7 ธ.ค. 2022 เวลา 09:15

ปฏิบัติธรรม เพื่อความสิ้นทุกข์ มีวิธีปฏิบัติเดียว

หลังจากที่ได้ชี้ชัดให้เห็นแล้วว่า วิธีปฏิบัติด้วยการเผาชื่อแล้วพ้นนรกนั้น เป็นวิธีการนอกพุทธศาสนา ซึ่งวิธีดังกล่าวถือเป็นเพียงหนึ่งวิธีการปฏิบัติที่อ้างว่าเป็นพุทธศาสนา ยังมีอีกมากที่ได้อ้างว่าเป็นวิธีการปฏิบัติตามธรรมของพระพุทธเจ้าโดยเกือบทั้งหมดเกินขึ้นหลังพุทธกาล หลักๆก็จะมี การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม การเดินธุดงค์ การสวดมนต์ การปฏิบัติธรรม 3วัน 5วัน 7วัน
ในการปฏิบัติดังกล่าวข้างต้น หรือไม่ว่าจะด้วยวิธีการปฏิบัติใดๆ ที่ไม่ใช่ธรรมขององค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ถือปฏิบัติไม่ว่าจะด้วยความบริสุทธิ์ใจหรือไม่เพียงใด ก็ไม่เกิดผลใดๆในการปฏิบัติทั้งสิ้น
ซ้ำยังจะส่งบุคคลผู้แสดงการปฏิบัติเหล่านี้ไปสู่ทุกข์ตลอดกาลนาน ส่วนบุคคลผู้ปฏิบัติตาม ผลที่ได้ก็เช่นเดียวกัน
เหตุเพราะ นี่ถือเป็นการกล่าวตู่พระธรรมคำสอนขององค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง ผู้กล่าวตู่ธรรมของพระองค์ท่านในสมัยพุทธกาลจะถูกบริภาษด้วยคำหนักว่า ดูกรโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอกล่าวตู่เรา ขุดตนเองด้วย จะประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก ด้วยทิฏฐิที่ตนถือไว้ชั่วแล้วนั้น
ดูกรโมฆบุรุษ ก็ความเห็นของเธอนั้น เป็นไปเพื่อโทษ ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ เป็นไปเพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน
ดังนั้น บุคคลผู้นำปฏิบัติหรือบุคคลผู้ปฏิบัติตาม ย่อมมีผลการปฏิบัติเช่นเดียวกัน
แล้วการปฏิบัติในความสิ้นทุกข์ที่องค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและอริยสาวกทั้งหมดทั้งสิ้น ได้ปฏิบัติตามกันมาคืออย่างไร
โดยลำดับที่ผ่านมาได้แสดงธรรมในองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ได้รับฟังมาตามลำดับว่า องค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ในอริยสัจ4 และนำอริยสัจ4 นี้มาประกาศ ให้หมู่มวลมนุษยชาติได้รู้ตาม ได้ปฏิบัติตามเพื่อความสิ้นทุกข์โดยถ้วนรอบ
อริยสัจ4 ประกอบไปด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
เมื่อพิจารณาตามลำดับเราจะเห็นธรรมฝ่ายเกิดทุกข์ และธรรมฝ่ายดับทุกข์
ธรรมฝ่ายทุกข์คือ ทุกข์กับสมุทัย
ธรรมฝ่ายดับทุกข์คือ นิโรธกับมรรค
โดยเฉพาะข้อมรรคนี้ ก็คืออริยมรรคมีองค์8 เป็นข้อธรรมสำหรับปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ให้สิ้น ออกจากวัฏสงสาร หรือให้พ้นจากสัตว์นรก เดรัจฉาน เปรต มนุษย์ เทวดา ของสรรพชีวิต ออกไปสู่ความเป็น โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหัตผล ตามลำดับ หรือการปฏิบัติเพื่อนิพพาน เพื่อปรินิพพานไปตามลำดับ จะต้องปฏิบัติด้วยมรรคมีองค์8 นี้เท่านั้น
มรรคมีองค์8 ประกอบไปด้วย สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
เบื้องต้นให้เราหาดูว่ามีตรงไหนบ้างที่อริยมรรคมีองค์8 บอกให้เรานั่งสมาธิ เดินจงกรม เดินธุดงค์ สวดมนต์ หรือปฏิบัติธรรม 3วัน 5วัน 7วัน การเข้าใจผิด หรือการตีความหมายผิด ในข้อธรรมสำหรับปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์ได้อธิบายไว้มากแล้ว มาดูว่าข้อปฏิบัติเดียวที่จะดับทุกขืให้สิ้นคืออย่างไร
ได้บอกแล้วว่ามรรคมีองค์8 ไม่สามารถประพฤติปฏิบัติให้ถึงผลอันเป็นที่สุดเพียงลำพังได้ จะต้องอาศัยธรรมห้อมล้อมที่ชื่อว่าโพธิปักขิยธรรม อันประกอบไปด้วย สติปัฏฐาน4 สัมมัปปธาน4 อิทธิบาท4 อินทรีย์5 พละ5 โพชฌงค์7 และมรรคมีองค์8 เมื่อแยกย่อยหัวข้อธรรมของโพธิปักขิยธรรมออกมาจะได้ 37 หัวข้อธรรมย่อย
ในข้อที่37 ข้อสุดท้ายจะมีคำว่าสัมมาสมาธิอยู่ โดยหมู่มวลชาวพุทธทราบกันว่า ใครปฏิบัติจนจิตตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิจะถือว่าบรรลุธรรม ซึ่งในพระสูตรที่ชื่อว่ามาหาสติปัฏฐานสูตร อธิเบายชัดเจนว่าสัมมาสมาธิประกอบไปด้วย ฌาน1 ฌาน2 ฌาน3 ฌาน4
แต่ด้วยการตีความหมายในพระสูตรผิดหรือไม่ถ้วนรอบในธรรมของบุคคลที่ไม่ถ้วนรอบในธรรม ทำให้หมู่มวลชาวพุทธของพวกเราเป็นจำนวนมาก เห็นว่าเมื่อทำสมาธิแล้วจะเกิดฌาน เมื่อใครได้ฌานถือว่า ได้สมาธิหรือสัมมาสมาธิ จึงเกิดการ ทำสมาธิด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิ การเดินจงกรม การเดินธุดงค์ การสวดมนต์ การปฏิบัติธรรม 3วัน 5วัน 7วัน การปฏิบัติทั้งหมดก็เพื่อให้เกิดสมาธิ แล้วเชื่อว่าเมื่อได้สมาธิแล้วนั้นคือสัมมาสมาธิ
"ดังนั้นขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า การปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือ การกระทำฌาน ไม่มีวิธีอื่น" โดยในการปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์ ในบทธรรมที่ชื่อว่าโพธิปักขิยธรรม ต้องปฏิบัติด้วยการกระทำฌานเท่านั้น
1
หากถามว่า ข้อปฏิบัติที่ถือปฏิบัติกันอยู่ทั้งสิ้น ก็เพื่อกระทำฌาน ทำไมจึงเรียกการปฏิบัติเหล่านั้นว่าเป็นการปฏิบัติที่ผิด
เบื้องต้นตอบว่า ข้อแตกต่างคือ ธรรมในองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในยุคพุทธกาล เมื่อกระทำ ฌาน1 ฌาน2 ฌาน3 ฌาน4 ตามลำดับบริบูรณ์แล้วจิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิหรือสัมมาสมาธิ
1
ต่างจากหมู่มวลชาวพุทธของเราที่กระทำสมาธิเพื่อให้ได้ฌาน แล้วหวังว่าเมื่อได้ฌานแล้วจะเกิดสมาธิ จึงเกิดการทำสมาธิด้วยวิธีต่างๆมากมายเพื่อให้ได้สมาธิ แล้วหวังว่าเมื่อปฏิบัติแล้ว จิตเกิดความสงบแล้ว จะนับว่าจิตตนเป็นสมาธิหรือสัมมาสมาธิ
หากเราดูการปฏิบัติขององค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและอริยสาวกทั้งสิ้น
กับหมู่มวลชาวพุทธหลังพุทธกาลจะกลับด้านกัน
คือ พระพุทธเจ้าและอริยสาวก ทำฌานเพื่อให้ได้ฌาน เมื่อฌานบริบูรณ์จะเกิดสมาธิหรือสัมมาสมาธิ
ส่วนหมู่มวลชาวพุทธหลังพุทธกาล ปฏิบัติโดย ทำสมาธิเพื่อให้ได้ฌาน
" ดังนั้น ข้อปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์ มีวิธีเดียวคือการกระทำฌาน "
ให้ได้ทราบเบื้องต้นก่อนว่าการปฏิบัติที่เราถือปฏิบัติกันมา ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิ การเดินจงกรม การเดินธุดงค์ การสวดมนต์ การปฏิบัติธรรม 3วัน 5วัน 7วัน หรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่การกระทำฌาน ตามหลักอริยสัจ4
คือเห็นทุกข์ก่อน จึงเห็นสมุทัย จึงทำนิโรธตามหลักปฏิบัติในข้อมรรค
ท้ายนี้ต้องบอกว่ารายละเอียดในเรื่องนี้ยังมีอีกมากดังที่ได้แสดงมาแล้วตามลำดับ หากท่านสนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถฟังย้อนหลังได้
รายละเอียดเพิ่มเติมในธรรมส่วนอื่นๆ สามารถรับฟังได้ที่นี้
PODCAST 👇
แนวทางสู่โสดาบัน✔
โฆษณา