#ชาวอังกฤษสุดช้ำ
#Brexitทำอังกฤษต้องจ่ายค่าอาหารแพงกว่าเดิม 7 พันล้านเหรียญ
ผลพวงจาก Brexit ยังพ่นพิษใส่ชาวอังกฤษอย่างต่อเนื่อง เมื่อนักวิจัยด้านเศรษฐกิจ จากสถาบัน London School of Economics ชี้ว่า ตั้งแต่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปได้เพียงไม่ถึง 2 ปี ทำชาวอังกฤษต้องจ่ายค่าอาหารแพงกว่าเฉลี่ยคนละ 254 เหรียญ (8890 บาท) และบิลค่าอาหารในครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นถึง 6%
มองตัวเลขระดับนี้อาจจะไม่เห็นภาพ นักวิจัยจึงสรุปว่า ตั้งแต่ Brexit มา อังกฤษต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเฉพาะค่าอาหารอย่างเดียวสูงถึง 7.2 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2.5 แสนล้านบาท++ เป็นรายจ่ายที่พุ่งสูงขึ้นในอัตรา 3% ต่อปีต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 แล้ว ซึ่งนักวิจัยยังไม่มีคำตอบว่า ราคาสินค้าบริโภคในอังกฤษจะคงที่ได้เมื่อไหร่
และอัตราเงินเฟ้อของสินค้าในอังกฤษยังกลับมาทำ New High ที่ 12.4% เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะ สินค้าประเภท ไข่ไก่ นม เนย กาแฟ ผักสด ผลไม้ ฯลฯ ขยับราคาสูงขึ้นจนชาวอังกฤษปวดใจ
สำนักวิจัย SurveyGoo ได้ทำการสำรวจความเห็นของผู้บริโภคชาวอังกฤษ ในช่วงเดือนตุลาคม 2022 กว่า 24.9% ตอบว่าพวกเขาไม่ได้ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม อย่างที่เคยมา 3 เดือนแล้วเพราะราคาพุ่งสูงมาก ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ซื้อสินค้า เพราะราคาแพงขึ้น ยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยสำรวจไว้เมื่อ 10 เดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ Brexit และภาวะเงินเฟ้อยังมีผลทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคชาวอังกฤษเปลี่ยนไป 48.4% ตอบว่าพวกเขา มาซื้อของในซุปเปอร์มาร์เกตไม่บ่อยเหมือนแต่ก่อน 50.9% ตอบว่า พวกเขาจับจ่ายซื้อสินค้าต่อครั้งน้อยลง และมีถึง 57.8% ตอบว่า ยอมเปลี่ยนไปซื้อสินค้าชนิดอื่น แบรนด์อื่นที่มีราคาถูกกว่า
และไม่ใช่เฉพาะสินค้าประเภทอาหารเท่านั้นที่มีราคาสูงขึ้นหลัง Brexit แต่มีผลกระทบในแทบทุกกลุ่มสินค้า ถึงแม้ว่าอังกฤษจะได้รับการอนุโลมกำแพงภาษี ของกลุ่มสหภาพยุโรป (ในตอนนี้) แต่ก็ต้องเจอมาตรการ ขั้นตอนการตรวจเซ็คตามด่านชายแดนเพิ่มมากขึ้น ทั้งสินค้าขาเข้า และ ขาออก ที่ล้วนแต่เป็นต้นทุน ที่ทั้งบริษัทผู้ส่งออกชาว EU หรือ ผู้นำเข้าของอังกฤษ ต่างผลักภาระต้นทุนส่วนนี้กว่า 50 - 88% ให้ผู้บริโภคเป็นคนจ่าย แล้วอย่างนี้ ราคาข้าวของมันจะไม่แพงขึ้นได้อย่างไร??
และนั่นก็ส่งผลต่อค่าครองชีพโดยรวมของประชากรทั้งประเทศ ที่เพิ่มสูงขึ้นทันที 1.1% และผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ที่ดูเหมือน Brexit จะทำให้มูลค่าเงินในกระเป๋าของพวกเขาหายไป ที่นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ลดต่ำลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และนี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของกระบวนการ Brexit เท่านั้น
ถึงตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจถดถอยหลังวิกฤติ Covid-19 กับ สงครามในยูเครน แต่หากเทียบภาพรวมระดับเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศ EU อยู่ที่ราวๆ10% แต่สำหรับอังกฤษในช่วงเวลาเดียวกันกลับเจอปัญหาเงินเฟ้อที่หนักกว่ามาก และพุ่งสู่ New High ที่ 12.4%
ด้านองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ยังเคยรายงานว่า เศรษฐกิจของอังกฤษฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้วในระดับเดียวกัน แถมอังกฤษยังเป็นประเทศเดียวในกลุ่ม G-7 ที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจยังไม่กลับมาได้เท่ากับช่วงก่อนวิกฤติ Covid-19
จากหลายๆตัวเลขประกอบกัน ทำให้เชื่อได้ว่า Brexit เป็นเหตุ สังเกตได้ จนมีชาวอังกฤษจำนวนไม่น้อยออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยพาอังกฤษกลับเข้าไปอยู่ใน EU เหมือนเดิมจะดีกว่านี้ไหม?
แต่ตอนจะออก ชาวอังกฤษเป็นคนตัดสินใจเองได้แต่ถ้าจะกลับเข้าไปใหม่ คนที่จะตัดสินใจ จะเป็นชาว EU นาจ๊า แถมเรื่องก้มหัวง้อใคร ชาวอังกฤษก็ไม่ถนัดซะด้วย😅
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Twitter - @HunsaraByJeans
Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
Tiktok - @HunsaraByJeans
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
- 12
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
