11 พ.ย. 2022 เวลา 12:10 • ข่าวรอบโลก
ไบเดนบอก “เรากำลังทำให้ชัดเจนว่าสหรัฐฯไม่แสวงหาความขัดแย้งกับจีน”
ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และ จีนที่ลดลงตกต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ โดยเฉพาะหลังการมาการเยือนไต้หวันของแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเกาะที่ปักกิ่งอ้างว่าเป็น อาณาเขตของตน
1
ในช่วงไม่ถึง 10 ปีที่ผ่านมา จีนและสหรัฐฯ แข่งขันเพื่อก้าวขึ้นสู่มหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลก การแข่งขันทางเทคโนโลยี การแข่งขันทางการค้า ปัญหาช่องแคบไต้หวันและความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย ล้วนเป็นแรงผลักดันให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตกต่ำลง
การประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ที่จะเกิดขึ้นในช่วงอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. 65 นี้ มีเหล่าผู้นำระดับโลกเข้าร่วม และจะมีการพูดคุยกันนอกรอบระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่หลายคนจับตามอง
ไฮไลต์สำคัญที่คนทั้งโลกจับตามองคือ การพบกันตัวเป็นๆ ระหว่าง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ซี่งเป็นการพบกันครั้งแรกหลังจากที่ไบเดนรับตำแหน่ง ที่ผ่านมาทั้งสองผู้นำได้โทรศัพท์คุยกันเพียง 5 ครั้ง แต่ทั้งสองเคยพบกันเมื่อสมัยที่โจ ไบเดน ยังทำงานร่วมกับอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
1
มีรายงานว่าโจ ไบเดน ได้ชี้แจงกับสีจิ้นผิงก่อนประชุมที่อินโดนีเซียแล้วว่า "สหรัฐฯ มองหาการแข่งขันไม่ใช่ความขัดแย้ง"
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ คนหนึ่งกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า
“ประธานาธิบดีเชื่อว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างรากฐานสำหรับความสัมพันธ์ และทำให้จีนแน่ใจว่ามีกฎเกณฑ์ที่ผูกมัดการแข่งขันของเรา”
นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยในเรื่องประเด็นความมั่นคงบริเวณช่องแคบไต้หวันและอีกหลายๆ เรื่อง ที่แน่ๆ ผู้เชี่ยวชาญเอเชียได้คาดการณ์ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะลดความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจ เพราะจีนได้ส่งสัญญาณว่าไม่ต้องการความสัมพันธ์ที่แย่ไปกว่านี้
ที่แน่ๆ อัพเดทแล้วว่าเวทีประชุมที่เกาะบาหลีในครั้งนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไม่ได้เข้าร่วมแน่ๆ
โฆษณา