28 ต.ค. 2022 เวลา 08:54 • ความคิดเห็น
เรื่องของความเกลียด ..กว่าที่คนเราจะรู้สึก ไปถึงอารมณ์เกลียดอารมณ์ชังได้ มันก็ล้วนเริ่มจากอารมณ์ไม่ชอบใจไม่พอใจ ที่เราเกิดไปมีอารมณ์ไม่ชอบคนนี้ เค้ากวนออกกวนใจ ทำให้เราว้าวุ่นบ่อยๆ ทำให้เราไม่สบายใจ หงุดหงิดโมโห ..กับคนนั้นคนนี้ หรือ คนที่มาขอ ขอยืมตัง ยืมแล้วไม่ใช้ เจอหน้าก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ บ้างก็หลบหน้า ..มันก็เกิดเป็นอารมณ์โกรธเกลียดขึ้นมา อภัยให้ไม่ได้ เหมือนกับ คนที่ยืมตังเราไปแล้วไม่ยอมใช้หนี้นี่แหละ เรื่องราวของการให้อภัยจึงยากลำบากใจ (เพราะจิตเรามันยึดวัตถุ ยึดกรรมที่เหนื่อยไปหามา)
1
เมื่อใครมัด คอยตำหนิติเตียน ขัดคอขัดขวาง ขัดแข้งขัดขาเรา ทำบ่อยๆ ความไม่พอใจ มันก็สะสมไปเรื่อย นับไปไม่รู้กี่หนที่ อารมณ์ไม่พอใจไม่ชอบใจเกิดขึ้น มันทาสีดำทับลงไปที่จิตเราเรื่อยๆ มันก็เกิดเป็นความเกลียดชัง ในสีดำ ..บันทึกเรื่องราวคล้องเวรกรรม กับคนคนนั้น ..มันก็บอกสีดำนั้นออกไปจากใจเรายากเย็น..ที่จะเกิดเป็นอโหสิกรรม
การให้อภัย เรื่องความเกลียดชัง นั้นต้องไปทำความเข้าใจเรื่อง เจ้ากรรมนายเวร เหมือนเราเคยคล้องกรรมกันมา แต่อดีตพอเจอกัน กรรมอดีตที่ใช้กายวาจาใจไม่ดีต่อกัน ไม่รู้ว่าเรืรองราวอารมณ์ จนกลายเป็นความสะสมจองเวรกัน เจอกัน ก็ต้องมีเรื่องไม่ค่อยลงรอยกัน ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็หมั่นทำบุญทำทาน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้จิตของเรา พ้นจากอารมณ์เกลียดชัง ที่พาไปยึดคล้องเวรกรรม กับเค้า
เราทำบุญ เพื่อคลี่คลายอารมณ์กรรม นั่นออกไป เพื่อที่เราจะได้มีการปลดปล่อยอารมณ์ที่นำพาเราไปเกลียดชังเค้า ..อารมณ์เกลียดมันเกิดที่เรา เรากสร้างบุญกุศลให้เกิดขึ้น เพื่อจะได้ช่วยหนุนนำจิตของเรา ให้ละเรื่องราวเหล่านี้ไป ..
แล้วเรื่องราวของการประพฤติปฏิบัติธรรม เดินยืนนั่งนอน ด้วยจิตเป็นสมาธิ ก็ช่วยให้เกิดเป็นบุญกุศล เราทำเสร็จปฏิบัติธรรม เรียบร้อย เราก็อธิษฐานให้บุญกุศลที่เกิดขึ้น ส่งต่อให้เจ้ากรรมนายเวร ขอให้เกิดเป็นการอโหสิกรรม ยุติการคล้องเวรกรรมกับเรา ..
โฆษณา