18 พ.ย. 2022 เวลา 02:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ
วิกฤติหุ้น MORE อาจไม่เกิดขึ้น หากนำบล็อกเชนและ DeFi มาใช้
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเคสของหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE กำลังสร้างความเสียหายให้กับผู้ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางซื้อขายหรือโบรกเกอร์กว่า 20 แห่ง ที่อาจมีบางแห่งไม่สามารถที่จะหาเงินไปจ่ายค่าชำระหลักทรัพย์กับสำหนักหักบัญชีของตลาดหลักทรัพย์ฯได้ จนในที่สุดเกิดเคสที่ บล.เอเชียเวลธ์ มีการดึงเงินส่วนของลูกค้าออกไปชำระค่าหุ้น MORE จนถูก ก.ล.ต. สั่งพักการดำเนินธุรกิจชั่วคราว
จริงๆแล้วถ้ามีการนำบล็อกเชนมาใช้กับธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ปัญหาดังกล่าวอาจจะไม่เกิดขึ้นก็เป็นได้ โดยผู้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางไม่สามารถยุ่งกับเงินลูกค้าได้ ถ้าหากนำเทคโนโลยี DeFi มาใช้
DEX จะไม่สามารถยุ่งกับเงินลูกค้าได้
ถ้าหากตัวกลางที่ทำหน้าที่ซื้อขายหุ้นทำหน้าที่เป็น Decentralized Exchange จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ บล.เอเชียเวลธ์ นำเงินส่วนของลูกค้าไปใช้ชำระหนี้ก่อนอย่างแน่นอน เพราะลูกค้าจะเป็นผู้ดูแลจัดการเงินของตัวเองผ่าน Wallet ตัวกลางจะทำหน้าที่จับคู่ซื้อขายเท่านั้นแต่ไม่สามารถมายุ่งกับเงินของลูกค้าได้เลย
แต่การทำงานของ Centralized Exchange คือการที่ตัวกลางสามารถเข้ามาจัดการกับเงินของลูกค้าได้แม้จะมีการแยกเงินส่วนของลูกค้ากับทุนจดทะเบียนบริษัทออกจากกันแล้วก็ตาม อย่างเช่นกรณีของ FTX ก็มีปัญหาแบบนี้ที่เจ้าของควบคุมเงินของลูกค้าทั้งหมด
Smart Contract ช่วยติดตามหนี้
เคสหุ้น MORE ถ้าหากนักลงทุนฝั่งซื้อที่กู้เงินจากโบรกเกอร์มาไม่ยอมเป็นฝ่ายชำระค่าหุ้นและทิ้งหลักทรัพย์ค้ำประกันไป โบรกเกอร์ต้องจ่ายค่าหุ้นให้ลูกค้าฝั่งขายแทนและต้องไปไล่บี้ติดตามหนี้และบังคับคดีกับนักลงทุนฝั่งซื้อ แต่ความเสียหายได้เกิดกับโบรกเกอร์แล้วและถ้ารายใดสถานะการเงินย่ำแย่อาจจะล้มละลายได้
แต่ถ้าใช้เทคโนโลยี DeFi อย่างเช่นกลุ่มที่เป็น Lending อย่างเช่น COMP AAVE ผู้ที่เป็นแพลตฟอร์มตัวกลางจะสามารถใช้ Smart Contract ในการกำหนดเงื่อนไขในการที่ผู้กู้จะต้องจ่ายเงินคืนให้กับแพลตฟอร์มได้อัตโนมัติ ถ้าหากผู้กู้ไม่ทำตามเงื่อนไขอย่างเช่นเชิดเงินหนีไม่จ่ายที่กู้มา Smart Contract สามารถที่จะยึดหลักทรัพย์ค้ำประกันของผู้กู้กลับมาได้
บล็อกเชนช่วยจับคู่ซื้อขายเรียลไทม์
อีกข้อดีของการนำบล็อกเชนมาใช้กับการซื้อขายหลักทรัพย์คือความรวดเร็วในการทำธุรกรรม ตัวอย่างคือทุกวันนี้เวลาเราซื้อขายหุ้นในความเป็นจริงเราจะยังไม่ได้หุ้นจากการซื้อและได้เงินจากการขายทันที เพราะระบบการซื้อขายหุ้นในปัจจุบันต้องใช้เวลาชำระหลักทรัพย์สองวันหรือ T+2
แต่ถ้ามีการนำบล็อกเชนมาใช้จะทำการจับคู่ซื้อขายและส่งมอบสินทรัพย์ดิจิทัลทันทีแบบเรียลไทม์ อย่างเช่นเวลาที่เราซื้อ Spot ของ Bitcoin ใน Exchange เราจะได้เป็นเจ้าของ Bitcoin ทันทีเมื่อรายการซื้อขายจบลง ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจหลักทรัพย์โดยแปลงหุ้นหรือหลักทรัพย์เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อซื้อขายกันได้
ตอนนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำลังพัฒนาระบบการซื้อขายหุ้นในรูปแบบดิจิทัลแล้วและได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลหรือ Exchange มาแล้วในนาม TDX
เทคโนโลยีบล็อกเชนและ DeFi สามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับระบบการเงินดั้งเดิมได้ ขอแค่อย่าอคติและมองแต่ด้านลบๆอย่างเดียว ในเมื่อปัญหาอยู่ที่คนไม่ใช่เทคโนโลยี ก็แค่หาเทคโนโลยีที่นำมาป้องกันไม่ให้คนสามารถทำเรื่องทุจริตได้ก็เท่านั้นเอง
โฆษณา