทางกลับกันการตกลงตามหลักการเกี่ยวกับเพดานราคาโดยไม่คำนึงถึงราคานั้นเป็นสิ่งที่อันตราย และนี่เป็นอันตรายไม่เพียง แต่สำหรับรัสเซียเท่านั้น แต่สำหรับผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นด้วย
นั้นหมายถึง หากเราตอบตกลงตามหลักการกับสหรัฐแล้ว นับเป็นจุดจุดสิ้นสุดของตลาดน้ำมันโลกในแง่ของราคาตลาด หากแบบอย่างนี้ถือว่า ซาอุดีอาระเบียหรือประเทศอื่นๆในกลุ่ม OPEC+ จะต้องยอมรับหลักการนี้ไปด้วย
ดังนั้นจุดยืนของรัสเซียจึงมีลักษณะเป็นหลักการ จะขัดต่อกฎเกณฑ์ด้านราคาตลาดเสรีน้ำมันนี้ไม่ได้
นักวิชาการพลังงาน เล่าต่อว่า นอกจากสหภาพยุโรปไม่เพียงแค่จำกัดเพดานน้ำมันเชื้อเพลิงรัสเซียเท่านั้น ยังเพิ่มเงื่อนไขใหม่เข้าไปอีก
คุณสมบัติใหม่อีกประการของมติที่ 8 ที่ถือได้ว่าเป็นรูปแบบของการลงโทษที่หนักหนาสาหัสเหมือนกันสำหรับรัสเซีย นั้นก็คือ ข้อจำกัดการขนส่งน้ำมันทางทะเลของรัสเซีย
สหภาพยุโรปประกาศว่า ราคาของสัญญาซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงรัสเซีย โดยกำหนดเพดานราคาอยู่ที่ไว้ไม่เกิน 60 ดอลลาร์ต่อบาเรล แต่ถ้าสำหรับการซื้อเกินกว่าสหภาพยุโรปกำหนด
โดยเฉพาะเรือบรรทุกน้ำมันจากประเทศที่สามหรือประเทศในยุโรปก็ตาม จะไม่ได้รับอนุญาตในการให้บริการด้านเทคนิค การเงิน การทำประกันภัย และบริการอื่นๆ แก่เรือบรรทุกน้ำมันที่มีปัญหาเหล่านี้เลย
นักวิชาการ อ้างแหล่งข่าวทางการทูต ไซปรัส กรีซ และมอลตา ทั้งสามประเทศนี้ มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมการเดินเรือของพวกเขา เพราะทุกวันนี้บริษัทต่างๆที่สั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงรัสเซีย ใช้บริการพวกเขาอยู่
ถ้าบริษัทรัสเซียไม่ได้ใช้บริการขนส่งของพวกเขาต่อไป เนื่องจากการกำหนดเพดานราคาน้ำมันเชื้อเพลิงรัสเซีย ซึ่งอาจจะหมายถึงพวกเขาอาจจะสูญเสียกิจการหรือล้มลาย อันเนื่องมาจากพวกเขาไม่สามารถชำระหนี้ได้อีกต่อไป
แต่อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์รายงานว่า ประเทศรัสเซีย พยายามดิ้นรนหาหนทางรอดในธุรกิจน้ำมันต่อไปเพื่อมิตรประเทศของพวกเขา
โดยเฉพาะ Rosneft บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัสเซียพยายามจัดตั้งธุรกิจการให้เช่าเหมาลำเรือบรรทุกน้ำมัน เพื่อจัดส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับลูกค้า
เดิมก่อนการคว่ำบาตรนั้นบริษัท Rosneft จะขายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบราคา FOB โดยเสนอขายน้ำมันที่ท่าเรือที่กำหนดไว้
เวลาเดียวกันที่ผู้ซื้อจะต้องเช่าเหมาเรือบรรทุกน้ำมันพร้อมทั้งจ่ายค่าประกัน และค่าขนส่ง โดยจะต้องมารับน้ำมันจากท่าเรือที่กำหนดไว้เอง
แต่ด้วยเหตุผลที่สหภาพยุโรปห้ามรับประกันภัยเรือบรรทุกน้ำมันที่มีราคาน้ำมันเกินกว่าเพดานคือ 60 ดอลลาร์ต่อบาเรล ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธันวาคม 2022
บรรดาลูกค้าของ Rosneft เกิดจึงความไม่มั่นใจว่า พวกเขาจะจัดเช่าเรือบรรทุกน้ำมันครอบคลุมค่าประกันและค่าขนส่งได้
นักวิขาการกล่าวว่า บริษัท Rosneft จึงมีความจำเป็นจะต้องให้บริการเช่าเรือบรรทุกน้ำมัน ที่ครอบคลุมค่าประกันกัย ประกอบกับมีการจัดตั้ง บริษัท ประกันภัยต่อยูเรเซียน (EPC) โดยจะเริ่มดำเนินการในปี 2023
โดยบริษัทนี้ให้บริการสินเชื่อเพื่อการส่งออก รับประกันต่อบุคคล และรับประกันภัยต่อทุกประเภท เช่น ประกันภัยทางทะเล และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถชำระค่าบริการต่างๆด้วยเงินรูเบิลได้อีกด้วย
สื่อ RT รายงานว่า รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ โนวัค เสนอให้สหรัฐ ตั้งราคาเพดานก๊าซธรรมชาติ ที่ส่งให้ประเทศในยุโรปด้วย เพราะมันแพงถึง 4 เท่า ของราคาก่อนการคว่ำบาตรรัสเซีย รวมถึงรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศส ฝากมาถามเรื่อง American LNG ว่า เมื่อไรจะลดราคาลงเสียที
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
