หลายปีที่ผ่านมา บริษัทระดับโลกหลายแห่ง เช่น Foxconn, Sharp, Samsung ได้ย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีน
โดยมีประเทศจุดหมายของฐานการผลิตใหม่ก็คือ “เวียดนาม”
แล้วทำไมบริษัทเหล่านี้ ถึงย้ายฐานการผลิตจากจีน ไปเวียดนาม ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายบริษัทได้เริ่มย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังเวียดนาม
เหตุผลสำคัญ ก็เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ เช่น สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน
- Foxconn ที่รับประกอบสินค้าให้กับ Apple ได้ย้ายฐานการผลิต iPad และ MacBook ไปยังเวียดนาม
- Sharp บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนาม
- Samsung บริษัทผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยี ปัจจุบันมากกว่า 50% ของสมาร์ตโฟนทั้งหมด มีฐานการผลิตอยู่ในเวียดนาม รวมถึงเมื่อไม่นานมานี้ ก็ยังได้ขยายธุรกิจผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ ไปยังเวียดนามอีกด้วย
สะท้อนผ่าน การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ Foreign Direct Investment (FDI) ที่ไหลเข้าเวียดนาม มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ปี 2563 มูลค่า 537,200 ล้านบาท
ปี 2564 มูลค่า 669,800 ล้านบาท
ปี 2565 มูลค่า 762,000 ล้านบาท
แล้วมีเหตุผลอะไรอีกบ้าง ที่ธุรกิจเหล่านี้ ถึงย้ายฐานการผลิตจากจีน ไปเวียดนาม ?
- เวียดนามได้ทำข้อตกลงการค้าเสรีกับหลายประเทศ
โดยข้อตกลงการค้าเสรีนั้น เป็นตัวช่วยลดอุปสรรคจากการค้า ทั้งในเรื่องภาษี และไม่ใช่ภาษี ช่วยเพิ่มโอกาสขยายตลาดเดิม และเพิ่มโอกาสเข้าสู่ตลาดใหม่ได้
ส่งผลให้สามารถส่งออกสินค้าได้มากขึ้น และสามารถนำเข้าสินค้าได้ในราคาถูกลง โดยเฉพาะวัตถุดิบ ที่ใช้ในการผลิตสินค้า
ปัจจุบัน เขตการค้าเสรีที่เวียดนามเข้าไปเป็นสมาชิก เช่น เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA), ความตกลงแบบครอบคลุมและก้าวหน้า สำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP), ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) เป็นต้น
- ความได้เปรียบเรื่องแรงงาน
ค่าแรงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้บริษัทข้ามชาติหลายแห่ง เลือกที่จะย้ายออกจากจีนไปยังเวียดนาม โดยเฉพาะในภาคการผลิต ที่มีค่าแรงเป็นต้นทุนหลัก
ปัจจุบัน ค่าแรงขั้นต่ำของเวียดนามอยู่ที่ 6,800 บาทต่อเดือน
เทียบกับจีน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศที่ได้เปรียบเรื่องค่าแรงถูก ปัจจุบันอยู่ที่ 13,000 บาทต่อเดือน แพงเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับเวียดนาม
นอกจากนี้ โครงสร้างประชากรของเวียดนาม ยังมีความพร้อมที่จะเป็นฐานรองรับการผลิต
โดยเวียดนามนั้นมีประชากรที่อยู่ในวัยทำงานกว่า 56 ล้านคน หรือราว 55% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
- มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญในการพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
รู้ไหมว่าในปี 2564 เวียดนามมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 476,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของมูลค่า GDP ซึ่งเป็นสัดส่วนต่อ GDP ที่สูงที่สุดของทุกประเทศในอาเซียน
ขณะที่ช่วงปี 2564-2568 รัฐบาลมีการตั้งงบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งหมด 4.3 ล้านล้านบาท เพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขันในภูมิภาคอีกด้วย
- การเมืองมีเสถียรภาพและมีความมั่นคง
เวียดนามมีการปกครองระบอบสังคมนิยม ที่มีพรรคการเมืองเดียว ทำให้การบริหารประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเวียดนามจะปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม แต่ก็มีระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุนในเวียดนามนั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมหลายบริษัทเลือกที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนามแทน ไม่ใช่จีนเหมือนในอดีตที่ผ่านมา..
ใครอยากมีความรู้เรื่องตลาดหุ้น ลงทุนแมนแนะนำ หนังสือ BLACK SWAN เล่มนี้ ราคา 380 บาท ที่เล่าถึงความล้มเหลวก่อนที่จะสำเร็จของนักลงทุนในตำนาน 12 คน สามารถสั่งซื้อ ได้ที่
References
แสดงความคิดเห็นของคุณ...
