30 ต.ค. 2022 เวลา 02:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มเอไอ ไอโอทีและคลาวด์ เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนธุรกิจ
หุ้นกลุ่มเอไอ ไอโอทีและคลาวด์ คือธุรกิจที่ดำเนินอยู่บนเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพและลดต้นทุนให้กับภาคธุรกิจไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม จึงทำให้เทคโนโลยีดังกล่าวมีการเติบโตในระดับสูง
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
เอไอหรือปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) คือเทคโนโลยีที่สามารถทำให้คอมพิวเตอร์สามารถคิดวิเคราะห์และตัดสินใจสิ่งต่างๆได้ด้วยตัวเองและยังสามารถที่จะพัฒนาองค์ความรู้ต่อไปได้ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานของทุกอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นการเงิน การผลิต การแพทย์ ฯลฯ วัตถุประสงค์หลักคือลดต้นทุนของการใช้ทรัพยากรมนุษย์ในการคิดคำนวนต่างๆ ซึ่งเอไอยังสามารถทำงานได้รวดเร็วกว่ามนุษย์มาก
นอกจากนี้เอไอยังเป็นหัวใจสำคัญของการนำหุ่นยนต์ (Robot) มาใช้ในการต่อยอดและพัฒนาด้านการผลิตและการบริการให้มีความสมบูรณ์แบบแทนที่มนุษย์ได้โดย Gartner Hype Cycle 2020 วิเคราะห์ว่าเอไอจะเป็นเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มเติบโตเด่นสุดในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า
บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเอไอจึงเป็นทั้งผู้รับพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมต่างๆหรือนำเอาเอไอมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจหลัก
เทคโนโลยีอินเทอร์เนต ออฟ ธิง
อินเทอร์เนต ออฟ ธิง (Internet of Things) หรือ IoT คือการทำให้อุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์ต่างๆสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เนตได้ซึ่งทำให้สามารถมีการทำงานที่หลากหลายและอัจฉริยะมากขึ้น
ตัวอย่างเช่นอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านที่สามารถสั่งการได้ด้วยอินเทอร์เนตรวมถึง Gadget ต่างๆ นอกจากการใช้งานระดับ User ทั่วไปแล้วยังสามารถใช้งานในระดับภาคการผลิตหรืออุตสาหกรรมได้อีกด้วย
ข้อมูลจาก Fortune Business Insights ระบุว่า มูลค่าตลาดไอโอทีทั่วโลกจะเติบโตจาก 478,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 เป็น 2.465 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2572 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย +26.4% ต่อปี
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมไอโอทีเติบโตอย่างรวดเร็วคือความต้องการในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการลดต้นทุนการผลิตรวมถึงความเร็วในการใช้อินเทอร์เนตที่มากขึ้นอย่างการพัฒนาจาก 5G สู่ 6G จะเป็นตัวเร่งทำให้ ไอโทีเติบโตได้
เทคโนโลยีคลาวด์
ในอดีตการจัดเก็บฐานข้อมูลต่างๆจะต้องเก็บใน Server เฉพาะของใครของมันทำให้เป็นต้นทุนที่องค์กรธุรกิจจะต้องแบกรับ แต่คลาวด์ (Cloud) หรือที่แปลว่าก้อนเมฆจะเป็นการนำฐานข้อมูลต่างๆไปไว้บน Server กลางของผู้ให้บริการเพื่อช่วยลดต้นทุนของภาคธุรกิจลงอีกทั้งยังทำงานได้รวดเร็วขึ้น
โดยผู้ให้บริการคลาวด์นอกจากจะให้บริการจัดเก็บฐานช้อมูลยังอาจให้บริการด้านซอฟท์แวร์อย่าง Software as a Service ควบคู่ไปด้วย ทำให้องค์กรธุรกิจไม่จำเป็นต้องพัฒนาซอฟท์แวร์เฉพาะของตัวเองมาใช้งานซึ่งเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูงแต่มาใช้งานซอฟท์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ใช้กับภาคธุรกิจต่างๆตามความเหมาะสม
รายงานการคาดการณ์มูลค่าตลาดของ Cloud Computing ทั่วโลกในช่วงปี 2022 – 2030 จาก Research and Markets คาดว่าจะเติบโตโดยเฉลี่ยราว 15.7% ต่อปี ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 1,554,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2030 จาก 483,980 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2022
ETF ที่เกี่ยวข้องกับหุ้นกลุ่มเอไอ ไอโอทีและคลาวด์
ETF ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทด้านเอไอและโรบอทคือ iShares Robotics and Artificial Intelligence Multisector ETF ที่อ้างอิงกับดัชนี NYSE FactSet Global Robotics and Artificial Intelligence Index โดยลงทุนใน 101 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับนวัตรกรรมเอไอและโรบอท
ETF ที่เกี่ยวข้องกับบริษัททางด้านไอโอทีคือ Global X Internet of Things ETF ซึ่งอ้างอิงดัชนี INDXX Global Internet of Things Thematic Index ลงทุนในบริษัทด้านไอโอทีทั้งในสหรัฐฯและจีน
ETF ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเกี่ยวกับคลาวด์คือ WisdomTree Cloud Computing Fund ที่อ้างอิงกับดัชนี BVP Nasdaq Emerging Cloud Index ที่มีทั้งบริษัทเกี่ยวกับคลาวด์และ Software as a Service (SaaS)
หุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มเอไอ ไอโอทีและคลาวด์
บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเอไอ ไอโอทีและคลาวด์ ส่วนใหญ่จะยังเป็นบริษัทขนาดกลางเนื่องจากยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ทำให้อายุของกิจการยังเริ่มต้นได้ไม่นานมากนัก แต่ถ้าเป็นบริษัทที่พอจะมีชือเสียงเป็นที่รู้จักซึ่งดำเนินธรกิจเกี่ยวกับไอโอทีก็น่าจะเป็นXiaomi ซึ่งดูภายนอกเหมือนจะผลิตแค่ Gadget และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆแต่จริงแล้วบริษัทกำลังพัฒนาไปสู่การนำไอโอทีเข้ามาอยู่ในฮาร์ดแวร์ทุกชิ้นรวมถึงเทคโนโลยี Smart Home
ขณะที่บริษัททางด้านคลาวด์และ Software as a Service ขนาดใหญ่ก็มีเช่น Shopify และ Snowflake ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟท์แวร์และคลาวด์สำหรับภาคธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วไปที่กำลังเติบโต
อนาคตของหุ้นกลุ่มเอไอ ไอโอทีและคลาวด์
แม้อาจจะเป็นเทคโนโลยีที่ดูจับต้องและเข้าถึงยากแต่ทั้งเอไอ ไอโอทีและคลาวด์ สามารถถูกใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของทุกอุตสาหกรรมและทุกธุรกิจ โดยที่ผู้ใช้งานท่วไปอาจไม่ต้องปรับตัวอะไรมากนักแต่แบรนด์หรือกิจการต่างๆจะต่อยอดจากผู้พัฒนาเทคโนโลยีทั้งสามมาให้ลูกค้าเป็นผู้ใช้งานที่ง่ายขึ้น ตลอดจนตัวเลขการลงทุนในเทคโนโลยีทั้งสามเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวโน้มการเติบโตยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามหากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงอาจนำไปสู่การปรับลดงบประมาณในการลงทุนเทคโนโลยีเหล่านี้ลงได้เช่นกัน รวมถึงการที่ต้องใช้งบประมาณวิจัยและพัฒนาเป็นจำนวนมากอาจเป็นความเสี่ยงของบริษัทเหล่านี้หากเม็ดเงินที่ได้ลงทุนไปไม่สามารถที่จะเก็บเกี่ยวรายได้ได้
จุดแข็ง
** ทั้งสามเทคโนโลยีมีแนวโน้มเป็นโครงสร้างพื้นฐานของทุกอุตสาหกรรมจึงมีการใช้งานที่หลากหลาย
** องค์กรธุรกิจทั่วโลกมีการลงทุนในการใช้งานเทคโนโลยีทั้งสามอย่างต่อเนื่อง
จุดอ่อน
** หากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจส่งผลกระทบต่องบประมาณของกิจการต่างๆที่จะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้
** การที่ต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ค่อนข้างสูงอาจจะกระทบต่องบการเงินของบริษัทในกลุ่มนี้
หุ้นกลุ่มเอไอ ไอโอทีและคลาวด์ จึงเป็น Growth Stock ที่มีโอกาสเติบโตสูงแต่ขณะเดียวกันการที่ยังเป็นเทคโนโลยีที่ต้องมีการพัฒนาต่อเนื่อง อาจจจะเป็นความเสี่ยงในการลงทุนถ้าหากเม็ดเงินที่ได้ลงทุนไปไม่เกิดผลสำเร็จ
โฆษณา