24 พ.ย. 2022 เวลา 00:00 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อตัวเลขอายุเถลไถลมาถึงช่วงสุดท้าย ผมพบว่าชีวิตตนเองตอนนี้มีแต่ความขม
4
ตอนเช้าชงกาแฟเอสเพรสโซเข้มข้น ไม่ใส่น้ำตาล รสขมมาก
ตอนกลางวันดื่มชาเขียวเข้ม รสขมจัด
ตอนค่ำชงโกโก้ร้อน ไม่ใส่น้ำตาล รสขมเข้มข้นเช่นกัน
ระหว่างวันก็ขบ ดาร์ก ช็อคโกแลต 90 เปอร์เซ็นต์ รสขมพอประมาณ
1
เคยลอง ดาร์ก ช็อคฯ 99 เปอร์เซ็นต์ แต่คิดว่ามันเหมาะกับพวก extreme
1
masochist มากกว่า เราเป็นแค่ masochist ธรรมดา
2
ผมรู้จักนักเขียนบางคนก็ดื่มกาแฟขมๆ ไม่ใส่น้ำตาลเหมือนกัน คาดว่าความขมมีสรรพคุณรักษาโรคไส้แห้งแน่ๆ
8
แต่นักเขียนอีกคนที่ผมรู้จักชื่อ สาย ธารี ดื่มกาแฟสูตรประหลาด นั่นคือกาแฟสองช้อน น้ำผึ้งหนึ่งช้อน เขาบอกว่าชอบรสชาติของความขมที่ผสมกับความหวาน
4
เป็นสูตรสำหรับทั้งกาแฟและการใช้ชีวิต
สำหรับผมทุกวันเริ่มที่ความขม ลงท้ายที่ความขม
3
แต่อย่าเข้าใจผิดว่าเราชอบทรมานตัวเอง เพราะมันเป็นความขมที่เลือกเอง
3
ความขมในกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล หรือชาเขียวไม่ใส่นม ขมก็จริง แต่เป็นความขมที่ไม่ขื่นขม อร่อยลิ้น กินดี ไม่เชื่อก็ลองทรมานตัวเองดู เอ๊ย! ไม่เชื่อก็ลองดู
5
มองในแง่จิตวิทยา ถ้าทนความขมทั้งหมดนี้ได้ทุกวัน ความขมที่เหลือ เช่น ขับรถโดนแซง โดนเจ้านายด่า ทัวร์ลง หรือต้องซักผ้า ก็เป็นเรื่องจิ๊บจิ๊บ หลักการนี้ก็คล้ายหลัก 'พิษข่มพิษ' ของนิยายกำลังภายใน และคล้ายๆ ตำนานโกวเจี้ยนแห่งแคว้นเยว่กู้แผ่นดินโดยกินดีสัตว์ขมๆ ทุกวัน เพื่อให้ไม่ลืมความขมขื่นของการเสียเอกราช
10
นี่น่าจะบอกเป็นนัยว่า หากคิดทำการใหญ่ต้องกินของขมก่อน
5
คนที่ไม่ชอบความขมของกาแฟหรือชาเขียว เติมน้ำตาล นม โฟม กลบลงไป ท้ายที่สุดก็ต้องขม(ขื่น) อยู่ดี เพราะเส้นรอบเอวเพิ่มขึ้น แล้วต้องไปจ่ายค่ารักษาโรคเบาหวาน ค่าฟิตเนสอีก
6
ดื่มขมๆ แต่แรกก็สิ้นเรื่อง
3
โฆษณา