22 พ.ย. 2022 เวลา 17:02 • ปรัชญา
เมื่อเรายังมีกาย ที่เคลื่อนไหว ..ใช้กายไปทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ มันก็ไปเกี่ยว..เกี่ยวอารมณ์ มีความอยากมีความทะเยอทะยาน ตาไปเห็นคนนั่นคนนี้ ทำไม่ดี ..ตาเราก็..เกี่ยวเข้ามาสู่จิต ตำหนิติเตียน ตาเห็นรูปนั่น ..ของสิ่งนั่น สวยอยากได้ ..เป็นเจ้าของ..อารมณ์ก็พาไปยึด ..นำกายวาจาใจ เคลื่อนที่ไป ไปเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้มา กายก็ต้องเหนื่อย ..เค้าเรียกว่าจิตไปยึดแล้ว ..ยึดทั้งสิ่งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต ..
ในคำว่าอารมณ์พากายวาจาใจ ไปเสาะแสวงหาสิ่งที่อยากได้ มันก็มีอารมณ์โลภโกรธหลง นำพาจิตไปยึดเข้ามา ..ยึดเข้ามาไว้ในบ้าน….บ้านที่จิตอาศัย ..มันมีความยึดถือ..อยู่ว่าเป็นของเราๆ ..เหมือนคนซื้อรถใหม่ ..ได้รถมา ..จิตมันยึด..อะไรมาขูดเป็นร่องเป็นรอย..ก็มีอารมณ์ ..ร้อน หงุดหงิดโมโห เกิดขึ้นที่ตัวเรา
เรื่องโลกธรรม ลาภยศสรรเสริญนินทาทุกข์ ..เป็นเรื่องที่นำพาจิต..ให้จมอยู่ ..ยึดในสิ่งเหล่านั้น ..เราปล่อยวางได้ ไม่ยึดไม่ถือ..จิตเราเบาสบายได้มาก..ไม่ไปหลงยึดในสิ่งที่เป็นมายา..เหล่านั้น
ฉะนั่น..เรื่องของความสุข ..อารมณ์นั้นมันไม่เที่ยง ..เกิดได้..ดับได้ .มันเกิดขึ้นที่ตัวเรา มันก็พาจิตไปยึด ให้จิตสั่งกายไปทำ.. หากเรารู้จักตัวเรา จิตของเราสามารถควบคุม อารมณ์ที่เกิดที่กายได้ ..ควบคุมได้ ..อารมณ์สงบ ไม่วุ่นวาย ..จิตสงบ ..อยู่ที่ไหนจิตก็สงบ ..จิตก็เป็นสุขได้ .. หากควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ..แม้ให้ไปอยู่ในป่าคนเดียว..อยู่คนเดียว ..จิตมันก็ไม่สงบ ..ก็ปราบอารมณ์ไม่ได้..อารมณ์มันก็ไม่สงบ..
เรื่องราวของวิญญาณทั้งหก ที่เราใช้ ..อยู่ทุกวัน ..ในการไปสัมผัสรับรู้อะไร เข้ามาวิญญาณทั้งหกไปสัมผัส เก็บเรื่องราวต่างมากมายๆๆ มีอารมณ์ชอบไม่ชอบ ถูกใจไม่ชอบ ..ความวุ่นวาย..มากมาย..เก็บๆเข้ามาสู่กายใจ ..เก็บไว้ที่ธาตุทั้งสี่ ..
..แต่เราก็สำรวจตรวจสอบไม่ได้ เพราะจิตเรา นั่นไม่มีกำลัง..ไม่มีสติสัมปชัญญะ ..ไม่ให้เวลาแก่กายและจิต..พัก..เพื่อทำจิตให้เป็นจิต..สละอารมณ์ที่ปกคลุมจิตนั้นออกไป..เมื่อเราไม่ทำ..มันก็ปกปิด..จิตของเราไปเลย ทับถมจิตเราไปเรื่อย..นานวัน จิตมันก็หนัก หนักด้วยอารมณ์ ที่กดทับจิต..ของตัวเอง..ก็หลงยึดไปเสียอีก ..ว่าตัวเองดีแล้ว ..สำคัญผิดไปอีก..จิตมันก็แคบลงไปๆ ความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ .มันลดน้อยถอยลงไป..
นั้นก็คือ เราต้องฝึกหัดสละความโลภโกรธหลงออก ..ที่ไปยึด..ปัจจัยมาหล่อเลี้ยงสังขาร ..เราก็เจียดปัจจัยเล็กๆน้อยๆ แบ่งปันไป ..แปรสภาพให้เป็นทาน เป็นบุญ ..เพื่อจิตมันคลายความยึดถือออกไป..ทำด้วยความเต็มใจ..เราทำเล็กๆน้อยๆ..จิตใจเรามันก็กว้างขวางขึ้น ..จิตก็จะมีความสุข ด้วยบุญกุศลที่หล่อเลี้ยงเรือนกาย ..กายเป็นสุข จิตก็เป็นสุข สุขกายสุขใจ
โฆษณา