31 ต.ค. 2022 เวลา 16:38 • ปรัชญา
ว่ากันว่า “คนเรามักตกหลุกรักภาพของความสำเร็จ“
คนเรามักวัดความสำเร็จกันที่ตำแหน่งงาน โรงเรียนที่จบมา จำนวนผู้ช่วย ตำแหน่งที่จอดของรถ ทุนสนับสนุนที่ได้รับ การได้รู้จักกับคนเก่งในสายงาน
เงินเดือน หรือจำนวนผู้ติดตาม
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปรากฏแก่สายตานั้นอาจะเป็นภาพลวงตาก็ได้ การมีอำนาจนั้นไม่เหมือนกับการเป็นผู้มีอำนาจ การมีสิทธิกับการเป็นฝ่ายถูกก็ไม่เหมือนกัน การได้เลื่อนตำแหน่งไม่จำเป็นต้องแปลว่าคุณกำลังทำผลงานได้ดีเสมอไป รวมถึงไม่ได้แปลว่าคุณสมควรได้เลื่อนตำแหน่ง (ซื่งในองค์กรที่มีการเลื่อนตำแหน่งให้คนไร้ความสามารถมักเรียกว่าความล้มเหลวที่เป็นผลดีต่ออาชีพการงาน) การทำให้คนอื่นประทับใจนั้นแตกต่างจากการเป็นคนที่น่าประทับใจอย่างแท้จริงโดยสิ้นเชิง
แล้วคุณละจะเลือกฝั่งไหน นี่คือสิ่งที่ชีวิตบีบให้เราต้องตัดสินใจ ต่อไปนี้ผมจะเล่าเรื่องราวตัวอย่างของ “ จอห์น บอยด์ “ ผู้ที่ถูกโลกลืม
หนึ่งในนักวางกลยุทธ์และนักปฏิบัติที่ทรงอิทธิพลที่สุดในการทำสงครามสมัยใหม่นั้น เป็นบุคคลที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินชื่อ
เขาคือ “ จอห์น บอยด์ “ เขาเป็นนักบินรบที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นครูและนักคิดที่ดีเลิศ แต่กลับไม่มีใครอ้างอิงถึงชื่อของเขา
แม้ว่าเขาจะปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่องตลอดระยะเวลา 30 ปี แต่บอยด์กลับไม่เคยได้รับการเลื่อนยศสูงกว่าระดับพันเอก
ครั้งหนึ่งเขามีส่วนร่วมในการวางแผนสู้รบของปฏิบัติการโล่ทะเลทรายในสงครามอ่าวเปอร์เซียโดยประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐโดยตั้งหลายครั้ง
วิธีการหลักในการสร้างความเปลี่ยนแปลงของเขาคืออาศัย นักเรียนทั้งหลายที่เขาเป็นพี่เลี้ยง ปกป้องดูแล สั่งสอน หรือเป็นแรงบันดาลใจให้
แต่ไม่มีฐานทัพใดที่ตั้งชื่อเป็นเกียรติให้กับเขา เรือรบก็ไม่มี เขาเกษียณอายุพร้อมกับคิดว่าจะถูกโลกลืม และไม่มีสมบัติส่วนตัวอะไรมากไปกว่า
ห้องชุดขนาดเล็กกับเงินบำนาญ แถมเขายังมีศัตรูมากกว่ามิตรอีกด้วย
ทำไมเขาถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ ? ถ้าผมจะบอกว่ามันเกิดจากความจงใจล่ะ ความจริงแล้วบอยด์เพียงแค่ดำเดินชีวิตตามบทเรียนที่เขาพยายามสั่งสอนเหล่าสาวกอายุน้อยของเขาเท่านั้น
เขารู้สึกว่าเด็กเหล่านี้มีแววและมีศักยภาพที่จะกลายเป็นอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไป ดาวรุ่งพุ่งแรงทั้งหลายที่เขาได้อบรมสั่งสอนนั้นมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกับพวกเราที่เหลือ
ถ้อยคำที่เขาได้กล่าวกับลูกศิษย์คนหนึ่งในปี 1973 เขารู้สึกได้ว่านายทหารอายุน้อยคนดังกล่าวกำลังจะมาถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตจึงเรียกตัวมาพบ ทหารคนนี้ขาดความมั่นใจและถูกโน้วน้าวใจได้ง่าย
เขาปรารถนาที่ได้จะเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งและต้องการทำผลงานให้ดี เขาเป็นเหมือนใบไม้ที่ถูกลมพัดพาไปในทิศทางใดก็ได้ บอยด์มองเห็นจุดนี้ และในวันนั้นนายทหารคนดังกล่าวก็ได้ฟังสิ่งที่บอยด์บอกกับเขา
“ พ่อหนุ่ม วันหนึ่งเธอจะเดินมาถึงทางแยก และเธอจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกว่าจะเดินไปทางไหน “
หากเลือกทางนี้ เธอจะกลายเป็นคนสำคัญ แต่เธออาจจำเป็นต้องทำสิ่งที่ขัดกับความรู้สึก และเธอจะต้องหันหลังให้กับเพื่อนของเธอ แต่เธอจะได้เป็นสมาชิกของกลุ่มพิเศษกลุ่มหนึ่ง
เธอจะได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งและได้รับมอบหมายงานที่ดีๆ......แต่เธอเลือกทางเดินอีกทางหนึ่งก็ได้ แล้วเธอจะได้ทำสิ่งสำคัญบางอย่างเพื่อประเทศชาติ เพื่อกองทัพอากาศ และเพื่อตัวเธอเอง หากเธอตัดสินใจลงมือทำ
อะไรสักอย่าง เธออาจไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ไม่ได้รับมอบหมายงานดีๆ และไม่ได้เป็นคนโปรดของผู้บังคับบัญชาอย่างแน่นอน แต่เธอจะไม่ต้องทำในสิ่งที่ขัดกับความรู้สึก เธอจะจงรักภักดีต่อเพื่อนและตัวเอง อีกทั้งงานของเธอยังอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีได้
จงเลือกว่าจะเป็นคนสำคัญหรือจะทำสิ่งที่สำคัญ ในชีวิตของคนเรานั้นมักจะมีคราวที่เราถูกขานชื่อและต้องตัดสินใจเลือกเสมอ
ทางเลือกที่บอยด์ยกมานั้นสามารถสรุปใจความได้เป็นเรื่องของเป้าหมาย เป้าหมายของคุณคืออะไร ? คุณเกิดมาเพื่อทำสิ่งใด ? เป้าหมายจะช่วยให้คุณตอบคำถาม “จะเป็นหรือจะทำ” ได้อย่างง่ายดาย
หากสิ่งที่สำคัญคือตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง การยอมรับ หรือความสะดวกสบายในชีวิต เส้นทางของคุณก็ชัดเจนแล้ว จงบอกผู้อื่นในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ยิน ตอบตกลงเลื่อนตำแหน่ง จงกัดฟันทำสิ่งที่ต้องทำให้ครบถ้วน ทุ่มเทเวลาแล้วปล่อยให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างที่เป็นอยู่ จงตามล่าชื่อเสียง เงินเดือน ตำแหน่ง แล้วมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้น
แต่ถ้าหากเป้าหมายของคุณคือการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวคุณเอง (เช่น บรรลุเป้าหมายบางอย่างหรือพิสูจน์บางอย่างกับตัวเอง) ทุกสิ่งจะทั้งง่ายขึ้นและยากขึ้นโดยทันที
ง่ายขึ้นในแง่ที่ว่าคุณจะรู้ว่าตัวเองควรทำสิ่งใดและสิ่งใดสำคัญสำหรับคุณ แต่ส่วนที่ยากขึ้นคือ โอกาสแต่ละครั้งที่ผ่านเข้ามา (ไม่ว่าจะปลื้มใจหรือดูคุ้มค่าเพียงใด) จำเป็นต้องถูกประเมินด้วยหลักเกณฑ์ที่เข้มงวด
เช่น สิ่งนี้จะช่วยให้ฉันทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้หรือไม่? สิ่งนี้จะเปิดโอกาสให้ฉันได้ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำหรือไม่? ฉันกำลังเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
เมื่อเลือกสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวคุณ คุณจะไม่สนใจว่า “ฉันต้องการเป็นอะไรในชีวิตนี้” แต่มุ่งเน้นไปที่ “ฉันต้องการทำสิ่งใดให้สำเร็จในชีวิตนี้ “
และถ้าหากใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วผมยินดีด้วยเพราะคุณกำลังเจอทางเลือกที่คุณเท่านั้นที่ตอบคำถามตัวเองได้
โฆษณา