6 ธ.ค. 2022 เวลา 01:13 • หุ้น & เศรษฐกิจ
✅Morning Update 06.12.2022
Asia
1.ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียโดยรวมปรับตัวขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังว่าจะมีการเปิดเมืองใหญ่ๆของจีนเพิ่มเติมอีกและลดความเข้มข้นของนโยบาย zero-covid ลง มีข่าวลือว่าทางการจีนอาจประกาศ 10 มาตรการใหม่เพื่อผ่อนคลายการคุมโควิด-19 อย่างเร็วที่สุดในวันพุธนี้ (7 ธ.ค.) หลังจากที่มีการประกาศ 20 มาตรการผ่อนคลายเมื่อเดือน พ.ย. ซึ่งบังคับใช้ทั่วประเทศ ปัจจัยนี้ช่วยดันดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปิดบวก
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกและสนามบิน หลังการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคัก ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของญี่ปุ่นออกมาที่ 50.3 ขยายตัวดีกว่าที่ตลาดคาด โดย Topix ปิดที่ 1,947.90 จุด (+0.31%)
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลดลง โดย Kospi ปิดที่ 2,419.32 จุด (-0.62%)
ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง โดยดัชนีปิดตลาดดังนี้ CSI300 3,946.88 (+1.96%) / HSCEI 6,706.29 (+5.30%) / และ HSI 19,518.29 (+4.51%)
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดย SET ปิดศุกร์ที่ 1,641.63 จุด (-0.41%)
ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย VNI index ปิดที่ 1,093.67 จุด (+1.26%) หลังบวกติดต่อกันมา 3 สัปดาห์ นักวิเคราะห์มองความกังวลในตลาดก่อนหน้านี้คลายตัวลงและมองเป้าหมายแนวต้านต่อไปที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บริเวณ 1,130 - 1,150 จุด
Europe
2. ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ ถูกกดดันจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังตัวเลขเศรษฐกิจบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนลดลง หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และหุ้นของธุรกิจที่พึ่งพาตลาดจีนช่วยดันตลาด ด้านนายแกเบรียล มาคลูฟ กรรมการธนาคารกลางยุโรป ระบุว่า ECB มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางความวิตกอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดย Stoxx 600 ปรับตัวลดลงปิดที่ 441.48 จุด (-0.41%)
3.ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการบริการของเยอรมนี (German Services Purchasing Managers Index (PMI)) หดตัวลง โดยตัวเลขที่ออกมา 46.1 นั้นต่ำกว่าที่ประกาศครั้งก่อนที่ 46.5 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 46.4 ด้วย สะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจเยอรมนี
4.ตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซนวานนี้ ตัวเลขดัชนี PMI ภาคการบริการ (พ.ย.) 48.5 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 48.6 ตัวเลขดัชนียอดขายปลีก (เดือนต่อเดือน) (ต.ค.) -1.8% ต่ำว่าคาดการณ์ที่ -1.7% ตัวเลขดัชนียอดขายปลีก (ปีต่อปี) ( ต.ค.) -2.7% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ -2.6%
US
5.ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง หลังมีการประกาศตัวเลขภาคบริการที่ออกมาดีกว่าคาด นำไปสู่ความกังวลว่า FED จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.5 ในเดือนพ.ย. จาก 54.4 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563 นอกจากนั้นยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 53.3 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ ทั้งนี้บรรดาเทรดเดอร์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับประมาณ 5% ภายในเดือนพ.ค. 2566
เมื่อเทียบกับกรอบเป้าหมายในปัจจุบันที่ 3.75-4% ขณะที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ โดยดัชนีปิดตลาดดังนี้ Dow Jones; 33,947.10 (-482.87) จุด (-1.40%) / S&P 500; 3,998.84 (-72.86) จุด (-1.79%) / และ Nasdaq 100; 11,786.80 (-207.46) จุด (-1.73%)
6. หุ้นที่ Outperform ตลาด 3 อันดับสูงสุด ได้แก่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค -0.60% กลุ่ม Health Care -0.99% และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค -1.20%
หุ้นที่ Underperform ตลาด 3 อันดับสูงสุด ได้แก่หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -2.95% กลุ่มพลังงาน -2.94% และกลุ่มการเงินการธนาคาร -2.50%
7.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 0.7% ทั้งนี้ คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมา
8.CME Fedwatch ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้พิจารณาความเห็นของนักลงทุนต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดบ่งชี้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ (75.8%) ยังคงมองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50%
9.หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวลง / หุ้น Innovation ปรับตัวลงค่อนข้างแรง / หุ้น Semiconductor ปรับตัวลงยกเว้น TSMC ที่ปรับขึ้นตามตลาดเอเชีย / ETF ด้าน Technology & Innovation ปรับตัวลง / ADRs หรือหุ้นจีนและเอเชียที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น
10.S&P500 VIX Index ปรับตัวลดลงปิดที่ 20.75 จุด / Nasdaq 100 VIX ปรับตัวลดลงปิดที่ 26.16 จุด
11.Bond Yield หรืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.60 bps ปิดที่ 3.583%
12.ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยล่าสุดอยู่ที่ 105.29 จุด / ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง โดยล่าสุดอยู่ที่ 35.07 บาทต่อดอลลาร์
13.ราคาทองคำปรับตัวลดลง โดยล่าสุดอยู่ที่ 1,769.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ -29.72 $/oz. (-1.65%)
14.ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง โดยล่าสุดอยู่ที่ 82.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-3.07%) ด้าน WTI ปิดที่ 77.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-4.61%)
15.ราคาบิทคอยน์ปรับตัวลดลง โดยราคาล่าสุดของบิทคอยน์อยู่ที่ 16,973.6 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์
ที่มาภาพ :
#LHBankAdvisory

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา