23 พ.ย. 2022 เวลา 11:48 • ข่าวรอบโลก
เอเซียแปซิฟิค ไม่ใช่สวนหลังบ้านใคร...
...แล้วใครล่ะที่มองเป็นสวนหลังบ้าน...???
ขอยืมวลี ที่ท่านสี่จิ้นผิง เขียนไว้ในแถลงการณ์
เมื่อครั้งมาประชุมกับภาคธุรกิจเอเปค ในบ้านเรา
มาจั่วหัวหน่อย
พอดีเมื่อวานอ่านข่าวว่า คุณกมลา แฮร์ริส
เธอไปเยือนฟิลิปปินส์
แล้วแสดงท่าทีค่อนข้างแข็งกร้าวออกมา
เกี่ยวกับประเด็นทะเลจีนใต้
...ซึ่งเหมือนมันสวนคำพูดของท่านสี่
หลังจากบรรยากาศชื่นมื่นในเอเปคผ่านไปแค่ไม่กี่วัน....
...อเมริกายั่วยุ หรือแทรกแซงเอเชียอีกแล้วเหรอ?...
...หลายคนอาจมองแบบนั้น...
แต่จริงๆคืออะไร ลองอ่านที่มาที่ไปก่อนตัดสินจะดีกว่าไหม
อเมริกาเสือกหรือไม่ ?
อันนี้ผมเชื่อว่าชาว BD ส่วนมากที่ไม่ชอบอเมริกานัก
หรือหนักกว่าคือ กลุ่มไทยรุสกี้ จะต้องจิ้มไปเลยว่าอเมริกาเสือกเรื่องชาวบ้านตามเคย และยั่วยุจีน
1
แต่ความจริงแล้ว เราควรศึกษาให้ดีว่า
เรื่องราวจริงๆ มันเป็นอย่างไร
และใครกันแน่ ที่สร้างความตึงเครียด...
กมลา แฮร์ริส ซื้อพริกแกงเสร็จ ก็ไปฟิลิปปินส์ต่อเลยภาพ Japantime
ขั้นแรก เราต้องดูพันธสัญญาระหว่างฟิลิปปินส์กับอเมริกาถึงจะเข้าใจ ว่าทำไมอเมริกาถึงเข้ามาตรงนี้ได้
ทุกคนคงรู้ดีว่าอเมริกานั้น มีฐานทัพอยู่ในฟิลิปปินส์
แต่ที่มีได้ เพราะมันมีพันธสัญญามาก่อนหน้านี้หลายสิบปี ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง
และฟิลิปปินส์มีเอกราช
และมามีผลเป็นรูปธรรม เป็นลายลักษณ์อักษร
ในช่วงสงครามเย็นเดือดที่สุด
ซึ่งก็คือช่วงสงครามเวียดนาม
เฟอร์ดินาน มากอส ผู้พ่อของประธานาธิบดีคนปัจจุบันนี้นี่แหละ เป็นคนยินยอมให้อเมริกามาตั้งฐานทัพ
เพื่อแลกกับความคุ้มครองจากภัยคอมมิวนิสต์ทั้งจีน
และโซเวียต
ในตอนนั้น มีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษร
และมีผลจนถึงปัจจุบัน
ฟิลิปปินส์ไม่เคยยกเลิกข้อตกลงเหล่านี้
แม้จะมีบางครั้งดูไม่พอใจบ้างก็ตาม
ด้วยว่าสมัยมากอสผู้พ่อนั้น ความไม่ไว้วางใจต่อภัยคอมมี่ของฟิลิปปินส์ทั้งจาก จีนและโซเวียต มีอยู่มาก
และตอนนั้นค่ายคอมมี่ทั้งสองเจ้าก็สนับสนุนกองโจรคอมมิวนิสต์ในฟิลิปปินส์ทางตอนใต้
ซึ่งมีหลายกลุ่มมาก และก่อความวุ่นวายไปทั่ว
มีสงครามในประเทศระหว่างสองอุดมการณ์
ไม่ต่างกับที่อื่นในเอเชียอาคเนย์
1
ในขณะนั้น ฐานอเมริกาอยู่ที่ฟิลิปปินส์มาก่อนอยู่แล้ว
แต่ไม่ได้มีพันธะที่จะต้องดูแล
เป็นการอยู่ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
เพื่อควบคุมญี่ปุ่นเสียมากกว่า
ฟิลิปปินส์เองซึ่งตอนนั้นเป็นประเทศเกิดใหม่
ก็ไม่ไว้ใจญี่ปุ่น จึงยอมให้ตั้งฐานโดยไม่ได้มีข้อผูกมัดอะไร
แต่พอภัยคอมมิวนิสต์เริ่มแรงในเอเชีย
มาร์กอสในขณะนั้น แม้จะเป็นเผด็จการเต็มรูปแบบ
แต่อเมริกาก็ยังมองว่าดีกว่าคอมมี่
จึงเสนอว่าจะช่วยดูแล แลกกับการตั้งฐานทัพ
เพื่อใช้ในสงครามเวียดนาม
ซึ่งมาร์กอสก็โอเค และทำให้พันธะการดูแลฟิลิปปินส์ของสหรัฐ มีผลมาตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงปัจจุบัน
...การดูแลฟิลิปปินส์ของสหรัฐนั่น เปรียบเทียบก็ไม่ต่างกับ ที่สหรัฐมีต่อสมาชิกนาโต้นั่นเอง
ซึ่งทั้งสองฝ่ายคือ ผู้ดูแล และ ผู้ถูกดูแล ต่างเต็มใจ
และมีผลประโยชน์ร่วมกัน
...ดังนั้น จะว่าอเมริกาเสือก คงไม่ใช่อย่างแน่นอน....
(ในสงครามเย็น ไทยเราก็มีสงครามกับกองโจรคอมมิวนิสต์ลักษณะนี้เช่นกัน นักศึกษา และคนยากคนจนเข้าป่าไปเป็นกองกำลังคอมมี่ รบกับรัฐกันเพียบ
ซึ่งฝ่ายคอมมี่ในไทยก็ได้พวกจีนและโซเวียตนี่แหละ
หนุนหลังทั้งเงิน และอาวุธ
รัฐบาลไทยในตอนนั้น เห็นว่าต่อต้านลำพังไม่ไหวแน่
จึงต้องยอมๆอเมริกา ทั้งเรื่องฐานทัพ และทรัพยากร
ดังนั้นตัวการของเรื่องทั้งหมดควรโทษใคร
...สหรัฐหรือฝ่ายคอมมี่ ? )
ปัญหาทะเลจีนใต้ คือเขตแดนทางทะเล ไม่ใช่แค่ไต้หวัน...
นี่คือเรื่องที่หลายคนควรเข้าใจ เพื่อจะได้มองความชอบธรรมในการดำเนินการของจีนและสหรัฐให้ออก
...ว่าใครกันแน่ สร้างปัญหา...
...และใครกันแน่ ที่มองแถบนี้เป็นสวนหลังบ้าน...
ปมของเรื่องทั้งหมดคือ สิ่งที่เรียกว่า "แนวเก้าเส้น"
แนวเก้าเส้นที่ว่านั้น คือเส้นที่จีนอาศัยแผนที่ทางประวัติศาสตร์ขีดเส้นแบ่งทางทะเล ในทะเลจีนใต้ขึ้นมาใหม่
โดยไม่สนใจกฎหมายระหว่างประเทศ ว่าด้วยเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเล ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน
แต่การที่จะทำให้เส้นแนวทั้งเก้า เป็นจริงขึ้นมาได้
นั่นหมายถึงจีนต้องครอบครองไต้หวันให้ได้
และต้องยึดพื้นที่พิพาททั้งหมดให้ได้ด้วย
แนวเส้นทั้งเก้าจึงจะเกิดขึ้นได้จริง
ดังนั้น เมื่อจีนไม่สนใจกฎหมายสากล
ที่แม้แต่ตัวเองก็ยอมรับมาตลอด
ก่อนที่จะแข็งแกร่งแบบทุกวันนี้ ถึงได้กล้าไม่ยอมรับ
มันจึงหมายถึงจีนได้อ้างสิทธิ์ที่ไม่ควรจะได้
ตามกติกาสากลที่โลกใช้ โดยอาศัยว่ามีกำลังนั่นเอง
นี่คือท่าทีที่ก้าวร้าวและคุกคามชาวโลกอย่างมาก
...ฝ่ายชาติคู่พิพาทต่างๆที่อ้างสิทธิ์ถือกฎหมายสากล
แต่จีนไม่สนสิ่งเหล่านี้ จะเอาแต่กฎของตัวเอง กฎของกำลัง และมีท่าทีก้าวร้าวมาตลอด
นั่นแหละคือปมของปัญหาทั้งหมด
...ถ้าลำพังแค่ไต้หวัน จีนอาจมีความชอบธรรมอยู่บ้าง...
แต่ส่วนอื่น โดยเฉพาะทะเลฟิลิปปินส์ เวียดนาม และหมู่เกาะสแปรดลี่ย์ที่เป็นจุดสำคัญที่สุดนั้น
เราสมารถกล่าวได้เลยว่า จีนไม่มีความชอบธรรมอะไรเลย ที่จะทำอย่างที่ทำอยู่...
แนวเส้นสีแดงคือที่จีนกล่าวอ้างสิทธิ์ ส่วนเส้นประสีฟ้าคือเขตเศรษฐกิจจำเพาะของแต่ละชาติตามกฎหมายระหว่างประเทศ จะเห็นว่าแนวที่จีนตีไว้ ล้ำอาณาเขตของหลายชาติ เข้าไปมาก ประเด็นนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องไต้หวัน อย่างที่บางคนเข้าใจ จากการนำเสนอข่าวที่บิดเบือนของสื่อบางเจ้า
จีนหวังฮุบ 90% ของทะเลจีนใต้...
เรื่องนี้ไม่ใช่การใส่ร้ายจีน แต่ว่ากันตามเส้นที่จีนนั้นกำหนดขึ้นมาเอง
ถ้าพวกเขาทำสำเร็จ
ทะเลจีนใต้ 90% ก็จะตกอยู่ในการครอบครองของเขา
และหมายถึง เส้นทางเดินเรือในส่วนที่เป็นน่านน้ำสากลส่วนนี้ จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของจีน ไปด้วย
แน่นอน ว่าเมื่อเป็นแบบนี้ คงไม่มีใครยอมใคร
บรรดาคู่พิพาท ที่เป็นชาติอาเซียนหลายชาติ ไม่มีพาวเวอร์ที่จะต้านทานจีนได้ในทุกมิติ
จึงต้องเข้าหาอเมริกา
โดยเฉพาะเวียดนามกับฟิลิปปินส์ เพื่อให้ตัวเองยังมีน่านน้ำเหลือไว้บ้าง
ส่วนชาติใหญ่อย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่ใช้เส้นทางเดินเรือนี้ขนส่งพลังงาน และสินค้าเข้าประเทศ ก็ย่อมไม่ยอมเช่นกัน เพราะนี่ส่งผลต่อความมั่นคงโดยตรงของพวกเขา
...การที่ญี่ปุ่และเกาหลีใต้ เทไปทางอเมริกา มันจึงเป็นไปด้วยเหตุผลที่เหมาะสม เพื่อการระวังจีนมากที่สุด
ไม่ใช่เหตุผลอื่น และไม่ใช่หมายถึงการเป็นลูกไล่สหรัฐ
พวกเขาทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
ความตึงเครียดที่แท้จริง และการเข้ามาของอเมริกา
มันก็เกิดจากท่าทีของจีนต่อเพื่อนบ้านนั่นแหละ
...ถ้าจะว่ากันตามตรงน่ะนะ...
...ไม่ใช่ใครเขาไปล้อมหรือกดดันอะไรจีนหรอก ....
...ที่ด่าๆสหรัฐนี่ส่วนมากไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ...
...และจงรู้ไว้ด้วยว่า ถ้าจีนยึดทะเลจีนใต้สำเร็จ ก็เท่ากับน่านน้ำทางอ่าวไทย จะถูกปิดโดยทะเลของจีนไปโดยปริยาย
...ถ้าเห็นว่าดีแล้ว ก็ว่ากันไป.เชียร์กันต่อไปเถอะ...
สี่จิ้นผิง อาจต้องการสื่อสารถึงอเมริกาว่า
ภูมิภาคนี้ ไม่ใช่สวนหลังบ้านของใคร
และใครคนนั้นจะมาทำตามอำเภอใจไม่ได้
...แต่สี่จิ้นผิงกลับไม่มองตัวเอง...
ว่าแท้จริงแล้ว ใครกันแน่ที่ทำตามอำเภอใจ ไม่เคารพกติกาสากล จนเกิตความตึงเครียดในภูมิภาค
เปิดช่องให้อเมริกาต้องเข้ามามีบทบาท หาผลประโยชน์อีกครั้งในภูมิภาค หลังหายไปนาน...
...ถ้าจีนไม่มีท่าทีแบบนี้ คงไม่มีชาติไหนในเอเชียเขาอยากให้ต่างชาติมาตั้งฐานทัพทหาร เข้ามาหาประโยชน์ บนแผ่นดินตัวเองหรอก ถูกไหม
แต่เพราะบางชาติ ที่เป็นคู่กรณีกับจีน
เขารู้รู้ว่าการอยู่ใกล้กับจีน ก็เหมือนอยู่ใกล้เสือ
จะเอาตัวรอดได้ ก็ต้องเข้าหาเสืออีกตัวมาเป็นพวก
ซึ่งแน่นอน เสืออีกตัวก็คืออเมริกา...
...พวกเขาจำเป็นต้องทำแบบนั้น จะไปว่าเขาว่า
ไปลากฝรั่งหัวทอง มายุ่งกับชาวหัวดำ มันก็คงไม่ได้...
ก็เพราะจีนนั่นแหละ สร้างเงื่อนไขไปบีบพวกเขาก่อนเองและเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้....
สี่จิ้นผิง แถลงว่าต้องการสันติภาพ และย้ำมาตลอด
ในการประชุมเอเปคที่ผ่านมา
การแสดงท่าที ย้อนคำของสี่ จากกมลาว่า
"สหรัฐจะปกป้องฟิลิปปินส์ตามที่เคยตกลงไว้"
ถ้ามองด้านเดียว ไม่รู้ที่มาที่ไป ก็แน่นอนว่าสหรัฐดูจะเป็นฝ่ายผิด ที่เข้ามาแทรกแซงความมั่นคงในภูมิภาค
และหาเรื่องยั่วยุกับจีน
...แต่ความเป็นจริง มันก็เป็นอย่างที่เขียนมาทั้งหมด...
...ด้วยท่าทีของทั้งสองฝ่าย...
...ใครกันแน่ที่มองเอเชียแปซิฟิกเปึนสวนหลังบ้าน...
...หรือบางทีสี่จิ้นผิงอาจพูดไม่หมดก็ได้...
...เขาอาจต้องการบอกว่า...
...เอเชียไม่ใช่สวนดอกไม้หลังบ้านใคร...
...แต่มันคือสวนครัวของจีนผู้เดียวเท่านั้น !!!....
โฆษณา