ในอดีตการจัดเก็บฐานข้อมูลต่างๆจะต้องเก็บใน Server เฉพาะของใครของมันทำให้เป็นต้นทุนที่องค์กรธุรกิจจะต้องแบกรับ แต่คลาวด์ (Cloud) หรือที่แปลว่าก้อนเมฆจะเป็นการนำฐานข้อมูลต่างๆไปไว้บน Server กลางของผู้ให้บริการเพื่อช่วยลดต้นทุนของภาคธุรกิจลงอีกทั้งยังทำงานได้รวดเร็วขึ้น
โดยผู้ให้บริการคลาวด์นอกจากจะให้บริการจัดเก็บฐานช้อมูลยังอาจให้บริการด้านซอฟท์แวร์อย่าง Software as a Service ควบคู่ไปด้วย ทำให้องค์กรธุรกิจไม่จำเป็นต้องพัฒนาซอฟท์แวร์เฉพาะของตัวเองมาใช้งานซึ่งเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างสูงแต่มาใช้งานซอฟท์แวร์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ใช้กับภาคธุรกิจต่างๆตามความเหมาะสม
ETF ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทด้านเอไอและโรบอทคือ iShares Robotics and Artificial Intelligence Multisector ETF ที่อ้างอิงกับดัชนี NYSE FactSet Global Robotics and Artificial Intelligence Index โดยลงทุนใน 101 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับนวัตรกรรมเอไอและโรบอท
ETF ที่เกี่ยวข้องกับบริษัททางด้านไอโอทีคือ Global X Internet of Things ETF ซึ่งอ้างอิงดัชนี INDXX Global Internet of Things Thematic Index ลงทุนในบริษัทด้านไอโอทีทั้งในสหรัฐฯและจีน
ETF ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเกี่ยวกับคลาวด์คือ WisdomTree Cloud Computing Fund ที่อ้างอิงกับดัชนี BVP Nasdaq Emerging Cloud Index ที่มีทั้งบริษัทเกี่ยวกับคลาวด์และ Software as a Service (SaaS)
หุ้นที่น่าสนใจในกลุ่มเอไอ ไอโอทีและคลาวด์
บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเอไอ ไอโอทีและคลาวด์ ส่วนใหญ่จะยังเป็นบริษัทขนาดกลางเนื่องจากยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ทำให้อายุของกิจการยังเริ่มต้นได้ไม่นานมากนัก แต่ถ้าเป็นบริษัทที่พอจะมีชือเสียงเป็นที่รู้จักซึ่งดำเนินธรกิจเกี่ยวกับไอโอทีก็น่าจะเป็นXiaomi ซึ่งดูภายนอกเหมือนจะผลิตแค่ Gadget และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆแต่จริงแล้วบริษัทกำลังพัฒนาไปสู่การนำไอโอทีเข้ามาอยู่ในฮาร์ดแวร์ทุกชิ้นรวมถึงเทคโนโลยี Smart Home
ขณะที่บริษัททางด้านคลาวด์และ Software as a Service ขนาดใหญ่ก็มีเช่น Shopify และ Snowflake ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟท์แวร์และคลาวด์สำหรับภาคธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วไปที่กำลังเติบโต