29 พ.ย. 2022 เวลา 05:30 • ข่าวรอบโลก
4 ประเด็นสำคัญ ปมประท้วงครั้งใหญ่ในจีน วิกฤตการณ์แห่งยุค สี จิ้นผิง
1
การประท้วงในแผ่นดินใหญ่ยังคงปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ต้องเผชิญกับความขัดแย้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากการที่ประชาชนในประเทศจีนออกมาประท้วงต่อต้านมาตรการ Zero-Covid เป็นจำนวนมาก และเรียกร้องให้พรรคคอมมิวนิสต์ลาออกอย่างเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะ มาดูกันว่าสาเหตุของการประท้วงครั้งใหญ่นี้คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร มาทำความเข้าใจกับ 4 ประเด็นต่อไปนี้
1. อะไรคือสาเหตุการประท้วงในจีน?
การประท้วงในแผ่นดินใหญ่ครั้งนี้ เริ่มต้นจากเหตุไฟไหม้ในเมืองอุรุมชี เมืองหลวงในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศิกายนที่ผ่านมา เป็นชนวนจุดความโกรธของสาธารณชนให้ปะทุขึ้น เพราะมาตรการ “Zero-Covid” หรือล็อกดาวน์ ที่ทำให้นักผจญเพลิงเข้าแก้ไขสถานการณ์ได้ล่าช้า เนื่องจากข้อกำหนดในการปฏิบัติงานที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาล็อกดาวน์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ถึง 38 ราย
5
นอกจากบนถนนอุรุมชีจะมีผู้คนออกมาจุดเทียนไว้อาลัยให้กับความสูญเสียในครั้งนี้แล้ว ยังมีการชุมนุมเพื่อเรียกร้องเสรีภาพด้วย เนื่องจากประชาชนกว่า 25 ล้านคนในเมืองนี้ ตกอยู่ภายใต้สภาวะล็อกดาวน์มานานกว่า 100 วัน ทำให้ต้องอยู่แต่ในบ้าน และไม่สามารถออกนอกพื้นที่ได้ อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่นที่ไม่สามารถให้ความชัดเจนเรื่องการยกเลิกมาตรการดังกล่าว จึงทำให้การประท้วงในซินเจียงลุกลามอย่างรวดเร็ว
3
2. การประท้วงในจีน เกิดขึ้นที่ไหน?
การประท้วงได้ลุกลามไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ของประเทศจีน แต่มี 2 จุดที่น่าจับตามองที่สุด คือ เมืองหลวงปักกิ่ง และศูนย์กลางการเงินเซี่ยงไฮ้ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปลอดโควิดเป็นอย่างมาก ผู้คนไม่สามารถเข้าถึงแหล่งอาหาร ของใช้พื้นฐาน รวมถึงการรักษาพยาบาล ส่งผลให้ผู้คนออกมาเดินขบวนประท้วงเป็นจำนวนมาก และได้กระจายตัวไปยังปักกิ่ง เฉิงตู กว่างโจว และอู่ฮั่น รวมถึงในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยด้วย
1
ผู้ชุมนุมบางกลุ่มตะโกนเรียกร้องให้ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ลงจากตำแหน่ง และยังมีการร้องเพลง “The Internationale” ซึ่งเป็นเพลงที่เคยใช้ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ปี 1989
3
นอกจากนี้ผู้ชุมนุมยังมีการชูกระดาษเปล่า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการ “เซนเซอร์” จากที่วิดีโอการปราบปรามโดยการใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ต่อผู้ชุมนุมในเซี่ยงไฮ้ ถูกลบออกจากอินเทอร์เน็ตของจีน อีกทั้งในเหตุการณ์ดังกล่าว มีนายเอ็ดเวิร์ด ลอว์เรนซ์ นักข่าวจาก BBC ถูกจับกุมและได้รับบาดเจ็บจากการกระชากและทุบตีอีกด้วย
3
3. ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ?
เพราะการประท้วงในประเทศที่มีเลือดคอมมิวนิสต์เข้มข้นนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก และแน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้ว รัฐบาลจีนก็เพิ่มระบบเทคโนโลยีสำหรับการเฝ้าระวังให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังใช้วิธีการปราบปรามการชุมนุมอย่างรุนแรง
6
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สหประชาชาติได้รายงานถึงเครือข่ายเฝ้าระวังที่ “รุกราน” จากการที่ฐานข้อมูลของตำรวจมีข้อมูลหลายแสนไฟล์ที่มีข้อมูลเชิงไบโอเมตริกซ์ เช่น การสแกนใบหน้าและลูกตา ซึ่งจีนก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้หลายต่อหลายครั้ง
3
การประท้วงครั้งนี้ ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การเน้นย้ำประเด็นข้อเรียกร้องของประชาชนต่อรัฐบาลท้องถิ่น หรือประเด็นทางสังคมและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังได้ขยายไปถึงการแสดงออกถึง “ความข้องใจทางการเมือง” และความกังวลเรื่องการปิดประเทศที่ชัดเจนมากขึ้น หลังจากผู้คนต้องเผชิญกับความยากลำบากจากมาตรการปลอดโควิดมากว่า 3 ปี
2
4. รัฐบาลจีนจะมีวิธีรับมืออย่างไร?
Minxin Pei ศาสตราจารย์ด้านการปกครองที่ Claremont McKenna College มองว่าการประท้วงครั้งนี้แสดงถึงวิกฤตการณ์ทางการเมืองภายในประเทศครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ สี จิ้นผิง ขึ้นสู่อำนาจในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
3
ความท้าทายของ สี จิ้นผิง ไม่ใช่แค่การประท้วงที่จะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่มาตรการ Zero-Covid ยังคงอยู่ แต่ยังมีความกังวลที่เกิดขึ้นต่อความเหนื่อยล้าของสมาชิกในพรรคด้วย หากมาตรการบังคับใช้อ่อนกำลังลงในขณะที่การต่อต้านของฝูงชนเพิ่มขึ้น สิ่งนี้อาจทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศสูงกลับมาเพิ่มสูงขึ้นได้อีกครั้ง
4
อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากการประท้วงที่ผ่านมา คือ กลุ่มผู้ชุมนุมมาจากกลุ่มคนที่มีภูมิหลังทางสังคมที่หลากหลาย ทั้งแรงงานข้ามชาติ ชนชั้นกลาง และนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งการเกิดขึ้นของกลุ่มสังคมที่มีแนวร่วมในวงกว้างนี้ เรียกได้ว่าเป็น “ฝันร้าย” ของพรรคคอมมิวนิสต์ เพราะมันจะนำมาสู่อัตลักษณ์ทางสังคมที่เข้มแข็ง ในฐานะเหยื่อของรัฐบาล ที่ต่างได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการ Zero-Covid เช่นเดียวกัน
4
ไม่ว่า สี จิ้นผิง จะเลือกปราบปรามการชุมนุมหรือยุติการล็อกดาวน์ ก็ย่อมมีค่าใช้จ่ายสูงทั้งสิ้น การยอมยกเลิกมาตรการ Zero-Covid ถึงแม้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนสามารถฟื้นตัวได้ แต่ยังคงต้องรอดูต่อไปว่า การตัดสินใจของ สี จิ้นผิง จะช่วยให้เขากลับมามีความน่าเชื่อถือในฐานะผู้นำสูงสุดอีกครั้ง หรือจะเกิดการโจมตีของประชาชนเพื่อให้พรรคคอมมิวนิสต์ยอมลงจากตำแหน่ง เนื่องจากการดำเนินตามมาตรการที่ผิดพลาดในครั้งนี้แทน
7
ในอีกด้านหนึ่ง การปราบปรามการชุมนุมโดยการจับกุม อาจนำมาซึ่งผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตทวีคูณ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการประท้วงเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตเช่นกัน
1
จากเหตุการณ์ที่ประชาชนลุกฮือในหลายเมืองของจีนครั้งนี้ นับว่าเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ต่อการปกครองของผู้นำจีน ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า อำนาจของ สี จิ้นผิง และพรรคคอมมิวนิสต์กำลังถูกสั่นคลอนอยู่หรือไม่ ซึ่งเราก็ต้องจับตาดูสถานการณ์กันต่อไปว่าผู้นำจีนจะรับมือกับความท้าทายนี้อย่างไร
อ้างอิง
- Rare protests are spreading across China. Here’s what you need to know: Jessie Yeung and CNN's Beijing bureau, CNN : https://cnn.it/3UstqpX
- Protests erupt across China in unprecedented challenge to Xi Jinping’s zero-Covid policy: CNN's Beijing bureau and Nectar Gan, CNN : https://cnn.it/3GRvog5
- Xi Jinping has a tough decision to make on China's COVID protests: Minxin Pei, NIKKEIAsia : https://s.nikkei.com/3UbbKi7
2
#trend
#china
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
โฆษณา