13 พ.ย. 2022 เวลา 02:00 • ไอที & แก็ดเจ็ต
รับมือป้องกันเงินในบัญชีสูญหาย เมื่อต้องใช้ 'e-Payment'
1
1. ระวังการกรอกกรอกข้อมูลส่วนตัวหรือให้ข้อมูลสำคัญทางธุรกรรมผ่านทางโทรศัพท์หรืออีเมล หรือ แอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น แอพพลิเคชันสินเชื่อให้เงินกู้ เกมออนไลน์
2. ควรกำหนดวงเงินการใช้จ่ายของบัตรเดบิต หรือ บัตรเครดิตให้เหมาะสมเพื่อจำกัดมูลค่าความเสียหาย บางกรณีอาจเลือกตั้งค่าวงเงินให้ต่ำสุดที่ระบบรองรับได้ และปรับแต่งอีกครั้งเมื่อมีการเรียกใช้งาน
3. เลือกใช้ช่องทางการแจ้งเตือนการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหวของบัญชีหรือบัตรเครดิต เช่น แจ้งยอดการเคลื่อนไหวของบัญชีออมทรัพย์ หรือ ยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตผ่าน SMS การตั้งค่าเตือนผ่านแอพพลิเคชัน
1
4. หมั่นสังเกตเงินในบัญชีตนเองว่ามียอดลดลงหรือไม่ หรือหากพบการใช้งานที่ผิดปกติควรรีบติดต่อ call center หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรโดยด่วนเพื่อแจ้งตรวจสอบ หรือ แก้ไขการทำธุรกรรมในทันที
5. หากได้รับการประสานจากธนาคารถึงความผิดปกติทั้งจากทางอีเมล หรือโทรศัพท์ เช่น การล็อกอินเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ การเปลี่ยนข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับบัญชีบัตร ให้รับทราบ และประสานกลับตามช่องทาง call center ปกติ ของธนาคาร เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นช่องทางจากธนาคารจริง หากเป็นการแจ้งจากธนาคารจริง ให้เฝ้าระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อจากนี้ เช่น การนำรหัสผ่านไปใช้งานต่อ การเปลี่ยนอาจมีการฝังมัลแวร์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ใช้งานเพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมตลอดเวลา
เมื่อเกิดปัญหาแล้วควรทำอย่างไร
  • รีบแจ้งอายัดบัตรเดบิต หรือ บัตรเครดิตทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเลขหน้าบัตร รวมถึงรหัส cvv ไปใช้
  • ติดต่อ call center ของธนาคารต้นเรื่อง และปฏิเสธการจ่ายรายการหรือธุรกรรมที่ผิดปกติ
  • เก็บหลักฐานทั้งหมดที่ได้รับ เช่น SMS หน้าจอ วงเงิน statement ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ
ที่มา สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)
โฆษณา