กรณีศึกษา เมย์ มัสก์ เลี้ยงลูกอย่างไร “อีลอน มัสก์” ถึงโตมาเป็นคนแบบนี้
ถ้าพูดถึงมหาเศรษฐีระดับโลก เชื่อว่าในนาทีนี้ คงไม่มีใครไม่คิดถึง “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกในปี 2022 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 2.19 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.45 ล้านล้านบาท)
และไม่ว่าอีลอน มัสก์ จะขยับตัวทำอะไร ก็กลายเป็นข่าวได้แทบทุกวัน แค่เขาโพสต์ข้อความลงบน Twitter ส่วนตัว ทั้งตลาดหุ้น และตลาดคริปโท ก็ปั่นป่วนในทันที..
รวมถึงอีลอน มัสก์ ยังเป็นเจ้าของกิจการบริษัทชื่อดังหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น
- Tesla บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
- SpaceX บริษัทด้านเทคโนโลยีอวกาศ ที่ประกาศว่าจะพาคนไปท่องเที่ยวอวกาศในอนาคตอันใกล้
- The Boring Company บริษัทขุดอุโมงค์ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการจราจร
- Neuralink บริษัทเทคโนโลยีเชื่อมสมองเข้ากับคอมพิวเตอร์
และเมื่อไม่นานมานี้ ก็เพิ่งเข้าซื้อกิจการบริษัทโซเชียลมีเดีย ที่เขาชอบเล่นอย่าง Twitter ที่ตามมาด้วยกระแสข่าวทั้งในด้านบวกและด้านลบมากมาย
ทำให้ อีลอน มัสก์ กลายเป็นมหาเศรษฐีที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดคนหนึ่งของโลกไปโดยปริยาย..
หลายคนอาจสงสัยว่า อะไรคือสิ่งที่เป็นแรงผลักดัน และเป็นปัจจัยเบื้องหลัง ที่ทำให้อีลอน มัสก์ เป็นนักธุรกิจ และมหาเศรษฐีระดับโลก ได้ในแบบทุกวันนี้ ?
นอกเหนือจากความพยายามอย่างหนักหน่วงในทุกช่วงวัยของชีวิต เริ่มตั้งแต่การ “ฝึกเขียนโปรแกรม” ตอนอายุ 11 ปี เพื่อส่งเข้าประกวด กับนิตยสาร PC Magazine จนได้รับเงินรางวัลกลับมา 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 510,000 บาท)
รวมถึงความแน่วแน่ในการ “ทำงานหนัก” ทั้งยอมหอบถุงนอนเข้าไปนอนในโรงงาน Tesla หรือไม่ยอมกลับบ้านจนกว่าจะแก้วิกฤติที่ Twitter กำลังเผชิญอยู่ได้สำเร็จ
แน่นอนว่า นอกจาก “ความพยายาม” ของตัวเขาเองแล้ว
ยังต้องยกเครดิตให้กับการเลี้ยงดูจากคุณแม่ ที่ทำให้อีลอน มัสก์ เติบโตมาเป็นคนที่มีความทุ่มเท มีวิสัยทัศน์ และเป็นมหาเศรษฐีแบบทุกวันนี้..
ก่อนอื่น ต้องขอชวนไปทำความรู้จักกับคุณแม่ของอีลอน มัสก์ ก่อนว่า เธอเป็นใคร ?
คุณแม่ของอีลอน มัสก์ มีชื่อว่า “เมย์ มัสก์”
ปัจจุบันเธอมีอายุ 74 ปี เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ของลูก ๆ ทั้ง 3 คน ได้แก่ อีลอน มัสก์, คิมบาล มัสก์ และทอสกา มัสก์
หลังจากหย่าขาดจากเออร์รอล มัสก์ ซึ่งเป็นสามีของเธอ ในปี 1979 เพราะชีวิตหลังการแต่งงานไม่ได้ราบรื่นมากนัก
อย่างไรก็ตาม แม้เมย์ มัสก์ จะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่วิธีการเลี้ยงลูกของเธอ กลับกลายเป็นบทบาทสำคัญ ที่ปูทางความสำเร็จ ให้กับอีลอน มัสก์ และน้อง ๆ อีก 2 คนของเขา
ด้วยความที่เมย์ มัสก์ เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำให้เธอต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก ให้ได้ใช้ชีวิตโดยไม่ขาดปัจจัย 4 ที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิต
ซึ่งอาชีพที่เธอทำจนเรียกได้ว่าเป็นอาชีพหลัก คือ นักโภชนาการ และนางแบบ
รวมถึงปัจจุบัน เธอยังเป็นนักเขียน ที่เขียนหนังสือบอกเล่าประสบการณ์ในชีวิตของเธออีกด้วย
การทำงานหนักของเมย์ มัสก์ นี่เอง ที่ทำให้ลูก ๆ ทั้ง 3 คนของเธอ เห็นเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต
เพราะในช่วงเวลาที่ลูก ๆ ทั้ง 3 คนของเธอยังเล็ก เธอต้องเปลี่ยนห้องนอนภายในบ้าน ให้กลายเป็นห้องทำงาน โดยที่ลูก ๆ แต่ละคน คอยให้ความช่วยเหลือ หยิบจับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ มาตั้งแต่เล็ก
อย่างอีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นลูกชายคนโต ก็มีหน้าที่ช่วยเหลือ เวลาที่เธอไม่เข้าใจการทำงานของโปรแกรมพิมพ์เอกสาร
ส่วนทอสกา มัสก์ ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็ก ก็ช่วยพิมพ์เอกสารพื้นฐานให้กับเธอ และในบางครั้งก็ช่วยต้อนรับลูกค้าที่มาขอรับคำปรึกษาด้านโภชนาการที่บ้านด้วย
แต่วิธีการเลี้ยงลูกที่เมย์ มัสก์ มองว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ลูก ๆ ทั้ง 3 คนของเธอ ประสบความสำเร็จมากที่สุด คือการ “ให้อิสระ”
โดยปล่อยให้ลูก ๆ ได้คิด และตัดสินใจ ที่จะเลือกใช้ชีวิตเป็นของตัวเองในทุก ๆ เรื่อง โดยไม่มีการบังคับ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ตามใจจนเสียคน
เมย์ มัสก์ ยกตัวอย่างว่า เธอให้อิสระกับลูก ๆ ทั้ง 3 คน ในการตัดสินใจเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ ไม่เคยเช็กว่าลูกของเธอจะทำการบ้านหรือไม่
เพราะเธอเชื่อว่านั่นคือ “ความรับผิดชอบ” ที่ลูก ๆ ของเธอต้องมีด้วยตัวเอง
การสอนให้ลูกของเธอ รู้จักมีความรับผิดชอบในชีวิตของตัวเองตั้งแต่เด็ก
เธอคิดว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตในอนาคตของลูก ๆ ทุกคน
เมื่อถึงวัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอก็ให้ลูก ๆ ตัดสินใจกันเอง ว่าจะเข้าเรียนในคณะอะไร รวมถึงขอทุนการศึกษา และกู้ยืมเงินเพื่อส่งตัวเองเรียนอีกด้วย
และด้วยความที่ลูก ๆ เห็นเธอทำงานหนัก ยอมซื้อเสื้อผ้ามือสอง เพื่อประหยัดเงิน และหาเงินเลี้ยงลูก มาโดยตลอด ทำให้ลูก ๆ ของเธอ ไม่มีนิสัย “ติดหรู”
พวกเขายอมอยู่หอพักเก่า ๆ หรือไม่ก็บ้านโทรม ๆ พร้อมกับรูมเมตอีก 6 คน
และเธอก็เลือกที่จะปล่อยให้ลูก ๆ ได้รู้จักดูแลตัวเอง โดยมีเธอมองดูความปลอดภัยอยู่ห่าง ๆ
ซึ่งการปล่อยให้ลูก ๆ ทุกคน ได้ใช้ชีวิตจากความพยายามของตัวเอง เป็นการสอนให้ลูก ๆ ของเธอ รู้จักเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การให้อิสระกับลูก ๆ ของเมย์ มัสก์ นั้น ยังรวมถึงการให้อิสระในความสนใจของลูก ๆ ในทุกเรื่องอีกด้วย และแน่นอนว่า รวมถึงเรื่อง “ธุรกิจ” ที่ลูก ๆ ทั้ง 3 คน อยากทำ
เธอเล่าว่า หากลูก ๆ ของเธอ สนใจอยากเริ่มทำธุรกิจขึ้นมาสักหนึ่งอย่าง
ถ้าเธอคิดว่ามันเป็นแนวคิดที่ดี เธอก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่
พร้อมกับคอยสอนให้ลูก ๆ มีมารยาทที่ดี ให้พวกเขาได้รู้จักตัดสินใจ และลงมือทำด้วยตัวเอง
แต่เมื่อใดก็ตาม ที่ลูก ๆ ต้องการเธอ
เธอก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วย ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษา หรือให้แรงผลักดันในชีวิตก็ตาม
การสอนให้ลูก ๆ ได้เห็นความพยายามในการทำงานอย่างหนัก เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต พร้อม ๆ กับการสอนให้พวกเขารู้จักคิด ตัดสินใจ และมีความรับผิดชอบเป็นของตัวเองตั้งแต่เด็ก
ทำให้ในทุกวันนี้ ลูก ๆ ทั้ง 3 คน ของเมย์ มัสก์ ได้เลือกเส้นทางในชีวิต และประสบความสำเร็จ ในแบบฉบับของตัวเอง
อย่าง คิมบาล มัสก์ ลูกชายคนกลาง ของเมย์ มัสก์ ปัจจุบันมีอายุ 50 ปี เป็นทั้งนักธุรกิจ และนักลงทุน มีความสนใจในด้านนวัตกรรมอาหาร และการเกษตร เป็นเจ้าของกิจการ The Kitchen Restaurant Group ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านอาหารที่มีแนวคิดเพื่อชุมชน
ทอสกา มัสก์ ลูกสาวคนเล็ก ในวัย 48 ปี ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ รวมถึงเปิดบริษัทด้านความบันเทิงเป็นของตัวเอง ทำหน้าที่สร้างภาพยนตร์โรแมนติก จากนิยายชื่อดังหลาย ๆ เรื่อง
และแน่นอนที่สุด คือ อีลอน มัสก์ พี่ชายคนโต ในวัย 51 ปี เป็นทั้งนักธุรกิจ และนักลงทุน ผู้เป็นเจ้าของบริษัทที่คิดค้นนวัตกรรมพลิกโลก ทั้ง Tesla, SpaceX และ The Boring Company
รวมถึงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกอีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็พอจะเห็นแล้วว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในชีวิต ของ 3 พี่น้องตระกูลมัสก์ ไม่ได้เกิดจากความเก่งหรือความพยายามด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียว
แต่แนวทางการเลี้ยงดูของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว อย่าง “เมย์ มัสก์” ก็ย่อมส่งผลและเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จนั้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว..
- ●
- ●
- ●
- 96
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
