Lamborghini แบรนด์รถสปอร์ต ที่วันแรกทำ รถแทรกเตอร์
ถ้าพูดถึงผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก
หลายคนอาจจะนึกถึง ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา หรือ จีน
แต่ถ้าเรานึกถึงประเทศผู้ผลิตรถสปอร์ตของโลก
ประเทศที่อยู่ในลิสต์อันดับต้น ๆ กลับเป็น อิตาลี ซึ่งมีแบรนด์รถสปอร์ตอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Ferrari, Maserati และ Lamborghini
แต่รู้หรือไม่ กว่าที่ Lamborghini จะกลายมาเป็นแบรนด์รถสปอร์ตชื่อดังอย่างในปัจจุบัน กลับมีจุดเริ่มต้นที่ไม่ธรรมดา
เพราะ Lamborghini ในวันแรก เริ่มจากการทำ รถแทรกเตอร์
เส้นทางของ Lamborghini เป็นอย่างไร ?
BrandCase จะเล่าให้ฟัง แบบเข้าใจง่าย ๆ
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากชายที่ชื่อว่า Ferruccio Lamborghini ลูกชายเจ้าของสวนองุ่น ที่หลงใหลในเครื่องยนต์ มากกว่าการผลิตไวน์แบบพ่อของเขา
Ferruccio จึงตัดสินใจเข้าเรียนในสถาบันช่างกลในอิตาลี และจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของเขาก็มาถึง เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ปะทุขึ้น
Ferruccio ซึ่งมีความรู้ด้านเครื่องกล จึงถูกเกณฑ์เข้าไปประจำการอยู่ในหน่วยช่าง เพื่อซ่อมเครื่องบินรบ
ภายหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อิตาลีกลับเต็มไปด้วยเศษซากของเครื่องยนต์ทางการทหารที่ถูกทิ้งไว้
ในขณะที่ประเทศกำลังต้องการเครื่องจักร สำหรับทำการเกษตรเพื่อฟื้นฟูประเทศ
Ferruccio ซึ่งเห็นช่องทางธุรกิจ จึงได้นำเหล่าซากเครื่องยนต์ มาดัดแปลงให้กลายเป็นรถแทรกเตอร์ และอุปกรณ์ทางการเกษตรอื่น ๆ
และตั้งเป็นบริษัท Lamborghini Tractor ขึ้นมาในปี 1948 โดยบริษัทแห่งนี้ได้กลายมาเป็น ผู้ผลิตรถแทรกเตอร์รายใหญ่ในประเทศ
แล้วจากที่เป็นเจ้าของกิจการ รถแทรกเตอร์ เขาหันมาสร้างรถสปอร์ตได้อย่างไร ?
ด้วยความชื่นชอบในกีฬาแข่งรถ Ferruccio จึงเริ่มสะสมรถสปอร์ต จนมาถึง Ferrari รุ่น GT 250 ที่เขารู้สึกได้ว่า การออกแบบเครื่องยนต์ของรถคันนี้มีปัญหา
Ferruccio จึงเดินทางไปพบกับผู้ก่อตั้งแบรนด์รถ Ferrari อย่าง Enzo Ferrari เพื่อบอกถึงวิธีการแก้ปัญหาที่เขาคิดว่ามันเวิร์ก จากประสบการณ์ทำโรงงานผลิตรถแทรกเตอร์ของเขาเอง
แต่แทนที่ Enzo จะรับฟัง เขากลับดูถูก Ferruccio ว่าเป็นเพียงแค่คนขับรถแทรกเตอร์ และไม่มีความรู้ในการสร้างรถสปอร์ต
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ Ferruccio ตัดสินใจสร้างรถสปอร์ตด้วยแบรนด์ของตัวเองในปี 1963
และเริ่มวางจำหน่ายรถสปอร์ตรุ่นแรกอย่าง 350 GT ภายหลังจากก่อตั้งบริษัท Automobili lamborghini ได้เพียง 1 ปี
รถของ Lamborghini ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อีกทั้งบริษัทก็ได้ผลิตรถรุ่นอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 400 GT, Miura P400, Espada และ Jarama
แต่ความสำเร็จของ Ferruccio กลับอยู่ได้ไม่นาน
เมื่อในปี 1972 บริษัท Lamborghini Tractor ถูกยกเลิกคำสั่งซื้อรถแทรกเตอร์กว่า 5,000 คัน
ส่งผลให้บริษัทขาดสภาพคล่องจน Ferruccio ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท Lamborghini Tractor และหุ้นอีก 51% ในบริษัท Automobili lamborghini ที่ทำรถสปอร์ต
ในขณะที่ปีถัดมากลับเกิดวิกฤติ Oil shock หรือวิกฤติน้ำมันในปี 1973 จนส่งผลให้ยอดขายรถสปอร์ตตกต่ำ
Ferruccio จึงตัดสินใจวางมือจากธุรกิจ และขายหุ้นอีก 49% ที่เหลือออกมา
ภายหลังจากปี 1980 กิจการของ Automobili lamborghini ถูกฟื้นฟูอีกครั้ง จาก 2 นักธุรกิจชาวฝรั่งเศส
และบริษัทก็ถูกเปลี่ยนมือไปอยู่ในมือของนักธุรกิจหลายคน
ไม่ว่าจะเป็น Chrysler บริษัทรถยนต์จากสหรัฐอเมริกา หรือจะเป็นกลุ่มมหาเศรษฐีจากอินโดนีเซีย
ก่อนที่จะถูกซื้อมาอยู่ในเครือของ บริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมันอย่าง Volkswagen ในปี 1998
เพราะแบรนด์ Lamborghini นั้น มีภาพลักษณ์ของความเป็นรถสปอร์ตอย่างชัดเจน ในขณะที่ Lamborghini เอง ก็จะมีเงินทุนเพื่อพัฒนารถรุ่นอื่น ๆ ต่อไป
ภายใต้การนำของเจ้าของคนใหม่ Lamborghini จึงเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ด้วยการออกรถรุ่นที่เราเห็นกันในทุกวันนี้
เช่น Murcielago, Aventador และ Huracan ก่อนที่จะรุกเข้าสู่ตลาดรถ SUV ในปี 2017 ด้วยรุ่น URUS
ในขณะที่รายได้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปี 2000 รายได้ 2,270 ล้านบาท
ปี 2010 รายได้ 10,084 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 59,913 ล้านบาท
จากจุดเริ่มต้นที่ทำแทรกเตอร์ของ Lamborghini
วันนี้กลายเป็น แบรนด์รถสปอร์ตชื่อดัง ที่ใครพูดชื่อก็รู้จักไปแล้ว..
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
