28 พ.ย. 2022 เวลา 11:41 • ปรัชญา
"เรื่อง … มันไม่ต้องไปรู้ทุกเรื่องหรอก"
" … การสัมผัสโลกจากการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การสัมผัสทางกายต่าง ๆ มันไม่ได้จบแค่เวลาเราสัมผัสเท่านั้น สิ่งเหล่านี้มันจะเข้ามาประทับภายในใจของเรา ฝังอยู่ภายในใจของเรา
1
ในแต่ละวัน กี่เรื่องล่ะ ? ที่เข้ามาในชีวิตของเรา โดยเฉพาะในยุคนี้เป็นยุคโซเชียล เราไปสัมผัสเรื่องราวในโลกมากทีเดียว และส่วนใหญ่เรื่องราวในยุคสมัยนี้มันมีแต่ความเร่าร้อน
สมัยนี้พอเราไปสัมผัสมาก ๆ มันเข้ามาประทับสะสมในใจเรามาก ๆ มันก็หนัก คนในยุคนี้จึงมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตกันมากทีเดียว ความเครียด ความกังวล ซึมเศร้า ความตื่นตระหนกต่าง ๆ
ผลพวงจากการที่เราไปสัมผัสเกินความจำเป็นในชีวิตของเรา ยุคนี้ก็ตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ เลยสัมผัสสื่อ สัมผัสอะไร เกินความจำเป็นในชีวิต เด็กสมัยนี้จึงมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตกันมากทีเดียว ก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง เครียด เศร้า กังวล นอนไม่หลับต่าง ๆ สารพัด
พอเป็นก็กินยา บางคนเป็นกันมากนอนไม่หลับในยุคสมัยนี้ เรื่องในหัวเยอะ เพราะว่าไปรับอะไรมามากเกิน พอนอน เอาแล้วมันผุดอะไรไม่รู้เต็มไปหมด
แล้วส่วนใหญ่มันชอบคิดให้ไม่สบายใจ วุ่นวายใจ
จากเรื่องเล็ก ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่
จากไม่มีเรื่อง ก็กลายเป็นเรื่อง
เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็เศร้า เดี๋ยวก็อะไรสารพัด
คนในยุคสมัยนี้จึงมีความทุกข์ เพราะจมกับความคิดกันมาก ก็มาจากการที่เราไปรับอะไรมากเกิน ส่วนใหญ่แล้วเป็นสิ่งที่มันไม่ได้จำเป็นกับชีวิตเราเลย ที่เราไปรับอะไรมามากทีเดียว
ยิ่งมีโทรศัพท์สัมผัสทั้งวัน เราไม่รู้เลยว่าผลพวงตามมา มันเข้าไปสะสมในใจเราขนาดไหน
บางทีกว่าจะรู้ตัวก็ป่วยไปแล้ว สภาพจิตใจย่ำแย่ไปแล้ว
ถึงแม้เราจะพยายามฝึกสติ แต่ถ้าเราไม่ลดการสัมผัส มันชำระกันไม่ทันหรอก
ยิ่งถ้าจิตละเอียดจะรู้เลย ยิ่งระดับวิปัสสนาญาน จิตละเอียดจะรู้เลย เพียงแค่เราสัมผัสสื่อพวกนี้นิดเดียว โอ้โห มันเข้ามาประทับหนึบในใจแล้ว บางทีหลายวันหลายเดือนกว่าจะหลุด นับประสาอะไรกับคนที่สัมผัสกันเต็มไปหมด
พลังงานในยุคนี้มันจะเป็นยางเหนียวมาก มันหนืด มันข้น เหมือนจารบีที่มันเข้ามาประทับ ปึ้ก ๆๆๆ ตึบเลย
เพราะฉะนั้นก็ลดการสัมผัสโลกลง อะไรที่มันไม่จำเป็นก็ลดลงเสียบ้าง จะได้มีโอกาสชำระซักฟอกจิตใจ ให้มันเบาบางลงบ้าง
ร่างกายเรายังต้องอาบน้ำชำระกันทุกวันเลย จิตใจได้ชำระกันบ้างหรือเปล่า ? มันหมักหมมยิ่งกว่ากายเยอะ
ที่คนยุคนี้เป็นยุคปัญหาสุขภาพจิต ก็เพราะว่าสะสมกันมาก
ซึมเศร้านี่เป็นกันมาก
ไบโพล่า เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย 2 ขั้ว
แพนิคตื่นตระหนก คิดกังวล คิดวกไปวกมา
อารมณ์ก้าวร้าว รุนแรง ฉุนเฉียว โมโหง่าย วีนแตก
ความเครียด ความกังวล
ผลพวงจากการที่เราไปสัมผัส แล้วมันก็ประทับข้างในมาก
วิธีการที่เราจะฟื้นฟูสภาพจิตใจของเรา คือ เราก็ต้องลดการสัมผัสลง เพราะจิตมันซึมซับหมด โดยเฉพาะในยุคนี้เราอยู่ในยุคที่สภาพแวดล้อมมันเป็นมลพิษเยอะ
ถ้าเราอยู่ในครอบครัวที่มีการทะเลาะ มีมลพิษ ใจเรามันจะซึมซับสิ่งเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว ก็น่าเห็นใจ เพราะว่าสภาพสังคม สภาพแวดล้อมในยุคนี้เต็มไปด้วยมลพิษ ทางรูป ทางเสียง ทางกลิ่น ทางรสต่าง ๆ
เป็นสิ่งที่เรียกว่า ต้องรู้จักที่จะยั้งตัวให้เป็น ก็คืออะไรที่มันลดลงได้ เราก็ลดลง หลีกออกจากความวุ่นวายเสียบ้าง
เคยไปในวัด ที่เขาจะทำไหม ลิงที่เขาปิดตาบ้าง ปิดหูบ้าง ปิดปากบ้าง จะอยู่สบาย อะไรที่มันไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องไปรับมันบ้าง
เรื่อง … มันไม่ต้องไปรู้ทุกเรื่องหรอก
เพราะว่าสิ่งเหล่านี้เข้ามาแล้วก็รกภายในใจของเรา
หมักหมมอยู่ข้างใน
1
ยิ่งเป็นนักปฏิบัติจะรู้เลย เพียงแค่เราฟังเพลงแป๊บเดียว แล้วเพลินกับมัน ปุ๊บ มันมาประทับแล้ว นั่งภาวนาไปเถอะ 2-3 วันมันยังผุดอยู่เลย
เวลาไปดูอะไร ปุ๊บ ประทับในใจ เวลาภานามันก็จะผุด ๆๆๆ ขึ้นมา มันเข้าไปฝังโดยอัตโนมัติ ฝังชิปอยู่ข้างใน
เพราะฉะนั้นถ้าเราฝึกแล้วเราไม่ลดการสัมผัส ไม่ทันกัน
อันดับแรก ก็คือต้องรู้จักในการลดการสัมผัสสิ่งเหล่านี้ลง
ถ้าเป็นวิถีสมณะ ท่านถึงให้แยกออกเลย แยกออกจากโลกเลย
แต่สำหรับฆราวาสก็เป็นธรรมดาที่ต้องคลุกอยู่กับโลก เราก็ลดการสัมผัสลง เรียกว่าอะไรที่มันลดได้ เราก็ลดลง แล้วก็ให้เวลากับการฝึกปฏิบัติ เพื่อชำระซักฟอกจิตใจบ้าง
ดีท็อกซ์ใจบ้าง แล้วอะไร ๆ มันหนัก ๆ มันจะเบาลงได้มากทีเดียว
ท่านทั้งหลายจะได้มีชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุขได้ …"
.
ธรรมบรรยาย
โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
Photo by : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา