1 ธ.ค. 2022 เวลา 06:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ส่อง 6 กอง RMF/SSF สุดแจ่ม พาพอร์ตฝ่าทุกวิกฤติการลงทุน
เดินทางมาถึงปลายปีแบบนี้ ได้เวลาทบทวนและปรับพอร์ตลงทุนกันอีกครั้ง โดยเฉพาะเข้าสู่ฤดูกาลของ RMF/SSF กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนระยะยาว พร้อมสิทธิ์ลดหย่อนภาษีในช่วงปลายปีนี้
ต้องยอมรับว่า ตลาดการลงทุนในปีนี้สุดแสนจะหม่นหมอง และในปีหน้าเมฆฝนก็ยังตั้งเค้ารออยู่ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนมากมาย โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ทำให้ความกังวลที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยในประเทศหลัก ๆ เพิ่มสูงขึ้น นำโดยสหรัฐฯ อังกฤษ และกลุ่มยูโรโซน
‘เงินเฟ้อ’ ยังคงเป็นศัตรูตัวฉกาจของเศรษฐกิจโลก และมีทีท่าว่าจะต่อซีซั่น 2 ในปีหน้า แม้เงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุดในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 7.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และถือเป็นครั้งแรกนับจากเดือนกุมภาพันธ์ ที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่า 8% หลังจากพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 9.1% เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ส่วนเงินเฟ้ออังกฤษยังคงพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ เมื่อตัวเลขในเดือนตุลาคมออกมาที่ 11.1% ทุบสถิติตัวเองอีกครั้งกับการทำนิวไฮในรอบ 41 ปี เกินกว่าระดับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 10.7%
แม้เงินเฟ้อสหรัฐฯ จะแผ่วลงมาบ้าง ทำให้ Fed มีโอกาสลดความร้อนแรงในการขึ้นดอกเบี้ยลง แต่โดยภาพรวมเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักจะค้างเติ่งอยู่ในระดับสูงไปอีกพักใหญ่ ‘ดอกเบี้ย’ จึงยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นต่อไปในปีหน้า และยังเป็นภาพที่กดดันการลงทุนในปี 2566
แต่อย่างน้อยเราก็เริ่มเห็นความแน่นอน จากความไม่แน่นอนเหล่านี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และถือเป็นสัญญาณที่ดีในการ “ปรับพอร์ต” เพื่อรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้น และไม่ว่าตลาดจะอยู่ในภาวะอย่างไร เรายังควรต้องลงทุนเพื่อสะสมเงินออมอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ตลาดก็ได้รับข่าวร้ายนั้นไปมากแล้ว BBLAM จึงมองว่าในปี 2566 ตลาดจะมีโอกาส Rebound กลับมาได้บ้าง แม้จะยังไม่ใช่ขาขึ้นแบบตลาดกระทิง แต่เราต้องเตรียมพอร์ตลงทุนไว้ให้พร้อม เพื่อ “สู้เงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยสูง” และ "สะสมเงินลงทุนเพื่อรอจังหวะตลาดหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้น”
“สู้เงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยสูง” ด้วย RMF/SSF ซึ่ง BBLAM ขอนำเสนอ 3 กองทุนหลัก ที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับพอร์ตลงทุนและสร้างความมั่งคั่งในยามเกษียณ
1. กองทุน MM-RMF แหล่งพักเงินในตราสารหนี้คุณภาพระยะสั้นเพื่อรอจังหวะลงทุน ในภาวะที่ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ยังเดินหน้าขึ้นต่อ แต่การขึ้นอาจเบาลงในระยะข้างหน้า จึงเป็นโอกาสเข้าลงทุน ซึ่งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 4.4% ถือว่าเป็นระดับที่น่าสนใจเทียบกับอัตราเงินปันผลเฉลี่ยในตลาดหุ้นที่ 2.8%
ข้อมูลกองทุน MM-RMF เพิ่มเติม: https://www.bblam.co.th/products/mutual-funds/retirement-mutual-fund/mm-rmf/summary
2. กองทุน B-GLOB-INFRARMF และ B-GLOB-INFRASSF เน้นลงทุนในหุ้นของธุรกิจสาธารณูปโภคที่มีรายได้อ้างอิงกับเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันภัยจากเงินเฟ้อในลักษณะ Inflationary Hedge ที่สำคัญกองทุนมีเป้าหมายที่จะเอาชนะเงินเฟ้ออีกด้วย
ข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
3. กองทุน BCARERMF และ BCARESSF ซึ่งลงทุนในธุรกิจด้านสุขภาพที่ถือเป็นหุ้นกลุ่ม Defensive จึงทนทานกับภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูงได้ดี นอกจากนี้ธุรกิจในกลุ่มสุขภาพมีแนวโน้มเติบโตสูงตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
"สะสมเงินลงทุนเพื่อรอจังหวะตลาดหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้น” เพราะการจับจังหวะตลาดให้ถูกต้องตลอดเวลานั้นคงเป็นเรื่องยาก แต่ในจังหวะที่ตลาดเปลี่ยนทิศจาก ‘ตลาดหมี’ กลับมาเป็น ‘ตลาดกระทิง’ จะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้มากที่สุด และสั้นที่สุด! BBLAM จึงแนะนำให้แบ่งเงินลงทุนในกองทุน RMF/SSF ที่มีโอกาสเติบโตสูงใน 3 ธีมหลัก ได้แก่
4. ธีมเทคโนโลยี อย่างกองทุน B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างโดดเด่น แม้ในช่วงสั้นนี้หุ้นกลุ่มเทคฯ มีปัจจัยกดดันมากมาย แต่เราจะเลือกลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้นำตลาด คุณภาพสูง และราคาเหมาะสม
ข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
5. ธีมรักษ์โลก B-SIPRMF และ B-SIPSSF เน้นลงทุนในบริษัททั่วโลกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการอย่างยั่งยืน (Sustainability) และให้ความสำคัญด้าน ESG (Environment, Social, Governance) ซึ่งครอบคลุมถึงการใช้พลังงานสะอาด, การใช้พลังงานทดแทน, การใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ, การบำบัดของเสียและรีไซเคิล, การควบคุมมลภาวะ เป็นต้น
ข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
6. B-VIETNAMRMF และ B-VIETNAMSSF เน้นลงทุนหุ้นเวียดนามที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง (Reopening), การท่องเที่ยว (Traveling), การอุปโภคบริโภค (Consumption) ที่ล้อไปกับการเติบโตเศรษฐกิจ
แม้เศรษฐกิจเวียดนามจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในบางจุด เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ แต่ BBLAM มองว่า พื้นฐานเศรษฐกิจเวียดนามมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ไม่ใช่เศรษฐกิจที่เปราะบางเหมือนในอดีต ไม่ได้มีหนี้ดอลลาร์สหรัฐฯ สูง ขณะที่ราคาหุ้นก็ลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน ซึ่ง P/E ของตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ที่ 8.2 เท่า เทียบกับอัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้น ( EPS Growth) ของเวียดนามซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 10-15% ในปีหน้า จึงถือว่า Valuation อยู่ในระดับที่เข้าลงทุนได้
ข้อมูลกองทุนเพิ่มเติม
คำเตือน: การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุน RMF/SSF
ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#กองทุนรวม #ลงทุน #ลงทุนในกองทุนรวม #กองทุนลดหย่อนภาษี #RMF #SSF
โฆษณา